พบผลลัพธ์ทั้งหมด 21 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการปิดกั้นทางน้ำ – การใช้สิทธิก่อความเสียหาย – แก้ไขเพื่อบรรเทา – ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.421, 1337
ที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่ติดต่อกัน โดยที่ดินของจำเลยแปลงหนึ่งอยู่ติดถนนฟากตะวันตกตรงกันข้ามกับที่ดินของจำเลย อีกแปลงหนึ่งซึ่งติดต่อกับที่ดินโจทก์ฟากตะวันออกทั้งโจทก์จำเลยต่างใช้ที่ดินทำนาข้าวโดยอาศัยน้ำฝน เมื่อฝนตก น้ำฝนจะไหลจากที่ดินของผู้อื่นทางทิศตะวันออกมาสู่ที่ดินโจทก์จำเลยทางทิศตะวันออกเขตถนน แล้วไหลผ่านท่อระบายน้ำผ่านถนนลงที่นาจำเลยแปลงทิศตะวันตก จำเลยทำคันดินหรือพนังขวางทางน้ำไหลจากท่อระบายมิให้ลงสู่ที่นาของจำเลยดังที่เคยเป็นมา เป็นเหตุให้น้ำทางฟากถนนตะวันออกเอ่อท่วมทั้งที่นาจำเลยกับที่นาโจทก์มีระดับสูงแค่อก โจทก์ใช้ประโยชน์ที่ดินทำนาไม่ได้ แม้จะฟังได้ว่าจำเลยทำคันดินหรือพนังกั้นน้ำเพื่อมิให้น้ำซึ่งไหลจากท่อระบายเข้านาทำความเสียหายแก่ข้าวกล้าของจำเลยและไม่ใช่กรณีน้ำที่ไหลจากพื้นดินสูงลงสู่พื้นดินต่ำตามธรรมดา แต่ก็ได้ความว่า ถ้าจำเลยแก้ไขทำเหมืองให้น้ำผ่านนาของจำเลยไป ความเสียหายของโจทก์ผู้มีที่นาใกล้เคียงอีกฟากหนึ่งของถนนก็จะไม่เสียหายเกินกว่าที่ควรคิดหรือคาดหมายว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรแต่จำเลยก็ไม่ยอมแก้ไขเพื่อบรรเทาผลร้ายของโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ปิดกั้นน้ำโดยทำคันดินหรือพนังดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นเป็นละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 และโจทก์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการให้ความเสียหายนั้นสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการใช้น้ำลำเหมือง การใช้สิทธิโดยก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
ลำเหมืองพิพาทผ่านที่นาของจำเลยไปสู่ที่นาของโจทก์โจทก์ใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาทในการทำนามาเป็นเวลา 10 ปีเศษแล้วจำเลยก็ยอมรับว่าโจทก์ได้ใช้น้ำในลำเหมืองที่ผ่านที่นาของจำเลยเพราะตามปกติน้ำฝนมีไม่พอในการทำนา แสดงว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าถ้าจำเลยกลบลำเหมืองในที่นาของจำเลยเสีย ผลเสียหายย่อมเกิดขึ้นแก่การทำนาของโจทก์อย่างแน่นอน ฉะนั้น การที่จำเลยกลบลำเหมืองพิพาทตอนที่ผ่านที่นาจำเลย เพื่อมิให้โจทก์ได้ใช้น้ำในลำเหมืองนั้นในการทำนาต่อไป จึงเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยเปิดลำเหมืองพิพาทเพื่อ โจทก์จะได้ใช้น้ำจากลำเหมืองในการทำนาตามสภาพเดิมต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิในที่ดินที่เป็นการละเมิดต่อผู้อื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421
ลำเหมืองพิพาทผ่านที่นาของจำเลยไปสู่ที่นาของโจทก์ โจทก์ใช้น้ำจากลำเหมืองพิพาทในการทำนามาเป็นเวลา 10 ปีเศษแล้วจำเลยก็ยอมรับว่าโจทก์ได้ใช้น้ำในลำเหมืองที่ผ่านที่นาของจำเลย เพราะตามปกติน้ำฝนมีไม่พอในการทำนา แสดงว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าถ้าจำเลยกลบลำเหมืองในที่นาของจำเลยเสีย ผลเสียหายย่อมเกิดขึ้นแก่การทำนาของโจทก์อย่างแน่นอน ฉะนั้น การที่จำเลยกลบลำเหมืองพิพาทตอนที่ผ่านที่นาจำเลย เพื่อมิให้โจทก์ได้ใช้น้ำในลำเหมืองนั้นในการทำนาต่อไป จึงเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยเปิดลำเหมืองพิพาทเพื่อโจทก์จะได้ใช้น้ำจากลำเหมืองในการทำนาตามสภาพเดิมต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในลำเหมือง: การครอบครองและการป้องกันความเสียหายจากการปิดกั้นลำเหมือง
เหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองที่จำเลยกับพวกช่วยกันขุดและจำเลยได้ครอบครองโดยใช้น้ำจากเหมืองพิพาทตลอดมา แม้โจทก์จะได้ครอบครองและแจ้งการครอบครองที่ดินของโจทก์ทั้งสองฟากเหมืองพิพาท ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะถือได้ว่าเหมืองพิพาทเป็นของโจทก์
เมื่อโจทก์ได้ปิดกั้นลำเหมืองพิพาทเป็นเหตุให้พวกจำเลยไม่มีน้ำใช้ทำนาพวกจำเลยจึงได้รื้อออก เช่นนี้ เป็นการกระทำเพื่อป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
เมื่อโจทก์ได้ปิดกั้นลำเหมืองพิพาทเป็นเหตุให้พวกจำเลยไม่มีน้ำใช้ทำนาพวกจำเลยจึงได้รื้อออก เช่นนี้ เป็นการกระทำเพื่อป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในลำเหมืองที่ขุดขึ้นเอง: การรื้อสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันความเสียหายชอบด้วยกฎหมาย แม้ทำให้ผู้อื่นเสียหาย
เหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองที่จำเลยกับพวกช่วยกันขุดและจำเลยได้ครอบครองโดยใช้น้ำจากเหมืองพิพาทตลอดมาแม้โจทก์จะได้ครอบครองและแจ้งการครอบครองที่ดินของโจทก์ทั้งสองฟากเหมืองพิพาท ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะถือได้ว่าเหมืองพิพาทเป็นของโจทก์
เมื่อโจทก์ได้ปิดกั้นลำเหมืองพิพาทเป็นเหตุให้พวกจำเลยไม่มีน้ำใช้ทำนาพวกจำเลยจึงได้รื้อออก เช่นนี้ เป็น การกระทำเพื่อป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
เมื่อโจทก์ได้ปิดกั้นลำเหมืองพิพาทเป็นเหตุให้พวกจำเลยไม่มีน้ำใช้ทำนาพวกจำเลยจึงได้รื้อออก เช่นนี้ เป็น การกระทำเพื่อป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้น้ำในลำน้ำสาธารณะ เจ้าของที่ดินริมทางน้ำต้องไม่ปิดกั้นน้ำจนเกิดความเสียหายแก่ที่ดินแปลงอื่น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 เป็นเรื่องเจ้าของที่ดินที่สูงกว่ามีสิทธิกั้นเอาน้ำไว้ใช้เพียงจำเป็นแก่ที่ดินได้ส่วนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1355 เป็นเรื่องเจ้าของที่ดินริมทางน้ำหรือมีทางน้ำผ่านไม่มีสิทธิที่จะชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของตนตามควร ให้เป็นเหตุเสื่อมเสียแก่ที่ดินแปลงอื่นซึ่งอยู่ตามทางน้ำนั้น
จำเลยทำคันดินให้สูงขึ้นเป็นทำนบปิดลำห้วยซึ่งเป็นทางน้ำสาธารณะตอนเหนือนาโจทก์ปิดตาย ไม่ยอมให้น้ำไหลไปตามธรรมชาติได้เลย เป็นเหตุให้ตอนใต้ทำนบน้ำแห้งโจทก์ทำนาไม่ได้การกระทำของจำเลยปรับเข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1355และเป็นการกระทำที่ถือไม่ได้ว่าเป็นการชักเอาน้ำไว้ การกระทำเช่นนี้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะทำได้ จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
จำเลยทำคันดินให้สูงขึ้นเป็นทำนบปิดลำห้วยซึ่งเป็นทางน้ำสาธารณะตอนเหนือนาโจทก์ปิดตาย ไม่ยอมให้น้ำไหลไปตามธรรมชาติได้เลย เป็นเหตุให้ตอนใต้ทำนบน้ำแห้งโจทก์ทำนาไม่ได้การกระทำของจำเลยปรับเข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1355และเป็นการกระทำที่ถือไม่ได้ว่าเป็นการชักเอาน้ำไว้ การกระทำเช่นนี้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะทำได้ จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้น้ำในที่ดินสูงกว่า/ริมทางน้ำสาธารณะ การปิดกั้นน้ำเป็นละเมิด
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 เป็นเรื่องเจ้าของที่ดินที่สูงกว่ามีสิทธิกั้นเอาน้ำไว้ใช้เพียงจำเป็นแก่ที่ดินได้ ส่วนประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ มาตรา 1355 เป็นเรื่องเจ้าของที่ดินริมทางน้ำหรือมีทางน้ำผ่าน ไม่มีสิทธิที่จะชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของตนตามควร ให้เป็นเหตุเสื่อมเสียแก่ที่ดินแปลงอื่นซึ่งอยู่ตามทางน้ำนั้น
จำเลยทำคันดินให้สูงขึ้นเป็นทำนบปิดลำห้วยซึ่งเป็นทางน้ำสาธารณะตอนเหนือนาโจทก์ ปิดตาย ไม่ยอมให้น้ำไหลไปตามธรรมชาติได้เลย เป็นเหตุให้ตอนใต้ทำนบน้ำแห้ง โจทก์ทำนาไม่ได้ การกระทำของจำเลยปรับเข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1355 และเป็นการกระทำที่ถือไม่ได้ว่าเป็นการชักเอาน้ำไว้ การกระทำเช่นนี้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะทำได้จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
จำเลยทำคันดินให้สูงขึ้นเป็นทำนบปิดลำห้วยซึ่งเป็นทางน้ำสาธารณะตอนเหนือนาโจทก์ ปิดตาย ไม่ยอมให้น้ำไหลไปตามธรรมชาติได้เลย เป็นเหตุให้ตอนใต้ทำนบน้ำแห้ง โจทก์ทำนาไม่ได้ การกระทำของจำเลยปรับเข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1355 และเป็นการกระทำที่ถือไม่ได้ว่าเป็นการชักเอาน้ำไว้ การกระทำเช่นนี้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะทำได้จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบายน้ำและสิทธิของเจ้าของที่ดิน: เจ้าของที่ดินต้องรับน้ำตามธรรมชาติ และห้ามปิดกั้นทางน้ำโดยพลการ
เจ้าของที่ดินจำต้องรับน้ำซึ่งไหลตามธรรมดาหรือเพราะระบายน้ำจากที่ดินสูงลงมาในที่ดินของตน ถ้าได้รับความเสียหายก็มีสิทธิจะเรียกร้องให้เจ้าของที่ดินสูงจัดการทำทางระบายน้ำเสียใหม่และมีสิทธิเรียกค่าทดแทน จะปิดกั้นทางน้ำไหลเสียโดยพละตนเองหาชอบไม่ และเมื่อปรากฏว่า การปิดกั้นทางน้ำไหลนั้นทำให้เจ้าของที่ดินสูง ได้รับความเสียหาย ตนก็ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่: ผู้ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินไม่มีอำนาจฟ้อง
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าโจทก์มีที่ดินซึ่งมีลำรางรับน้ำไหลมากว่า 10 ปีแล้วจำเลยบุกรุกเข้าไถคราดและกลบลำรางนี้ ขอให้ขับไล่ และให้ขุดลำรางตามเดิมดังนี้เป็นเรื่องฟ้องขับไล่ เมื่อได้ความว่าโจทก์ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่แล้วก็ต้องยกฟ้อง ไม่มีประเด็นถึงเรื่องภารจำยอมแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่เมื่อโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และประเด็นภาระจำยอมที่ไม่ได้รับการยกขึ้นวินิจฉัย
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าโจทก์มีที่ดินซึ่งมีลำรางรับน้ำไหลมากว่า 10 ปีแล้ว จำเลยบุกรุกเข้าไถคราดและกลบลำรางนี้ ขอให้ขับไล่ และให้ขุดลำรางตามเดิมดังนี้เป็นเรื่องฟ้องขับไล่เมื่อได้ความว่าโจทก์ยังไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่แล้วก็ต้องยกฟ้อง ไม่มีประเด็นถึงเรื่องภาระจำยอมอย่างใด