คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1374

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 247 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินบุกรุก - ป่าที่ไม่เป็นป่าสงวน - อำนาจฟ้อง
ที่พิพาทเป็นป่า แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 โจทก์ย่อมเข้ายึดถือครอบครองได้ ส่วนจะได้กรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิเพียงใดนั้น เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับโจทก์ แต่ในระหว่างราษฎรด้วยกัน โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้อื่นซึ่งเข้าครอบครองภายหลัง การที่จำเลยเข้าแย่งการครอบครองอันเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินในเขตป่าสงวน: ผู้ครอบครองเดิมไม่มีอำนาจฟ้องไล่ผู้ครอบครองรายใหม่
ที่พิพาทอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้โจทก์จะครอบครองมาก่อนแล้วให้จำเลยเข้าอาศัยทำกิน โจทก์ก็ไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองไม่มีสิทธิเอาที่พิพาทให้จำเลยอาศัยทำกิน ในระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกัน เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนที่พิพาทหรือห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินป่าสงวน: ผู้ครอบครองก่อนไม่มีสิทธิฟ้องไล่ผู้ครอบครองภายหลัง
ที่พิพาทอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้โจทก์จะครอบครองมาก่อนแล้วให้จำเลยเข้าอาศัยทำกิน โจทก์ก็ไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง ไม่มีสิทธิเอาที่พิพาทให้จำเลยอาศัยทำกินในระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นราษฎรด้วยกัน เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทอยู่ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนที่พิพาทหรือห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 318/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองที่ดิน: การฟ้องคดีไม่ขาดอายุเมื่อเป็นการโต้แย้งสิทธิ ไม่ใช่การเรียกร้องคืน
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า โจทก์จำเลยมีที่ดินแนวเขตติดต่อกัน โจทก์ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ต่อนายอำเภอ จำเลยคัดค้านอ้างว่าโจทก์ขอทับที่ดินจำเลย จำเลยเข้าไปเก็บมะพร้าวในที่พิพาทถูกโจทก์ดำเนินคดีอาญาหาว่าบุกรุกที่พิพาท จำเลยต่อสู้ว่าต้นมะพร้าวอยู่ในที่ดินของจำเลย พฤติการณ์ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเพียงจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์เท่านั้น จำเลยยังมิได้เข้าไปแย่งการครอบครองที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2374/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินเช่าและการรบกวนการครอบครองเมื่อปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต
โจทก์เป็นผู้เช่าและรับมอบที่พิพาทที่เช่ามาจากผู้ให้เช่าแล้ว การเช่ามีกำหนดคราวละ 1 ปี โจทก์ได้ต่อสัญญาและชำระค่าเช่าทุกปีตลอดมา แม้โจทก์ยังไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่พิพาท แต่ได้ให้ จำเลยอาศัยปลูกกระต๊อบอยู่ ต่อมาจำเลยรื้อกระต๊อบปลูกเป็น อาคารห้องแถวไม้ถาวรในที่พิพาทโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ ย่อมถือได้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทแล้ว เมื่อจำเลยปลูก ห้องแถวไม้ในที่พิพาทหลังจากโจทก์มีสิทธิครอบครองโดยมิได้รับ ความยินยอมจากโจทก์ ก็ย่อมเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2374/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินเช่า การรบกวนการครอบครอง และอำนาจฟ้องขับไล่
โจทก์เป็นผู้เช่าและรับมอบที่พิพาทที่เช่ามาจากผู้ให้เช่าแล้ว การเช่ามีกำหนดคราวละ 1 ปี โจทก์ได้ต่อสัญญาและชำระค่าเช่าทุกปีตลอดมา แม้โจทก์ยังไม่เคยเข้าทำประโยชน์ในที่พิพาท แต่ได้ให้จำเลยอาศัยปลูกกระต๊อบอยู่ ต่อมาจำเลยรื้อกระต๊อบปลูกเป็นอาคารห้องแถวไม่ถาวรในที่พิพาทโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ ย่อมถือได้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่พิพาทแล้ว เมื่อจำเลยปลูกห้องแถวไม้ในที่พิพาทหลังจากโจทก์มีสิทธิครอบครองโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ ก็ย่อมเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองของรัฐในการเวนคืนที่ดินและการรบกวนการครอบครอง
