คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 357

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 400 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4080/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินคดีอาญาแผ่นดิน เจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด แม้หนังสือมอบอำนาจจะระบุชื่อผิด
ข้อหาหรือฐานความผิดลักทรัพย์หรือรับของโจรในคดีนี้มีประเด็นว่าจำเลยกระทำความผิดฐานใดหรือไม่ แม้จะปรากฏในหนังสือมอบอำนาจว่าผู้เสียหายมอบอำนาจให้ป. แจ้งความดำเนินคดีแก่บุคคลที่ชื่อว่า ส. แต่เนื่องจากการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาเป็นอาญาแผ่นดิน เมื่อมีการกระทำผิดเกิดขึ้น ผู้เสียหายหรือผู้อื่นซึ่งมิใช่ผู้เสียหายอาจจะกล่าวโทษต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่ามีบุคคลรู้ตัวหรือไม่ก็ดีได้กระทำความผิดอย่างหนึ่งขึ้น ดังนั้น ไม่ว่าหนังสือมอบอำนาจจะระบุชื่อผู้กระทำความผิดหรือไม่ เจ้าพนักงานตำรวจก็ดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดได้อยู่แล้ว การที่เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีแก่จำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย ลำพังแต่หนังสือมอบอำนาจของผู้เสียหายระบุชื่อผู้กระทำความผิดไม่ถูกต้องไม่ทำให้การดำเนินคดีไม่ชอบแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพของจำเลยและการพิจารณาคดี ศาลอุทธรณ์มิชอบที่ยกคำพิพากษาโดยไม่วินิจฉัยประเด็นอุทธรณ์
หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องแล้วต่อมาปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าศาลได้อ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยเข้าใจแล้วจำเลยแถลงสู้คดีและจะให้การวันนัดพิจารณาครั้นถึงวันนัดพิจารณาจำเลยยื่นคำให้การ1ฉบับพร้อมกับคำร้องอีก1ฉบับโดยในคำให้การระบุว่าจำเลยทราบฟ้องของโจทก์แล้วขอรับสารภาพในการกระทำความผิดตามฟ้องในข้อหารับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา357เพียงข้อหาเดียวขอปฏิเสธข้อหาลักทรัพย์ส่วนคำร้องที่ยื่นมาพร้อมกันนั้นแม้จะมีข้อความซึ่งมีความหมายว่าจำเลยไม่รู้ว่าทรัพย์ที่รับไว้ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ก็ตามแต่ก็เป็นข้อความในคำร้องที่จำเลยยื่นเข้ามาเพื่ออ้างเหตุให้ศาลรอการลงโทษเท่านั้นไม่ใช่คำให้การว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดและเมื่อศาลชั้นต้นได้สอบถามคำเลยในวันเดียวกันนั้นจำเลยก็ยืนยันตามคำให้การที่รับสารภาพฐานรับของโจรดังกล่าวปรากฏตามที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ในคำให้การจำเลยนอกจากนี้ศาลชั้นต้นยังจดรายงานกระบวนพิจารณาในวันดังกล่าวในระบุว่าจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรไม่ต่อสู้คดีขอให้ลงโทษสถานเบาซึ่งจำเลยก็ลงชื่อไว้อีกเช่นนี้ย่อมเป็นที่เห็นได้ชัดแล้วว่าจำเลยยืนยันที่จะให้การรับสารภาพฐานรับของโจรตามฟ้อง ศาลชั้นต้นได้พิจารณาและพิพากษาคดีไปโดยชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพื่อให้พิจารณาใหม่โดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบศาลฎีกาเห็นควรที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปคดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพของจำเลยและการพิจารณาคดีใหม่ ศาลฎีกาเห็นควรย้อนสำนวนเพื่อพิพากษาใหม่
หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งประทับฟ้องแล้ว ต่อมาปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า ศาลได้อ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยเข้าใจแล้ว จำเลยแถลงสู้คดีและจะให้การวันนัดพิจารณา ครั้นถึงวันนัดพิจารณา จำเลยยื่นคำให้การ 1 ฉบับ พร้อมกับคำร้องอีก 1 ฉบับ โดยในคำให้การระบุว่า จำเลยทราบฟ้องของโจทก์แล้ว ขอรับสารภาพในการกระทำความผิดตามฟ้องในข้อหารับของโจร ตาม ป.อ.มาตรา 357 เพียงข้อหาเดียว ขอปฏิเสธข้อหาลักทรัพย์ส่วนคำร้องที่ยื่นมาพร้อมกันนั้น แม้จะมีข้อความซึ่งมีความหมายว่าจำเลยไม่รู้ว่าทรัพย์ที่รับไว้ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ก็ตาม แต่ก็เป็นข้อความในคำร้องที่จำเลยยื่นเข้ามาเพื่ออ้างเหตุให้ศาลรอการลงโทษเท่านั้น ไม่ใช่คำให้การว่าจำเลยไม่มีเจตนากระทำผิด และเมื่อศาลชั้นต้นได้สอบถามจำเลยในวันเดียวกันนั้น จำเลยก็ยืนยันตามคำให้การที่รับสารภาพฐานรับของโจรดังกล่าว ปรากฏตามที่ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ในคำให้การจำเลย นอกจากนี้ศาลชั้นต้นยังจดรายงานกระบวนพิจารณาในวันดังกล่าวโดยระบุว่า จำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจร ไม่ต่อสู้คดี ขอให้ลงโทษสถานเบา ซึ่งจำเลยก็ลงชื่อไว้อีก เช่นนี้ย่อมเป็นที่เห็นได้ชัดแล้วว่า จำเลยยืนยันที่จะให้การรับสารภาพฐานรับของโจรตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นได้พิจารณาและพิพากษาคดีไปโดยชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพื่อให้พิจารณาใหม่โดยไม่วินิจฉัยประเด็นที่จำเลยอุทธรณ์ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบศาลฎีกาเห็นควรที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปคดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นผู้เสียหายและอำนาจฟ้องของโจทก์ร่วม กรณีทรัพย์สินเป็นของนิติบุคคล
คำร้องของโจทก์ร่วมที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นระบุว่า โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ ศาลชั้นต้นได้รับคำร้องและอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้แล้วแม้คำฟ้องโจทก์จะระบุว่าทรัพย์ตามที่ระบุในคำฟ้องเป็นของ ณ. แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นทรัพย์ของโจทก์ร่วมซึ่งมี ณ.เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนและจำเลยนำสืบปฏิเสธว่า อ.กรรมการอีกคนหนึ่งของโจทก์ร่วมซึ่งมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ร่วมนำมาฝากไว้ซึ่งไม่ถือว่าจำเลยหลงต่อสู้ ดังนี้ไม่เป็นเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกอุทธรณ์โจทก์ร่วมด้วยเหตุว่าโจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: การครอบครองอะไหล่รถจักรยานยนต์ที่ได้มาโดยไม่รู้แหล่งที่มา ถือว่าไม่มีความผิด
เจ้าพนักงานตำรวจพบชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์ของกลางวางอย่างเปิดเผยในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ของจำเลยโดยมิได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสภาพของกลางดังกล่าวเลยทั้งจำเลยยังมีบิลเงินสดที่แสดงว่าจำเลยรับของกลางไว้เพื่อทำการซ่อมซึ่งเป็นฉบับซึ่งแทรกอยู่กับใบเสร็จฉบับอื่นจึงยากที่จำเลยจะทำเพิ่มเติมได้พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยรับของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับจำนำทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์: การพิสูจน์เจตนาและความรับผิดฐานรับของโจร
