พบผลลัพธ์ทั้งหมด 400 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรโดยไม่จำกัดฐานความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันลักยาปราบวัชพืช15ลังของผู้เสียหายไปโดยทุจริตหรือมิฉะนั้นจำเลยกับพวกร่วมกันรับของโจรยาปราบวัชพืช13ลังของผู้เสียหายไว้คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวมิได้มีข้อความใดระบุยืนยันหรือทำให้เข้าใจได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรเลยเพียงแต่บรรยายข้อเท็จจริงที่ปรากฏเพื่อให้ศาลวินิจฉัยเลือกลงโทษตามที่ศาลจะฟังข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานของโจทก์คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นๆอีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับของโจร: จำเลยที่ 2 มีเจตนาและครอบครองรถที่ถูกขโมย ส่วนจำเลยที่ 1 ซื้อโดยสุจริตและไม่มีส่วนรู้เห็น
จำเลยที่2ครอบครองรถยนต์กระบะของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปแล้วนำไปขายให้จำเลยที่1แต่จำเลยที่2กลับปฏิเสธว่าไม่ได้ขายโดยไม่ยอมเปิดเผยความจริงว่าจำเลยที่2ได้รถยนต์คันดังกล่าวมาด้วยวิธีใดเป็นการผิดปกติวิสัยทั้งไม่มีหลักฐานเอกสารใดๆในการได้รถยนต์นั้นมาเชื่อว่าจำเลยที่2ได้รถยนต์มาโดยรู้ว่าถูกคนร้ายลักมาจึงมีความผิดฐานรับของโจรส่วนจำเลยที่1นั้นซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากจำเลยที่2ตามราคาท้องตลาดและได้แสดงความบริสุทธิ์ตั้งแต่แรกโดยแจ้งความจริงแก่จ่าสิบตำรวจ จ.ในทันทีที่เข้าสอบถามอีกทั้งยังใช้รถอย่างเปิดเผยโดยไม่ปรากฏว่ามีการเปลี่ยนแปลงสภาพรถเชื่อว่าจำเลยที่1ไม่รู้ว่าเป็นรถที่ถูกคนร้ายลักมาส่วนที่จำเลยที่1ไม่ได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเรียกเอาเอกสารหลักฐานใดๆจากจำเลยที่2จนกระทั่งถูกจับคงเป็นเพราะเชื่อถือจำเลยที่2ซึ่งเป็นคู่เขยว่าเมื่อผ่อนชำระราคาครบถ้วนแล้วจำเลยที่2ก็จะโอนทะเบียนรถให้รวมทั้งจำเลยที่2จะต่อทะเบียนรถประจำปีให้ด้วยไม่พอถือเป็นข้อพิรุธจำเลยที่1จึงไม่มีความผิดฐานรับของโจรแม้จำเลยที่1มิได้ฎีกาแต่เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1กระทำความผิดและเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพันกับจำเลยที่2ซึ่งฎีกาศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกฟ้องจำเลยที่1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: การครอบครองรถยนต์ที่ได้มาโดยรู้ว่าเป็นของที่ลักมา และอำนาจศาลในการยกฟ้อง
เจ้าพนักงานตำรวจพบรถยนต์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 แจ้งว่าซื้อมาจากจำเลยที่ 2แต่จำเลยที่ 2 ปฏิเสธว่า ไม่ได้ขายโดยไม่ยอมเปิดเผยความจริงว่าจำเลยที่ 2ได้รถยนต์คันดังกล่าวมาด้วยวิธีใด และไม่มีหลักฐานเอกสารใด ๆ ในการได้รถยนต์นั้นมา เป็นข้อพิรุธเชื่อได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้รถยนต์ของกลางมาโดยรู้ว่าถูกคนร้ายลักมา จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานรับของโจร
ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดและเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพันกับจำเลยที่ 2 ซึ่งฎีกาขึ้นมา แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องจำเลยที่ 1 ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่งประกอบด้วยมาตรา 215 และมาตรา 225
ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดและเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพันกับจำเลยที่ 2 ซึ่งฎีกาขึ้นมา แม้จำเลยที่ 1 มิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องจำเลยที่ 1 ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่งประกอบด้วยมาตรา 215 และมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: การพิสูจน์ความรู้ในการได้มาซึ่งทรัพย์สินที่ถูกลักมา และขอบเขตอำนาจศาลในการยกฟ้อง
เจ้าพนักงานตำรวจพบรถยนต์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่1จำเลยที่1แจ้งว่าซื้อมาจากจำเลยที่2แต่จำเลยที่2ปฏิเสธว่าไม่ได้ขายโดยไม่ยอมเปิดเผยความจริงว่าจำเลยที่2ได้รถยนต์คันดังกล่าวมาด้วยวิธีใดและไม่มีหลักฐานเอกสารใดๆในการได้รถยนต์นั้นมาเป็นข้อพิรุธเชื่อได้ว่าจำเลยที่2ได้รถยนต์ของกลางมาโดยรู้ว่าถูกคนร้ายลักมาจำเลยที่2มีความผิดฐานรับของโจร ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1กระทำความผิดและเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพันกับจำเลยที่2ซึ่งฎีกาขึ้นมาแม้จำเลยที่1มิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องจำเลยที่1ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา185วรรคหนึ่งประกอบด้วยมาตรา215และมาตรา225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9401/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: จำเลยที่ 1 รู้ว่าเป็นทรัพย์ชิงลัก ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่รู้
แหวนเพชรของผู้เสียหายถูก อ. ลักไป และจำเลยที่ 1ซื้อจาก อ. จึงมีความผิดฐานรับของโจร จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 นำแหวนไปจำนำที่โรงรับจำนำแทน โดยจำเลยที่ 2ไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลักมาจำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดฐานรับของโจร แต่เมื่อแหวนเพชรอยู่ที่โรงรับจำนำจะต้องไปไถ่คืนจึงจะได้คืน ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 คืนเงินจำนวนที่รับไปจากโรงรับจำนำจำนวน 15,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7014/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการรับของโจร: ต้องรู้ว่าทรัพย์ได้มาจากการปล้นเพื่อลงโทษฉกรรจ์