ที่พิพาทอยู่ในเขตเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลบางหลวงฯ แม้กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ซื้อที่ดินที่ถูกเวนคืนรวมทั้งที่พิพาทแล้วมอบให้กรมชลประทานโจทก์สร้างเขื่อนอันเป็นการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฉบับดังกล่าว ก็เป็นการดำเนินการและพิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินเป็นของรัฐ เมื่อโจทก์ได้เข้าดำเนินการสร้างเขื่อนตามโครงการแล้วจึงเป็นผู้ครอบครองดูแลรักษาที่พิพาท แม้โจทก์จะไม่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารซึ่งเข้าไปตั้งปั๊มน้ำมันเป็นการรบกวนการครอบครองของโจทก์ให้ออกไปจากที่พิพาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินเวนคืน: กรมชลประทานมีสิทธิขับไล่ผู้รบกวนการครอบครอง แม้มิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์
ที่พิพาทอยู่ในเขตเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลบางหลวงฯ แม้กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ซื้อที่ดินที่ถูกเวนคืนรวมทั้งที่พิพาทแล้วมอบให้กรมชลประทานโจทก์สร้างเขื่อน อันเป็นการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฉบับดังกล่าว ก็เป็นการดำเนินการและพิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินเป็นของรัฐ เมื่อโจทก์ได้เข้าดำเนินการสร้างเขื่อนตามโครงการแล้วจึงเป็นผู้ครอบครองดูแลรักษาที่พิพาท แม้โจทก์จะไม่มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยและบริวาร ซึ่งเข้าไปตั้งปั๊มน้ำมันเป็นการรบกวนการครอบครองของโจทก์ให้ออกไปจากที่พิพาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1706/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินโดยไม่สุจริตของผู้รับโอนที่ทราบการซื้อขายก่อนหน้า ทำให้การโอนเป็นโมฆะ
จำเลยที่ 1 ขายที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าให้โจทก์แล้วส่งมอบการครอบครองให้ โจทก์ครอบครองตลอดมา เพียงแต่จะไปทำการโอนทางทะเบียนให้ในภายหลังเท่านั้น ต่อมาจำเลยที่ 1 กลับโอนที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตร จำเลยที่ 2 ได้ขายให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 โดยจำเลยที่ 3 ที่ 4 ทราบว่าโจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ย่อมฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่พิพาทระหว่างจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 ที่ 4 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องกรณีพิพาทสิทธิครอบครองที่ดินทับซ้อนกับป่าคุ้มครอง/ป่าสงวน การโต้แย้งสิทธิเป็นเหตุให้ฟ้องได้
ทางการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ป่าไสโป๊ะเป็นป่าคุ้มครองและแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาคลุมทับถึงที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองอยู่ และเจ้าพนักงานป่าไม้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยได้เข้าไปรังวัดสอบเขตที่ดินพิพาทเพื่อออกกฎกระทรวงกำหนดป่าคุ้มครองให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ โจทก์อ้างว่าโจทก์ครอบครองที่ดินพิพาทโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย การออกแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวผิดพลาดรุกล้ำผิดตำบลซึ่งระบุในพระราชกฤษฎีกา โดยไม่มีการประกาศให้ราษฎรทราบ จำเลยโต้เถียงว่าที่ดินพิพาทเป็นป่าคุ้มครองและป่าสงวนแห่งชาติโดยชอบด้วยกฎหมายโจทก์ครอบครองโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากข้อเท็จจริงเป็นดังโจทก์อ้าง การที่เจ้าพนักงานป่าไม้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยเข้าไปรังวัดสอบเขตที่ดินพิพาทเพื่อประกาศกำหนดให้เป็นป่าสงวน อาจเป็นการละเมิดต่อสิทธิครอบครองของโจทก์ หากข้อเท็จจริงเป็นดังจำเลยโต้เถียงก็ไม่เป็นละเมิด และโจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทคงมีฐานะเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ภายในอำนาจของจำเลยที่จะสั่งให้โจทก์ออกไปหรืองดเว้นการกระทำใด ๆ ในที่ดินพิพาทตามมาตรา 25แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 กรณีถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลย
of 25