จำเลยที่2เพียงรับจำนำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไว้มิใช่ซื้อรถจักรยานยนต์จากป. ซึ่งจะต้องชำระเงินเต็มตามราคาทรัพย์สินที่ซื้อไว้แต่การรับจำนำเป็นเพียงการที่ผู้จำนำส่งมอบสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้รับจำนำเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้รวมทั้งดอกเบี้ยโดยปกติทั่วไปราคาทรัพย์ที่จำนำขึ้นอยู่กับผู้จำนำและผู้รับจำนำจะตกลงกันผู้จำนำอาจขอจำนำเพียง10ถึง20เปอร์เซ็นต์ของราคาทรัพย์ที่จำนำก็ได้เพื่อไม่ต้องเสียดอกเบี้ยตามที่ตกลงกันมากเกินไปแต่บางรายผู้จำนำอาจขอจำนำทรัพย์ในราคาที่สูงผู้รับจำนำอาจกำหนดราคาทรัพย์ที่จำนำให้ไม่สูงมากนักเพราะอาจเสี่ยงต่อการขาดทุนถ้าผู้จำนำไม่มาไถ่ถอนทรัพย์ที่จำนำภายในระยะเวลาที่กำหนดและผู้รับจำนำต้องนำทรัพย์ที่จำนำออกขายแล้วได้เงินไม่คุ้มกับเงินที่รับจำนำพร้อมดอกเบี้ยก็ได้ดังนั้นการที่จำเลยที่2รับจำนำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายในราคา2,300บาทจึงมิใช่ข้อพิรุธที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่2รู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์รูปคดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานรับของโจร โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยรู้ว่าทรัพย์สินนั้นได้มาจากการกระทำความผิด
คดีเกี่ยวกับความผิดฐานรับของโจรนั้นข้อสำคัญโจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์สินอันได้มาโดยการกระทำความผิดกรณีของจำเลยเมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันให้เห็นว่าจำเลยได้รับรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักเอาไปไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดจะอาศัยพฤติการณ์ที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายมาจากบ้านของส. โดยคิดหรือคาดคะเนเอาว่าจำเลยได้ครอบครองหรือช่วยจำหน่ายรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายแล้วฟังประกอบบันทึกการตรวจยึดว่าจำเลยมีรถจักรยานยนต์อันเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดนั้นหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4753/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยร่วมกันรับซื้อและสับเปลี่ยนเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ที่ถูกขโมย แม้แสดงเจตนาบริสุทธิ์ แต่พฤติการณ์บ่งชี้ความผิดฐานรับของโจร
ในวันเกิดเหตุลักรถจักรยานยนต์ของกลาง ก. ได้ขับรถจักรยานยนต์ของกลางไปพบจำเลยที่ 3 ที่คิวรถและบอกขายเครื่องยนต์ของรถคันดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 3ซึ่งจำเลยที่ 3 ทราบดีว่าเครื่องยนต์ที่ตนรับซื้อไว้ไม่ใช่ของ ก. ผู้บอกขายหากแต่เป็นของบุคคลอื่น ทั้งสถานที่บอกขายก็มิใช่สถานที่มีการขายและขายในราคาต่ำแต่จำเลยที่ 3 ยังรับซื้อและนำไปให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ช่วยกันถอดเปลี่ยนตัวเครื่องยนต์เพื่อสับเปลี่ยนกับรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 3 ซึ่งทำให้หมายเลขตัวเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์ทั้งสองคันมีหมายเลขไม่ตรงกับรายการจดทะเบียนในสมุดคู่มือจดทะเบียน แม้ต่อมาภายหลังจำเลยทั้งสามจะนำรถจักรยานยนต์ของกลางและของจำเลยที่ 3 ไปถอดตัวเครื่องยนต์และชิ้นอุปกรณ์อื่นที่บริเวณหน้าบ้านจำเลยที่ 1 เป็นที่เปิดเผยก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 เคยรับจ้างซ่อมรถจักรยานยนต์ที่บริเวณหน้าบ้านของจำเลยที่ 1 ย่อมทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจได้ว่าการถอดตัวเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์อื่นในคราวเกิดเหตุนี้เป็นการซ่อมรถจักรยานยนต์อย่างที่จำเลยที่ 1 เคยรับจ้างมาก็เป็นได้ พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 รับซื้อตัวเครื่องยนต์แล้วนำไปจ้างให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ถอดเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4753/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: เจตนาและพฤติการณ์การสับเปลี่ยนเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ที่บ่งชี้ถึงความรู้ว่าทรัพย์สินนั้นถูกลักมา
ในวันเกิดเหตุลักรถจักรยานยนต์ของกลาง ก.ได้ขับรถจักรยานยนต์ของกลางไปพบจำเลยที่ 3 ที่คิวรถและบอกขายเครื่องยนต์ของรถคันดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 3 ซึ่งจำเลยที่ 3 ทราบดีว่าเครื่องยนต์ที่ตนรับซื้อไว้ไม่ใช่ของ ก.ผู้บอกขายหากแต่เป็นของบุคคลอื่น ทั้งสถานที่บอกขายก็มิใช่สถานที่มีการขายและขายในราคาต่ำแต่จำเลยที่ 3 ยังรับซื้อและนำไปให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ช่วยกันถอดเปลี่ยนตัว-เครื่องยนต์เพื่อสับเปลี่ยนกับรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 3 ซึ่งทำให้หมายเลขตัวเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์ทั้งสองคันมีหมายเลขไม่ตรงกับรายการจดทะเบียนในสมุดคู่มือจดทะเบียน แม้ต่อมาภายหลังจำเลยทั้งสามจะนำรถจักรยานยนต์ของกลางและของจำเลยที่ 3 ไปถอดตัวเครื่องยนต์และชิ้นอุปกรณ์อื่นที่บริเวณหน้าบ้านจำเลยที่ 1เป็นที่เปิดเผยก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 เคยรับจ้างซ่อมรถจักรยานยนต์ที่บริเวณหน้าบ้านของจำเลยที่ 1 ย่อมทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจได้ว่าการถอดตัวเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์อื่นในคราวเกิดเหตุนี้เป็นการซ่อมรถจักรยานยนต์อย่างที่จำเลยที่ 1เคยรับจ้างมาก็เป็นได้ พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 รับซื้อตัวเครื่องยนต์แล้วนำไปจ้างให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ถอดเครื่องยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถจักรยานยนต์ของกลางไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา การกระทำของจำเลย-ทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2439/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์และรับของโจร: การพิสูจน์ความรู้และเจตนาในการกระทำผิด
ส. พาจำเลยไปขนสุราซึ่งกองอยู่หน้าโรงเก็บสินค้าล.ที่ส. เป็นลูกจ้างอยู่มิได้ไปขนสุราจากโรงเก็บสินค้าก.และโรงเก็บสินค้าพ. ที่ผู้เสียหายนำสุราไปเก็บรักษาไว้แสดงว่าส. ลักสุราของผู้เสียหายและขนสุราดังกล่าวออกจากโรงเก็บสินค้าก. ไปเก็บไว้ที่โรงเก็บสินค้าล. ตอนที่จำเลยไปช่วยขนสุราของผู้เสียหายจึงเป็นเวลาที่ส. ลักสุราของผู้เสียหายเสร็จแล้วจำเลยจึงมิได้เป็นตัวการร่วมกับส. ลักทรัพย์ สุราของกลางแม้จะมีสารชนิดหนึ่งซึ่งทำให้ผู้ดื่มเกิดอาการปวดศีรษะแต่ก็เป็นสุราที่ผลิตโดยได้รับอนุญาตจึงมิใช่สุราที่ผู้ใดมีไว้เป็นความผิดและสุราดังกล่าวก็เป็นของผู้เสียหายผู้เสียหายจึงมีอำนาจร้องทุกข์และคดีที่จำเลยถูกกล่าวหาเป็นคดีความผิดต่ออาญาแผ่นดินมิใช่คดีความผิดต่อส่วนตัวพนักงานสอบสวนก็มีอำนาจสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา121วรรคหนึ่งถึงแม้ผู้เสียหายจะมิได้ร้องทุกข์ก็ตาม
of 40