แม้ในทางพิจารณาจะได้ความว่า การกระทำความผิดฐานรับของโจรของจำเลย ได้กระทำต่อทรัพย์อันได้มาโดยการปล้นทรัพย์ ซึ่งต้องด้วยลักษณะฉกรรจ์ในความผิดฐานรับของโจรตามมาตรา 357 วรรคสอง ก็ตาม แต่จะลงโทษจำเลยตามลักษณะฉกรรจ์ดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อได้ความว่า ในขณะกระทำความผิดจำเลยได้รู้อยู่แล้วว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ ทั้งนี้ตามมาตรา 62 วรรคท้าย เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า ก่อนหรือขณะกระทำความผิดจำเลยได้รู้อยู่แล้วว่าทรัพย์ของกลางเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ คดีจึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจร อันต้องด้วยลักษณะฉกรรจ์ตามมาตรา 357 วรรคสอง ไม่ได้ การกระทำของจำเลยคงเป็นความผิดฐานรับของโจรทั่ว ๆ ไป ตามมาตรา 357 วรรคแรก เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6760/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานรับของโจร: การกระทำความผิดหลายกรรม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดฐานรับของโจรในระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม 2536 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 18มิถุนายน 2537 เวลากลางคืนหลังเที่ยง กรรมหนึ่ง กับกระทำความผิดฐานรับของโจรในระหว่างวันที่ 2 เมษายน 2537 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 18 มิถุนายน2537 เวลากลางคืนหลังเที่ยง อีกกรรมหนึ่ง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจร และคดีไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องสืบพยานโจทก์อีก ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดฐานรับของโจร 2 กรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6760/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดจำนวนกรรมความผิดฐานรับของโจรโดยพิจารณาจากช่วงเวลาการกระทำความผิดตามฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดฐานรับของโจรในระหว่างวันที่22ตุลาคม2536เวลากลางวันถึงวันที่18มิถุนายน2537เวลากลางคืนหลังเที่ยงกรรมหนึ่งกับกระทำความผิดฐานรับของโจรในระหว่างวันที่2เมษายน2537เวลากลางวันถึงวันที่18มิถุนายน2537เวลากลางคืนหลังเที่ยงอีกกรรมหนึ่งเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรและคดีไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องสืบพยานโจทก์อีกข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นความผิดฐานรับของโจร2กรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6668/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและรับของโจร ศาลพิจารณาเป็นกรรมเดียวได้ หากมีเจตนาเดียวกัน
จำเลยทั้งสามได้นำรถยนต์ของกลางออกใช้ขับไปในที่ต่างๆโดยมีแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมและแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมติดอยู่ที่รถยนต์คันเดียวกันโดยมีเจตนาแสดงเอกสารดังกล่าวต่อผู้อื่นหรือเจ้าพนักงานตำรวจในเวลาเดียวกันจนกระทั่งถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามดังกล่าวย่อมเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาอย่างเดียวคือเพื่อให้ผู้อื่นหรือเจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่ารถยนต์คันที่จำเลยทั้งสามใช้ขับเป็นรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นการกระทำของจำเลยทั้งสามจึงมีความผิดกรรมเดียว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามในความผิดฐานรับของโจรจำคุกคนละ4ปีและลงโทษจำเลยทั้งสามในข้อหาใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมกับใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมโดยจำคุกกระทงละคนละ3ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะในความผิดฐานใช้เอกสารปลอมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นความผิดสองกรรมว่าเป็นความผิดกรรมเดียวโดยพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามในข้อหานี้จำคุกคนละ3ปีโดยมิได้เปลี่ยนบทและโทษที่ได้รับก็ต่ำกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดซึ่งเป็นผลดีแก่จำเลยทั้งสามถือได้ว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำเลยทั้งสามในแต่ละกระทงไม่เกิน5ปีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6668/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและการรับของโจร ศาลพิจารณาเป็นกรรมเดียวได้หากมีเจตนาเดียวกัน
จำเลยทั้งสามได้นำรถยนต์ของกลางออกใช้ขับไปในที่ต่างๆโดยมีแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมและแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมติดอยู่ที่รถยนต์คันเดียวกันโดยมีเจตนาแสดงเอกสารดังกล่าวต่อผู้อื่นหรือเจ้าพนักงานตำรวจในเวลาเดียวกันจนกระทั้งถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสามดังกล่าวย่อมเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาอย่างเดียวคือเพื่อให้ผู้อื่นหรือเจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่ารถยนต์คันที่จำเลยทั้งสามใช้ขับเป็นรถยนต์ถูกต้องตามกฎหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นการกระทำของจำเลยทั้งสามจึงมีความผิดกรรมเดียว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามในความผิดฐานรับของโจรจำคุกคนละ4ปีและลงโทษจำเลยทั้งสามในข้อหาใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมกับใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมโดยจำคุกกระทงละคนละ3ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะในความผิดฐานใช้เอกสารปลอมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นความผิดสองกรรมว่าเป็นความผิดกรรมเดียวโดยพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามในข้อหานี้จำคุกคนละ3ปีโดยมิได้เปลี่ยนบทและโทษที่ได้รับก็ต่ำกว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนดซึ่งเป็นผลดีแก่จำเลยทั้งสามถือได้ว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำเลยทั้งสามในแต่ละกระทงไม่เกิน5ปีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคแรก