พบผลลัพธ์ทั้งหมด 10 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14679/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความล่าช้าในการบังคับคดีเกิดจากเจ้าหนี้ไม่ดำเนินการ เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องรับผิด
เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดโดยกำหนดวันนัดขายทอดตลาดไว้ถึง 2 นัด และยังมีหนังสือแจ้งโจทก์ให้วางเงินค่าใช้จ่ายในการขายทอดตลาดอีกด้วย แต่โจทก์เองไม่วางเงินกลับยื่นคำร้องขอให้เลื่อนการขายทอดตลาดออกไป 3 เดือน แสดงว่าโจทก์ยังไม่ประสงค์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทรัพย์พิพาท ดังนั้นวันนัดที่กำหนดไว้จึงเป็นการเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดและการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งว่า งดการขายทอดตลาดไว้ 3 เดือน รอโจทก์แถลงความประสงค์ จึงเป็นการที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้แจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าพนักงานบังคับคดีว่าตนตกลงงดการบังคับคดีไว้ชั่วระยะเวลาที่กำหนดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 292 (3) เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนตามความประสงค์ของโจทก์แล้ว หากโจทก์ประสงค์จะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีต่อไป โจทก์ก็ชอบที่จะยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไปเนื่องจากระยะเวลาที่ให้งดการบังคับคดีนั้นได้ล่วงพ้นไปแล้วตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 294 วรรคหนึ่ง โจทก์จะอ้างว่าเป็นความผิดหรือความบกพร่องของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่เมื่อครบกำหนด 3 เดือน ตามที่โจทก์ขอให้งดการบังคับคดีไว้แล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องดำเนินการขายทอดตลาดต่อไปทันทีโดยโจทก์ไม่จำต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีใหม่ให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไปอีกหาได้ไม่เพราะเป็นหน้าที่ของโจทก์โดยตรงที่จะแถลงขอให้ดำเนินการขายทอดตลาดต่อไป จะถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ โจทก์มิได้แถลงขอให้ดำเนินการขายทอดตลาดจนกระทั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือแจ้งให้โจทก์แถลงความประสงค์ในการบังคับคดีและวางค่าใช้จ่ายเพิ่ม โจทก์จึงวางเงินค่าใช้จ่ายเพิ่มและแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดต่อไป การที่โจทก์ปล่อยระยะเวลาล่วงเลยมาถึง 11 ปีเศษ เช่นนี้ ความล่าช้าในการบังคับคดีจึงเป็นความผิดหรือบกพร่องของโจทก์เอง หาใช่เป็นความผิดหรือบกพร่องของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6194/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ส่วนควบกับที่ดินถูกห้ามโอนตามกฎหมาย แม้จะยึดเป็นสังหาริมทรัพย์ก็ไม่อาจทำได้ในระหว่างระยะเวลาห้าม
บ้านของจำเลยที่ 1 ที่โจทก์นำยึดปลูกสร้างอย่างแน่นหนาถาวรบนที่ดินจึงเป็นส่วนควบกับที่ดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 144 วรรคหนึ่ง เมื่อที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์ประธานถูกห้ามโอนตามกฎหมาย บ้านซึ่งเป็นส่วนควบของที่ดินย่อมถูกห้ามโอนด้วย แม้โจทก์จะอุทธรณ์อ้างว่า โจทก์ประสงค์จะยึดบ้านพิพาทอย่างสังหาริมทรัพย์ โดยในการขายทอดตลาดผู้ที่ซื้อทรัพย์จะต้องรื้อถอนบ้านออกจากที่ดินไปเอง ก็เป็นเรื่องที่จะดำเนินการได้เมื่อกำหนดเวลาห้ามการโอนผ่านพ้นไปแล้วเสียก่อน เมื่อโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดบ้านพิพาทในระยะเวลาห้ามโอนตามกฎหมาย กรณีจึงมีเหตุที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะถอนการยึดบ้านหลังดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6611-6612/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องอุทธรณ์และงดการบังคับคดี ต้องเป็นไปตามขั้นตอนและเหตุตามกฎหมาย
การแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องอุทธรณ์ต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 ประกอบมาตรา 246คือต้องเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องอุทธรณ์ไว้แล้วแต่จำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมจึงจะกระทำได้ คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นมิได้รับคำฟ้องอุทธรณ์จึงไม่มีตัวคำฟ้องอุทธรณ์ที่จะต้องแก้ไขเพิ่มเติมได้
การที่จะสั่งงดการบังคับคดีได้จะต้องมีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292,293,294 หรือ 296ตามคำร้องของจำเลยเพียงแต่ขอให้งดการบังคับคดีไว้จนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องอุทธรณ์เสียก่อนนั้น จำเลยไม่ได้ระบุอ้างเหตุตามกฎหมายดังกล่าวไว้ จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งยกคำร้องของจำเลย
การที่จะสั่งงดการบังคับคดีได้จะต้องมีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292,293,294 หรือ 296ตามคำร้องของจำเลยเพียงแต่ขอให้งดการบังคับคดีไว้จนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องอุทธรณ์เสียก่อนนั้น จำเลยไม่ได้ระบุอ้างเหตุตามกฎหมายดังกล่าวไว้ จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะสั่งยกคำร้องของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4309/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการขอทุเลาการบังคับ: ศาลอนุญาตขายทอดตลาดได้แม้มีอุทธรณ์ หากจำเลยมิได้ขอทุเลาการบังคับโดยทำเป็นคำร้อง
เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นจะสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างการไต่สวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ก็ได้และเมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการบังคับคดีแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้ก็ต่อเมื่อศาลชั้นต้นได้ส่งคำสั่งให้ดำเนินคดีต่อไปให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 294 แล้ว จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ และมีคำขอท้ายอุทธรณ์ให้ศาลงดการบังคับคดีและแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ การยื่นอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231บัญญัติว่าการขอทุเลาการบังคับให้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องที่จำเลยมีคำขอมาในอุทธรณ์จึงไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้มีคำร้องขอทุเลาการบังคับที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงชอบแล้ว ปัญหาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปในราคาที่ต่ำเกินไป ทำให้จำเลยเสียหายนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างในศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4309/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอทุเลาการบังคับคดีและการงดบังคับคดีระหว่างการพิจารณาคดีใหม่และอุทธรณ์
เมื่อจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นจะสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีไว้ในระหว่างการไต่สวนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 292 (2) ก็ได้ และเมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการบังคับคดีแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้ก็ต่อเมื่อศาลชั้นต้นได้ส่งคำสั่งให้ดำเนินคดีต่อไปให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 294 แล้ว
จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ และมีคำขอท้ายอุทธรณ์ให้ศาลงดการบังคับคดีและแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ การยื่นอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับ และ ป.วิ.พ. มาตรา 231 บัญญัติว่าการขอทุเลาการบังคับให้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ที่จำเลยมีคำขอมาในอุทธรณ์จึงไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้มีคำร้องขอทุเลาการบังคับที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงชอบแล้ว
ปัญหาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปในราคาที่ต่ำเกินไป ทำให้จำเลยเสียหายนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างในศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ และมีคำขอท้ายอุทธรณ์ให้ศาลงดการบังคับคดีและแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ การยื่นอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับ และ ป.วิ.พ. มาตรา 231 บัญญัติว่าการขอทุเลาการบังคับให้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ที่จำเลยมีคำขอมาในอุทธรณ์จึงไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้มีคำร้องขอทุเลาการบังคับที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงชอบแล้ว
ปัญหาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไปในราคาที่ต่ำเกินไป ทำให้จำเลยเสียหายนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างในศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย จึงเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายไม่มีอำนาจรับชำระหนี้แทนโจทก์หากไม่ได้รับมอบอำนาจ การชำระหนี้จึงไม่ผูกพันโจทก์
ทนายโจทก์ไม่มีอำนาจรับเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยนอกศาลแทนโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินนั้นแทนการที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยย่อมไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยทนายความนอกศาลไม่ผูกพันโจทก์หากไม่ได้รับมอบอำนาจ
ทนายโจทก์ไม่มีอำนาจรับเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยนอกศาลแทนโจทก์โดยไม่ได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้รับเงินนั้นแทนการที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าว การชำระหนี้ของจำเลยย่อมไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1409/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีแบ่งสินสมรสก่อนคดีหย่าถึงที่สุด แม้จำเลยอุทธรณ์คดีหย่าแต่ไม่แจ้งต่อศาลในคดีแบ่งสินสมรส
เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ขอแบ่งสินสมรสจากจำเลย ก็ได้อ้างถึงคดีอื่นที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยว่าศาลพิพากษาให้หย่ากันแล้วตามคดีแดงที่ 91/2512 ของศาลชั้นต้น แต่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เลยว่า คดีฟ้องหย่าดังกล่าวจำเลยได้อุทธรณ์อยู่ คงต่อสู้แต่ในเรื่องทรัพย์และการแบ่งทรัพย์ และยังอ้างถึงสินสมรสอีก 3 รายการ ที่โจทก์มิได้ฟ้อง ว่าโจทก์ควรนำมาแบ่งกันให้เสร็จไป โดยมีคำขอให้ศาลเปรียบเทียบให้คดีเสร็จไปด้วย เมื่อศาลชั้นต้นสอบถามข้อเท็จจริง และโจทก์จำเลยตกลงกันได้ในทรัพย์บางรายการแล้ว ศาลจึงสั่งงดสืบพยาน และพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ที่พิพาทกันนี้ ซึ่งถึงที่สุดแล้ว จำเลยจะมาขอให้งดการบังคับคดีโดยอ้างว่าขอให้รอคดีฟ้องหย่าถึงที่สุดเสียก่อนไม่ได้ กรณีไม่เข้าเหตุที่ศาลจะงดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292, 293, 294 หรือ มาตรา 296 ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1409/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีแบ่งสินสมรส แม้คดีหย่ายังไม่ถึงที่สุด ศาลไม่หยุดยั้งการบังคับคดี
เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ขอแบ่งสินสมรสจากจำเลย ก็ได้อ้างถึงคดีอื่นที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยว่าศาลพิพากษาให้หย่ากันแล้วตามคดีแดงที่ 91/2512 ของศาลชั้นต้น แต่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เลยว่าคดีฟ้องหย่าดังกล่าวจำเลยได้อุทธรณ์อยู่ คงต่อสู้แต่ในเรื่องทรัพย์และการแบ่งทรัพย์ และยังอ้างถึงสินสมรสอีก 3 รายการ ที่โจทก์มิได้ฟ้องว่าโจทก์ควรนำมาแบ่งกันให้เสร็จไปโดยมีคำขอให้ศาลเปรียบเทียบให้คดีเสร็จไปด้วย เมื่อศาลชั้นต้นสอบถามข้อเท็จจริง และโจทก์จำเลยตกลงกันได้ในทรัพย์บางรายการแล้ว ศาลจึงสั่งงดสืบพยาน และพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ที่พิพาทกันนี้ ซึ่งถึงที่สุดแล้วจำเลยจะมาขอให้งดการบังคับคดีโดยอ้างว่าขอให้รอคดีฟ้องหย่าถึงที่สุดเสียก่อนไม่ได้กรณีไม่เข้าเหตุที่ศาลจะงดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 292, 293, 294 หรือมาตรา 296 ประการใด