พบผลลัพธ์ทั้งหมด 462 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4004/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความอุทธรณ์คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย การโต้แย้งต้องทำภายใน 1 เดือนนับแต่วันอ่านคำสั่ง
ลูกหนี้อุทธรณ์โต้แย้งว่า ลูกหนี้มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินไม่ต้องล้มละลาย มิได้อุทธรณ์ว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นไม่ตรงกับรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานต่อศาลไม่ตรงกับมติที่ประชุมเจ้าหนี้หรือไม่ตรงต่อข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับพฤติการณ์ของเจ้าหนี้ตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 61 จึงมิใช่เป็นการโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เป็นการโต้แย้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดี มีสภาพบังคับและมีความหมายเช่นเดียวกับคำพิพากษา ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 มาตรา 6 เมื่อลูกหนี้ประสงค์จะโต้แย้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ก็ต้องอุทธรณ์ภายใน 1 เดือนนับแต่วันอ่านคำสั่งนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 153
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3333/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความและการยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา
หากศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ผู้ร้องก็จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลเพื่อใช้แทนผู้ชนะคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้อง ชำระเกี่ยวกับคำฟ้องอุทธรณ์ที่ผู้ร้องยื่นต่อศาลนั้น ผู้ร้องก็ยังไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องชำระในชั้นนี้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ผู้ร้องนำค่าฤชาธรรมเนียมมาชำระก่อนจึงค่อยกำหนดนัดไต่สวนคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความ แทนที่ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นางส.ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้เป็นมารดา ทรัพย์สินที่อาจได้มาตามคำพิพากษาซึ่งจะตกได้แก่ผู้ร้องก็จะเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง มิใช่เป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับสามี กรณีจึงมิใช่เป็นกรณีที่ผู้ร้องเข้า ไปจัดการ สินสมรสอันจะต้องจัดการร่วมกับสามี หรือต้องได้รับความยินยอมจากสามีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476,1477, และ 1478
นางส.ร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้เป็นมารดา ทรัพย์สินที่อาจได้มาตามคำพิพากษาซึ่งจะตกได้แก่ผู้ร้องก็จะเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง มิใช่เป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับสามี กรณีจึงมิใช่เป็นกรณีที่ผู้ร้องเข้า ไปจัดการ สินสมรสอันจะต้องจัดการร่วมกับสามี หรือต้องได้รับความยินยอมจากสามีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476,1477, และ 1478
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1994/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้แทนลูกหนี้และการรับช่วงสิทธิในคดีล้มละลาย: เจ้าหนี้ทำประกันภัยเองมิอาจเรียกชำระหนี้แทนได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องศาลฎีกาพิพากษากลับ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดใน กรณีเช่นนี้เจ้าหนี้ย่อมยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด 2 เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์เด็ดขาดของศาลฎีกาได้
จำเลย(ลูกหนี้) จำนองทรัพย์สินไว้แก่เจ้าหนี้ ในสัญญา ต่อท้ายสัญญาจำนองได้กำหนดให้จำเลยประกันภัยทรัพย์สิน ที่จำนองโดยให้เจ้าหนี้เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยนั้น แต่จำเลยไม่จัดการประกันภัยเจ้าหนี้จึงทำสัญญาประกันภัยและได้ชำระเบี้ยประกันภัยไป ดังนี้เจ้าหนี้จะมาขอรับชำระหนี้ในหนี้จำนวนดังกล่าวโดยอ้างว่า ชำระแทนจำเลยไปไม่ได้ เพราะต้องถือว่าเจ้าหนี้เป็นทั้งผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 862ผู้เอาประกันภัยหมายความว่าคู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะส่งเบี้ยประกันภัย การที่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นคู่สัญญา กับผู้รับประกันภัยได้ชำระเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้รับประกันภัย ไปจึงต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้ของตนเอง ไม่ใช่เป็นการ ชำระหนี้แทนจำเลยหาก่อให้เกิดอำนาจแห่งการรับช่วงสิทธิ แก่เจ้าหนี้ตามมาตรา 226 และมาตรา 229 แต่ประการใดไม่
จำเลย(ลูกหนี้) จำนองทรัพย์สินไว้แก่เจ้าหนี้ ในสัญญา ต่อท้ายสัญญาจำนองได้กำหนดให้จำเลยประกันภัยทรัพย์สิน ที่จำนองโดยให้เจ้าหนี้เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยนั้น แต่จำเลยไม่จัดการประกันภัยเจ้าหนี้จึงทำสัญญาประกันภัยและได้ชำระเบี้ยประกันภัยไป ดังนี้เจ้าหนี้จะมาขอรับชำระหนี้ในหนี้จำนวนดังกล่าวโดยอ้างว่า ชำระแทนจำเลยไปไม่ได้ เพราะต้องถือว่าเจ้าหนี้เป็นทั้งผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 862ผู้เอาประกันภัยหมายความว่าคู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะส่งเบี้ยประกันภัย การที่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นคู่สัญญา กับผู้รับประกันภัยได้ชำระเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้รับประกันภัย ไปจึงต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้ของตนเอง ไม่ใช่เป็นการ ชำระหนี้แทนจำเลยหาก่อให้เกิดอำนาจแห่งการรับช่วงสิทธิ แก่เจ้าหนี้ตามมาตรา 226 และมาตรา 229 แต่ประการใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1994/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: การชำระหนี้แทนลูกหนี้โดยเจ้าหนี้ และการรับช่วงสิทธิ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องศาลฎีกาพิพากษากลับ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดใน กรณีเช่นนี้เจ้าหนี้ย่อมยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์เด็ดขาดของศาลฎีกาได้ จำเลย(ลูกหนี้) จำนองทรัพย์สินไว้แก่เจ้าหนี้ ในสัญญา ต่อท้ายสัญญาจำนองได้กำหนดให้จำเลยประกันภัยทรัพย์สิน ที่จำนองโดยให้เจ้าหนี้เป็นผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยนั้นแต่จำเลยไม่จัดการประกันภัยเจ้าหนี้ จึงทำสัญญาประกันภัยและได้ชำระเบี้ยประกันภัยไป ดังนี้เจ้าหนี้จะมาขอรับชำระหนี้ในหนี้จำนวนดังกล่าวโดยอ้างว่า ชำระแทนจำเลยไปไม่ได้เพราะต้องถือว่าเจ้าหนี้เป็นทั้ง ผู้เอาประกันภัยและผู้รับประโยชน์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 862ผู้เอาประกันภัยหมายความว่าคู่สัญญาฝ่ายซึ่งตกลงจะส่งเบี้ยประกันภัยการที่เจ้าหนี้ซึ่งเป็นคู่สัญญา กับผู้รับประกันภัยได้ชำระเบี้ยประกันภัยให้แก่ผู้รับประกันภัย ไปจึงต้องถือว่าเป็นการชำระหนี้ของตนเอง ไม่ใช่เป็นการ ชำระหนี้แทนจำเลยหาก่อให้เกิดอำนาจแห่งการรับช่วงสิทธิ แก่เจ้าหนี้ตามมาตรา 226 และมาตรา 229 แต่ประการใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3377/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยร่วมและการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ขอให้ศาลชั้นต้นเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) จำเลยร่วมให้การว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้เป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุกับจำเลยร่วม จำเลยร่วมรับประกันภัยค้ำจุนจำเลยที่ 3 เท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยร่วมก็ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ด้วย คำให้การของจำเลยร่วมเป็นปรปักษ์ทั้งต่อโจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์และให้จำเลยร่วมรับผิดต่อโจทก์ด้วย จำเลยร่วมก็ได้อุทธรณ์ว่าไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ในชั้นอุทธรณ์คดีจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยความรับผิดของจำเลยร่วม จำเลยที่ 2 ก็ต้องถือว่าเป็นจำเลยอุทธรณ์ด้วย การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ของจำเลยร่วมเฉพาะโจทก์ ไม่ส่งแก่จำเลยที่ 2ด้วย จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 235ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไปโดยมิได้สั่งให้ศาลชั้นต้นแก้ไขให้ถูกต้อง ถือว่าศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา ศาลฎีกาต้องยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามมาตรา 247 ประกอบด้วย มาตรา 243(2) และการส่งสำเนาอุทธรณ์จะต้องปฏิบัติตามมาตรา 229 แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาในปัญหานี้ขึ้นมา ก็ชอบที่ศาลชั้นต้นจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนจำเลยและการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเกี่ยวกับข้อพิพาทที่ดิน
ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์ขยายเวลาการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนจำเลยไปอีก 10 วัน และโจทก์ได้นำเงินดังกล่าวมาวางศาลภายในกำหนดที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลาให้ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์จึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องที่ดินและเงินกู้ การวางเงินค่าฤชาธรรมเนียม และการรับฎีกา
ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้โจทก์ขยายเวลาการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนจำเลยไปอีก 10 วัน และโจทก์ได้นำเงินดังกล่าวมาวางศาลภายในกำหนดที่ศาลชั้นต้นขยายระยะเวลาให้ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์จึงเป็นการชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3589/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ส่งเอกสารตามคำสั่งศาล & อำนาจแก้ไขคำสั่งที่ไม่ถูกต้องของศาลชั้นต้น
การที่โจทก์ไม่ส่งเอกสารตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกจากโจทก์เพื่อให้จำเลยตรวจดูก่อนจำเลยยื่นคำให้การนั้น ชอบที่ศาลจะสอบถามหรือไต่สวนให้ได้ความว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการตามที่ศาลกำหนด หรือเป็นการขัดขืนไม่ส่งเอกสารในการพิจารณาคดี และดำเนินการต่อไปตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ทั้งไม่มีบทกฎหมายใดที่อนุโลมให้ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับว่าไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยประสงค์จะอ้างเอกสารเพื่อจะสืบข้อเท็จจริงเรื่องใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงนั้นหรือไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 124
การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเข้าใจโดยผิดหลงศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้ส่วนที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นซึ่งไม่รับอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์นั้น เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการที่ผู้อุทธรณ์จะปฏิบัติได้อีกทางหนึ่งเท่านั้นหาใช่เป็นบทบัญญัติที่ห้ามมิให้ศาลชั้นต้นสั่งแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยผิดหลงเช่นนั้นไม่
การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเข้าใจโดยผิดหลงศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้ส่วนที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นซึ่งไม่รับอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์นั้น เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการที่ผู้อุทธรณ์จะปฏิบัติได้อีกทางหนึ่งเท่านั้นหาใช่เป็นบทบัญญัติที่ห้ามมิให้ศาลชั้นต้นสั่งแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยผิดหลงเช่นนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3589/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ส่งเอกสารตามคำสั่งศาลและการแก้ไขคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลมีอำนาจสอบถามและแก้ไขได้
การที่โจทก์ไม่ส่งเอกสารตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกจากโจทก์เพื่อให้จำเลยตรวจดูก่อนจำเลยยื่นคำให้การนั้นชอบที่ศาลจะสอบถามหรือไต่สวนให้ได้ความว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการตามที่ศาลกำหนด หรือเป็นการขัดขืนไม่ส่งเอกสารในการพิจารณาคดี และดำเนินการต่อไปตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ทั้งไม่มีบทกฎหมายใดที่อนุโลมให้ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับว่าไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยประสงค์จะอ้างเอกสารเพื่อจะสืบข้อเท็จจริงเรื่องใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงนั้นหรือไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 124
การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเข้าใจโดยผิดหลงศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้ส่วนที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นซึ่งไม่รับอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์นั้น เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการที่ผู้อุทธรณ์จะปฏิบัติได้อีกทางหนึ่งเท่านั้นหาใช่เป็นบทบัญญัติที่ห้ามมิให้ศาลชั้นต้นสั่งแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยผิดหลงเช่นนั้นไม่
การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเข้าใจโดยผิดหลงศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้ส่วนที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นซึ่งไม่รับอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์นั้น เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการที่ผู้อุทธรณ์จะปฏิบัติได้อีกทางหนึ่งเท่านั้นหาใช่เป็นบทบัญญัติที่ห้ามมิให้ศาลชั้นต้นสั่งแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยผิดหลงเช่นนั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นอุทธรณ์เกินกำหนด และเหตุสุดวิสัย ศาลไม่อนุญาตขยายเวลาหากมิได้ดำเนินการก่อนหมดกำหนด
หลังจากเลยกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาเพื่อให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นอุทธรณ์ โดยอ้างว่าทนายจำเลยมิได้แจ้งผลคดีให้จำเลยทราบว่าศาลชั้นต้นพิพากษาคดีเมื่อใด เพิ่งได้ทราบหลังจากพ้นกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ แล้ว จึงไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาได้ เหตุดังกล่าว หาใช่เหตุสุดวิสัยตามความหมายในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ไม่ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยเสีย