พบผลลัพธ์ทั้งหมด 462 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1522/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอขยายเวลาอุทธรณ์หลังพ้นกำหนด – เหตุสุดวิสัยที่ไม่เพียงพอ
หลังจากเลยกำหนดเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาเพื่อให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นอุทธรณ์ โดยอ้างว่าทนายจำเลยมิได้แจ้งผลคดีให้จำเลยทราบว่าศาลชั้นต้นพิพากษาคดีเมื่อใด เพิ่งได้ทราบหลังจากพ้นกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์แล้ว จึงไม่สามารถยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาได้ เหตุดังกล่าวหาใช่เหตุสุดวิสัยตามความหมายในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ไม่ ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยเสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2243-2245/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตให้ใช้คำร้องแทนฟ้องอุทธรณ์ได้หากศาลรับไว้และมีการชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มเติม
คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ใช้แบบพิมพ์คำร้องแทนที่จะใช้แบบพิมพ์อุทธรณ์ เป็นการไม่ถูกต้องแต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับมาโดยมิได้สั่งให้ทำใหม่ก็ชอบที่จะอนุโลมให้ถือเป็นอุทธรณ์ที่ชอบได้เมื่อได้เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มครบถ้วนแล้วศาลอุทธรณ์ก็รับวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำหน่ายคดี-ค่าธรรมเนียมศาล: อุทธรณ์ไม่ทันเวลา สิทธิสิ้นสุด
ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเพราะโจทก์ทิ้งฟ้องโจทก์ต้องอุทธรณ์คำสั่งศาลที่สั่งไม่คืนค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์เสียภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดี การที่โจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลเมื่อล่วงเลยอายุอุทธรณ์ดังกล่าวแล้วไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดอุทธรณ์ค่าฤชาธรรมเนียมหลังจำหน่ายคดี: ต้องอุทธรณ์ภายใน 1 เดือนนับจากคำสั่งจำหน่ายคดี หากพ้นกำหนดแล้วไม่สามารถขอคืนค่าธรรมเนียมได้
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเพราะโจทก์ทิ้งฟ้อง (โดยมิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม) โจทก์ต้องอุทธรณ์คำสั่งศาลเกี่ยวกับเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีการที่โจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลเมื่อล่วงเลยอายุอุทธรณ์แล้วไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่คืนค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์แต่อย่างใดโจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3388/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ในการยึดทรัพย์มรดกที่ยังมิได้แบ่งปัน และการรับคำร้องขอค่าธรรมเนียมศาลหลังพ้นกำหนด
ผู้ร้องกับสามีเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาท จำเลยเป็นบุตรของผู้ร้อง เมื่อสามีของผู้ร้องถึงแก่กรรมไปโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกมรดกส่วนของตนให้แก่ผู้ใด ดังนั้น ส่วนที่เป็นของสามีจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมทุกคน รวมทั้งผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาและจำเลยซึ่งเป็นบุตรด้วย เมื่อทรัพย์นั้นยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาท โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษา ย่อมมีสิทธิ์ที่จะยึดทรัพย์ดังกล่าวเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ ผู้ร้องเป็นเพียงเจ้าของร่วมกันหามีอำนาจร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดได้ไม่ ได้แต่จะร้องขอส่วนแบ่งหรือร้องขอให้กับเงินส่วนของตนออกเมื่อขายทรัพย์แล้วเท่านั้น
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดอายุอุทธรณ์พร้อมด้วยคำขออุทธรณ์คนอนาถาระหว่างไต่สวน ก่อนศาลมีคำสั่ง แต่พ้นกำหนดอายุอุทธรณ์แล้ว โจทก์ขอเสียค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตและสั่งรับอุทธรณ์โจทก์ เช่นนี้ถือได้ว่าศาลชั้นต้นสั่งชอบแล้วและไม่ขาดอายุอุทธรณ์ เพราะในระหว่างศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 นั้น กฎหมายไม่ได้บังคับให้โจทก์ต้องวางเงินค่าธรรมเนียม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 679/2486 แล 22/2493)
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดอายุอุทธรณ์พร้อมด้วยคำขออุทธรณ์คนอนาถาระหว่างไต่สวน ก่อนศาลมีคำสั่ง แต่พ้นกำหนดอายุอุทธรณ์แล้ว โจทก์ขอเสียค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตและสั่งรับอุทธรณ์โจทก์ เช่นนี้ถือได้ว่าศาลชั้นต้นสั่งชอบแล้วและไม่ขาดอายุอุทธรณ์ เพราะในระหว่างศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 นั้น กฎหมายไม่ได้บังคับให้โจทก์ต้องวางเงินค่าธรรมเนียม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 679/2486 แล 22/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3388/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ในการยึดทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง และการรับคำอุทธรณ์พร้อมคำขออนาถา
ผู้ร้องกับสามีเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาท จำเลยเป็นบุตรของผู้ร้อง เมื่อสามีของผู้ร้องถึงแก่กรรมไปโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกมรดกส่วนของตนให้แก่ผู้ใด ดังนั้น ส่วนที่เป็นของสามีจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมทุกคน รวมทั้งผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาและจำเลยซึ่งเป็นบุตรด้วย เมื่อทรัพย์นั้นยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาท โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษา ย่อมมีสิทธิที่จะยึดทรัพย์ดังกล่าวเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ ผู้ร้องเป็นเพียงเจ้าของร่วมกันหามีอำนาจร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดได้ไม่ ได้แต่จะร้องขอส่วนแบ่งหรือร้องขอให้กันเงินส่วนของตนออกเมื่อขายทรัพย์แล้วเท่านั้น
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดอายุอุทธรณ์พร้อมด้วยคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาระหว่างไต่สวน ก่อนศาลมีคำสั่งแต่พ้นกำหนดอายุอุทธรณ์แล้ว โจทก์ขอเสียค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตและสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์เช่นนี้ถือได้ว่าศาลชั้นต้นสั่งชอบแล้วและไม่ขาดอายุอุทธรณ์ เพราะในระหว่างศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 นั้น กฎหมายไม่ได้บังคับให้โจทก์ต้องวางเงินค่าธรรมเนียม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 679/2486 และ 22/2493)
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดอายุอุทธรณ์พร้อมด้วยคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาระหว่างไต่สวน ก่อนศาลมีคำสั่งแต่พ้นกำหนดอายุอุทธรณ์แล้ว โจทก์ขอเสียค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตและสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์เช่นนี้ถือได้ว่าศาลชั้นต้นสั่งชอบแล้วและไม่ขาดอายุอุทธรณ์ เพราะในระหว่างศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 นั้น กฎหมายไม่ได้บังคับให้โจทก์ต้องวางเงินค่าธรรมเนียม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 679/2486 และ 22/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินค่าธรรมเนียมและค่าเสียหายที่วางศาลเมื่อเหตุแห่งการวางเงินสิ้นสุดลง แม้ผลคดีต่อมาจะแพ้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท กับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ การที่จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้ให้แก่โจทก์ มาวางศาลพร้อมกับนำเงินค่าเสียหายที่จะต้องชำระตามคำพิพากษามาวางศาลตามคำสั่ง เพื่อให้ศาลอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั้น ถือได้ว่า เงินค่าทนายความที่จำเลยวางเป็นเงินค่าธรรมเนียมที่วางไว้เพื่อใช้สิทธิในการอุทธรณ์ ส่วนเงินค่าเสียหายเป็นเงินที่วางตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่อนุญาตให้จำเลยทุเลาการบังคับคดี เมื่อต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่แล้ว เหตุแห่งการวางเงินดังกล่าวย่อมหมดสิ้นไป และไม่มีบทกฎหมายใดที่ให้อำนาจศาล ยึดเงินที่วางไว้ในกรณีดังกล่าวต่อไปได้ศาลจึงชอบที่จะคืนเงินดังกล่าวให้แก่จำเลย ส่วนการที่ต่อมา ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่พิพาทพร้อมกับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ก็เป็นคำพิพากษาใหม่ไม่เกี่ยวเนื่องกับเงินที่จำเลยได้วางไว้ในกรณีดังกล่าวข้างต้นนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดนอกศาล และอำนาจการขอให้ศาลพิพากษาตามคำชี้ขาด
ที่ดินของผู้ร้องถูกเวนคืน อนุญาโตตุลาการฝ่ายผู้ร้องและผู้คัดค้านกำหนดค่าทดแทนราคาที่ดินซึ่งถูกเวนคืนไม่เท่ากัน ผู้ร้องจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งประธานศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วตั้ง อ. เป็นประธานเพื่อชี้ขาดคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ตลอดระยะเวลาที่ทั้งสองฝ่ายตั้งอนุญาโตตุลาการจนถึงเวลาที่ผู้ร้องร้องขอให้ศาลตั้ง อ.เป็นประธานต่างฝ่ายต่างไม่มีคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น อนุญาโตตุลาการที่ทั้งสองฝ่ายตั้งขึ้นจึงเป็นการตั้งกันเองโดยศาลมิได้รับรู้มิใช่เป็นการตั้งตามมาตรา 210 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ถือได้ว่าเป็นกรณีที่เสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดนอกศาลแม้ต่อมาศาลชั้นต้นจะได้มีคำสั่งตั้งให้ อ. เป็นประธานเพื่อชี้ขาด ก็ยังถือไม่ได้ว่าไม่เป็นกรณีที่เสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดนอกศาลกรณีเช่นนี้ต้องบังคับตามบทบัญญัติมาตรา 221 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อไม่ปรากฏว่าคู่กรณีฝ่ายใดไม่ยอมปฏิบัติตามคำชี้ขาดของ อ.และอ. มิใช่คู่กรณี อ. จึงไม่มีอำนาจที่จะร้องขอต่อศาลให้มีคำพิพากษาตามคำชี้ขาดของ อ. ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดนอกศาล และอำนาจการขอให้ศาลมีคำพิพากษาตามคำชี้ขาด
ที่ดินของผู้ร้องถูกเวนคืน อนุญาโตตุลาการฝ่ายผู้ร้อง และผู้คัดค้าน กำหนดค่าทดแทนราคาที่ดินซึ่งถูกเวนคืนไม่เท่ากัน ผู้ร้องจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งประธาน ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วตั้ง อ. เป็นประธานเพื่อชี้ขาดคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการตลอดระยะเวลาที่ทั้งสองฝ่ายตั้งอนุญาโตตุลาการ จนถึงเวลาที่ผู้ร้องร้องขอให้ศาลตั้ง อ. เป็นประธานต่างฝ่ายต่างไม่มีคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น อนุญาโตตุลาการที่ทั้งสองฝ่ายตั้งขึ้นจึงเป็นการตั้งกันเองโดยศาลมิได้รับรู้ มิใช่เป็นการตั้งตามมาตรา 210 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ถือได้ว่าเป็นกรณีที่เสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดนอกศาล แม้ต่อมาศาลชั้นต้นจะได้มีคำสั่งตั้งให้ อ. เป็นประธานเพื่อชี้ขาด ก็ยังถือไม่ได้ว่าไม่เป็นกรณีที่เสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดนอกศาล กรณีเช่นนี้ต้องบังคับตามบทบัญญัติมาตรา 221 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อไม่ปรากฏว่าคู่กรณีฝ่ายใดไม่ยอมปฏิบัติตามคำชี้ขาดของ อ. และอ. มิใช่คู่กรณี อ. จึงไม่มีอำนาจที่จะร้องขอต่อศาลให้มีคำพิพากษาตามคำชี้ขาดของ อ. ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากขาดนัดฟังคำสั่ง และการที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาประเด็นเกินขอบเขตที่อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีอ้างว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ว่าคำร้องของโจทก์มีขอ้ความชัดว่าโจทก์ร้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป มิใช่ขอให้พิจารณาใหม่ ไม่สมควรที่ศาลชั้นต้นจะสั่งจำหน่ายคดี ขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องของโจทก์ จึงเท่ากับอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีโดยไม่ชอบ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะจงใจไม่มาศาลในวันนัดฟังประเด็นกลับ ก็มิใช่เป็นกรณีที่จะถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบ พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ย่อมเป็นการวินิจฉัยในประเด็นโดยตรงที่โจทก์อุทธรณ์แล้ว ไม่จำเป็นที่จะวินิจฉัยว่าจะให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของโจทก์ต่อไปหรือไม่
ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีวันที่ 19 พฤศจิกายน 2519 วันที่ 22 พฤศจิกายน 2519 โจทก์ยื่นคำร้องว่ามิได้มีเจตนาขาดนัดหรือจงใจละทิ้งคดี ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้อง วันที่ 22 ธันวาคม 2519 ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นงดไต่สวนคดีแล้วสั่งยกคำร้อง ต้องถือว่าคำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2519 มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2519 อันเป็นวันที่ศาลชั้นต้นงดการไต่สวนและยกคำร้องและเป็นวันเริ่มต้นนับวันอายุอุทธรณ์ของโจทก์
ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีวันที่ 19 พฤศจิกายน 2519 วันที่ 22 พฤศจิกายน 2519 โจทก์ยื่นคำร้องว่ามิได้มีเจตนาขาดนัดหรือจงใจละทิ้งคดี ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้อง วันที่ 22 ธันวาคม 2519 ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นงดไต่สวนคดีแล้วสั่งยกคำร้อง ต้องถือว่าคำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2519 มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2519 อันเป็นวันที่ศาลชั้นต้นงดการไต่สวนและยกคำร้องและเป็นวันเริ่มต้นนับวันอายุอุทธรณ์ของโจทก์