พบผลลัพธ์ทั้งหมด 462 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากไม่วางค่าธรรมเนียมศาล และการคืนค่าธรรมเนียมศาลเมื่อศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยต่อไป เท่ากับขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้สืบพยานจำเลยต่อไปจำเลยทั้งสามจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 เมื่อจำเลยทั้งสามไม่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ จึงเป็นอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามโดยยังมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งคดี จึงชอบที่จะมีคำสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151มิใช่สั่งให้ค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์เป็นพับ
การที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามโดยยังมิได้วินิจฉัยประเด็นแห่งคดี จึงชอบที่จะมีคำสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์แก่จำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151มิใช่สั่งให้ค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์เป็นพับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ จำเลยต้องแสดงความประมาทเลล่าของตนเอง มิใช่ความล่าช้าของศาล
จำเลยปล่อยเวลาล่วงเลยไปถึง 25 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาแล้วจึงไปขอถ่ายสำเนาคำพิพากษา แสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้เอาใจใส่ในเรื่องนี้อย่างจริงจัง จึงไม่ใช่กรณีมีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยตามกฎหมายที่จะอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้
เมื่อทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ในวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์เวลา 15.35 นาฬิกา เจ้าพนักงานศาลก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ไปตามระบบงานที่เป็นอยู่ แต่ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าในแต่ละวันมีคู่ความหรือประชาชนไปติดต่อกับเจ้าพนักงานศาลเป็นจำนวนมากไม่ได้มีเฉพาะจำเลยเพียงคนเดียว ซึ่งทนายจำเลยก็น่าจะรู้ดี ฉะนั้นการที่เจ้าพนักงานศาลนำคำร้องดังกล่าวเสนอต่อศาลและศาลมีคำสั่งในวันรุ่งขึ้นจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทั้งไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดระบุว่าศาลต้องมีคำสั่งคำร้องในวันที่คู่ความยื่นคำร้องแต่อย่างใดด้วยสาเหตุที่ทำให้จำเลยเสียสิทธิในการยื่นอุทธรณ์มาจากจำเลยและทนายจำเลยปล่อยปละละเลยไม่ได้เอาใจใส่รีบยื่นคำแถลงขอถ่ายเอกสารเสียแต่เนิ่น และเมื่อยื่นแล้วก็ไม่ได้เอาใจใส่ประการใด ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ในวันถัดจากวันครบกำหนดอุทธรณ์ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
เมื่อทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ในวันครบกำหนดยื่นอุทธรณ์เวลา 15.35 นาฬิกา เจ้าพนักงานศาลก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ไปตามระบบงานที่เป็นอยู่ แต่ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าในแต่ละวันมีคู่ความหรือประชาชนไปติดต่อกับเจ้าพนักงานศาลเป็นจำนวนมากไม่ได้มีเฉพาะจำเลยเพียงคนเดียว ซึ่งทนายจำเลยก็น่าจะรู้ดี ฉะนั้นการที่เจ้าพนักงานศาลนำคำร้องดังกล่าวเสนอต่อศาลและศาลมีคำสั่งในวันรุ่งขึ้นจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทั้งไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดระบุว่าศาลต้องมีคำสั่งคำร้องในวันที่คู่ความยื่นคำร้องแต่อย่างใดด้วยสาเหตุที่ทำให้จำเลยเสียสิทธิในการยื่นอุทธรณ์มาจากจำเลยและทนายจำเลยปล่อยปละละเลยไม่ได้เอาใจใส่รีบยื่นคำแถลงขอถ่ายเอกสารเสียแต่เนิ่น และเมื่อยื่นแล้วก็ไม่ได้เอาใจใส่ประการใด ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ในวันถัดจากวันครบกำหนดอุทธรณ์ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางค่าฤชาธรรมเนียมเพื่อฎีกาในคดีขอพิจารณาใหม่ จำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองขอเลื่อนคดีในชั้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ติดต่อกันถึง 5 ครั้ง ศาลชั้นต้นจึงยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยทั้งสอง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตาม การที่จำเลยทั้งสองจะฎีกาในปัญหาตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับการขอพิจารณาใหม่นั้น จำเลยทั้งสองต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ประกอบมาตรา 247 เมื่อไม่ปฏิบัติตาม ฎีกาจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยทั้งสองจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9867/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการอ่านคำพิพากษาและการรับฎีกาเนื่องจากจำเลยมิได้วางค่าธรรมเนียมศาลตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์โดยไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งมาวางศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งว่า ก่อนอ่านคำพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยทั้งสองวางเงินให้ครบถ้วนก่อน หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ส่งคำพิพากษาคืนศาลอุทธรณ์ภาค 3 เพื่อดำเนินต่อไป แต่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไปโดยมิได้แจ้งคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้จำเลยทั้งสองทราบก่อน ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้มีหมายแจ้งคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้จำเลยทั้งสองทราบและมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสอง แต่จำเลยทั้งสอง ก็มิได้นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาล กระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในเรื่องการอ่านอุทธรณ์และคำสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 ศาลฎีกาพิพากษาให้เพิกถอนการอ่าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 และคำสั่งรับฎีกาของจำเลย ให้ศาลชั้นต้นส่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คืนศาลอุทธรณ์ภาค 3 เพื่อดำเนินต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9714/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาชำระค่าขึ้นศาลและค่าฤชาธรรมเนียม: ศาลพิจารณาความเหมาะสมตามระยะเวลาที่ได้รับและเหตุผลประกอบ
นับจากวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยได้ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ ขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ขอขยายระยะเวลาชำระค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ และขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์ตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น รวมเป็นเวลาถึง 1 ปีเศษ นับว่าจำเลยมีเวลาเตรียมเงินค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนานเพียงพอแล้ว ตามคำร้องของจำเลยก็ไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะทำให้น่าเชื่อว่าจำเลยจะวางเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ภายในกำหนดเวลาที่ขอขยายไว้ กรณียังไม่อาจถือว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลาวางเงินตามคำร้องของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9662/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์คำสั่งยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ ต้องวางค่าธรรมเนียมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 มิฉะนั้นอุทธรณ์ไม่ชอบ
การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ มีผลเท่ากับเป็นการขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้โจทก์จำเลยนำพยานเข้าสืบต่อไป จำเลยจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 229 เมื่อจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ อุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 , 247 และถือไม่ได้ว่าฎีกาของจำเลยเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9148/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายกรณีไม่วางเงินค่าธรรมเนียมพร้อมอุทธรณ์ แม้เป็นการอุทธรณ์คำสั่งเกี่ยวกับพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ต่อมาจำเลยยื่น คำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบและขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง แม้จำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งงดไต่สวนพยานจำเลยในชั้นขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบก็ตาม แต่ถ้าหากศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย ศาลอุทธรณ์ก็ต้องมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้น และอนุญาตให้จำเลย นำพยานเข้าไต่สวนเพื่อจะได้ใช้ดุลพินิจมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่จำเลยอ้างว่าศาลชั้นต้นทำผิดระเบียบหรือไม่ต่อไป อุทธรณ์ของจำเลยจึงมีผลส่วนหนึ่งเท่ากับเป็นการขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนแก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 เมื่อจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วย
กฎหมาย ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว
กฎหมาย ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9105/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 ทำให้ไม่มีสิทธิฎีกา
จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานจำเลย ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและให้สืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี เท่ากับขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้สืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ โดยจำเลยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะปฏิเสธไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย การที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นการมิชอบ ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาต่อมาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7595/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ชำระค่าขึ้นศาลและค่าฤชาธรรมเนียมตามคำสั่งศาลภายในกำหนด
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์และอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาชำระเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาออกไป ซึ่งเป็นการสั่งในวันที่จำเลยยื่นอุทธรณ์และคำร้องขออนุญาตให้ขยายระยะเวลาชำระเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษานั่นเอง และในคำร้องของจำเลยดังกล่าวมีหมายเหตุไว้ว่า "ข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว" ถือได้ว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งของศาลที่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาชำระเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาตามที่จำเลยขอออกไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อถึงกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และไม่วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษา จึงถือว่าจำเลยไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการดังกล่าว อันเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ฯ พ.ศ. 2539 มาตรา 45 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 246 และ 174 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7587/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นอุทธรณ์ล้มละลายพ้นกำหนด ศาลฎีกายกคำสั่งรับอุทธรณ์และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย ซึ่งครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 28 ตุลาคม 2541 จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 28ตุลาคม 2541 ขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 30 วันนับแต่วันยื่นคำขอ ศาลชั้นต้นอนุญาตจึงครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ในวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2541 ดังนั้น การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ในวันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2541 จึงเป็นการยื่นอุทธรณ์เมื่อล่วงพ้นกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้แล้ว การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย จึงเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 153 ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ยกคำสั่งรับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นเสีย อุทธรณ์ของจำเลยหลังจากนี้จึงต้องตกไป การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับอุทธรณ์ของจำเลยซึ่งตกไปดังกล่าวจึงไม่ชอบ