คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1374

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 247 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่และการคุ้มครองจากการขัดขวาง รวมถึงประเด็นสิทธิในที่ดินและการขาดอายุความ
การดำเนินการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่เป็นสิทธิอย่างหนึ่งเมื่อโจทก์ใช้สิทธินั้นแล้ว หากผู้ใดเข้ามาคัดค้านขัดขวางทำให้การดำเนินการไปตามสิทธินั้นต้องหยุดชะงักลงย่อมอาจเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ได้ ทั้งนี้ ย่อมแล้วแต่ว่าการคัดค้านขัดขวางนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
การที่โจทก์ใช้สิทธิขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ในที่ดิน โจทก์ยังไม่มีสิทธิอะไรในที่ดินที่ขอประทานบัตร แม้จำเลยจะบุกรุกเข้ามาในที่ดิน โจทก์ก็ยังไม่มีเหตุอะไรที่ได้รับการโต้แย้งจากจำเลยในกรณีที่เกี่ยวข้องกับตัวที่ดินนั้นโดยตรง โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินนั้น
อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 หมายถึงการฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดเท่านั้น ส่วนการฟ้องขอให้ห้ามขัดขวางการขอประทานบัตร เป็นการฟ้องขอให้ระงับหรือเพิกถอนการทำละเมิดที่ยังมีอยู่ มิใช่เป็นการเรียกเอาค่าเสียหายจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งอายุความตามมาตราดังกล่าว
ฟ้องของโจทก์มีคำขอบังคับอยู่ 2 คำขอ ศาลล่างสั่งงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องทั้งหมด เมื่อศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยเพียงคำขอเดียวส่วนอีกคำขอหนึ่งเห็นว่าต้องทำการพิจารณาต่อไป ย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างเพียงบางส่วน ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาฟ้องของโจทก์ต่อไปในประเด็นข้อนั้น แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความส่วนคำขอตามฟ้องนอกจากนั้นคงเป็นอันให้ยกฟ้องดังที่ศาลล่างพิพากษามาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1890/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิประทานบัตรทำเหมืองแร่และการละเมิด: การคัดค้านขัดขวางการดำเนินการขอประทานบัตร
การดำเนินการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่เป็นสิทธิอย่างหนึ่งเมื่อโจทก์ใช้สิทธินั้นแล้ว หากผู้ใดเข้ามาคัดค้านขัดขวางทำให้การดำเนินการไปตามสิทธินั้นต้องหยุดชะงักลงย่อมอาจเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ได้ ทั้งนี้ ย่อมแล้วแต่ว่าการคัดค้านขัดขวางนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
การที่โจทก์ใช้สิทธิขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ในที่ดิน โจทก์ยังไม่มีสิทธิอะไรในที่ดินที่ขอประทานบัตร แม้จำเลยจะบุกรุกเข้ามาในที่ดิน โจทก์ก็ยังไม่มีเหตุอะไรที่ได้รับการโต้แย้งจากจำเลยในกรณีที่เกี่ยวข้องกับตัวที่ดินนั้นโดยตรง โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินนั้น
อายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 หมายถึงการฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดเท่านั้น ส่วนการฟ้องขอให้ห้ามขัดขวางการขอประทานบัตร เป็นการฟ้องขอให้ระงับหรือเพิกถอนการทำละเมิดที่ยังมีอยู่ มิใช่เป็นการเรียกเอาค่าเสียหายจึงไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งอายุความตามมาตราดังกล่าว
ฟ้องของโจทก์มีคำขอบังคับอยู่ 2 คำขอ ศาลล่างสั่งงดสืบพยานและพิพากษายกฟ้องทั้งหมด เมื่อศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยเพียงคำขอเดียวส่วนอีกคำขอหนึ่งเห็นว่าต้องทำการพิจารณาต่อไป ย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างเพียงบางส่วน ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาฟ้องของโจทก์ต่อไปในประเด็นข้อนั้น แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความส่วนคำขอตามฟ้องนอกจากนั้นคงเป็นอันให้ยกฟ้องดังที่ศาลล่างพิพากษามาแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่สาธารณะ - การรบกวนการครอบครอง - อำนาจฟ้อง - ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ฟ้องของโจทก์คดีก่อน โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทโดยซื้อได้จากการขายทอดตลาดของศาล แล้วให้จำเลยเช่า จำเลยผิดสัญญาเช่า จึงขอให้ขับไล่จำเลย ศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะโจทก์ไม่มีสิทธิเอาไปให้จำเลยเช่า พิพากษายกฟ้องโจทก์ ส่วนคดีนี้โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นผู้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทอันเป็นที่สาธารณะนี้อยู่ตั้งแต่จำเลยแพ้คดีโจทก์ในชั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ครั้นเมื่อจำเลยชนะคดีในชั้นศาลฎีกา จำเลยจึงได้บุกรุกเข้ามาปลูกต้นมะพร้าวอันเป็นการโต้แย้งรบกวนสิทธิของโจทก์ ดังนี้ แม้ที่พิพาทจะเป็นแปลงเดียวกัน คู่ความเดียวกัน แต่สิทธิที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเป็นคนละอย่างคนละประเด็น การกระทำที่โจทก์อ้างว่าจำเลยรบกวนสิทธิของโจทก์เป็นคนละวาระและมิได้ต่อเนื่องกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
แม้ที่พิพาทจะเป็นที่สาธารณประโยชน์ของแผ่นดินซึ่งพลเมืองมีสิทธิใช้ร่วมกัน แต่เมื่อโจทก์ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนแล้วจำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองซ้อน ในระหว่างโจทก์จำเลยสิทธิเหนือที่พิพาทจึงดีกว่าจำเลย การที่จำเลยนำต้นมะพร้าวเข้าไปปลูกในที่พิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองทำประโยชน์อยู่ จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินสาธารณะ การรบกวนการครอบครอง และอำนาจฟ้อง
ฟ้องของโจทก์คดีก่อน โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทโดยซื้อได้จากการขายทอดตลาดของศาล แล้วให้จำเลยเช่า จำเลยผิดสัญญาเช่า จึงขอให้ขับไล่จำเลย ศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะโจทก์ไม่มีสิทธิเอาไปให้จำเลยเช่า พิพากษายกฟ้องโจทก์ ส่วนคดีนี้โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นผู้ใช้สิทธิครอบครองที่พิพาทอันเป็นที่สาธารณะนี้อยู่ตั้งแต่จำเลยแพ้คดีโจทก์ในชั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ครั้นเมื่อจำเลยชนะคดีในชั้นศาลฎีกา จำเลยจึงได้บุกรุกเข้ามาปลูกต้นมะพร้าวอันเป็นการโต้แย้งรบกวนสิทธิของโจทก์ ดังนี้ แม้ที่พิพาทจะเป็นแปลงเดียวกันคู่ความเดียวกัน แต่สิทธิที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเป็นคนละอย่างคนละประเด็น การกระทำที่โจทก์อ้างว่าจำเลยรบกวนสิทธิของโจทก์เป็นคนละวาระและมิได้ต่อเนื่องกัน ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
แม้ที่พิพาทจะเป็นที่สาธารณประโยชน์ของแผ่นดินซึ่งพลเมืองมีสิทธิใช้ร่วมกัน แต่เมื่อโจทก์ครอบครองใช้ประโยชน์อยู่ก่อนแล้วจำเลยเข้าไปแย่งการครอบครองซ้อน ในระหว่างโจทก์จำเลยสิทธิเหนือที่พิพาทจึงดีกว่าจำเลย การที่จำเลยนำต้นมะพร้าวเข้าไปปลูกในที่พิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองทำประโยชน์อยู่ จึงเป็นการรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนสิทธิของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง และฟ้องซ้ำ: การรบกวนการครอบครองเพียงครั้งเดียวไม่ทำให้ขาดอายุความ
จำเลยเข้ารบกวนการครอบครองเพียงครั้งเดียว โจทก์นำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ภายหลังจากที่โจทก์ถูกรบกวนในครั้งนั้น โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนต่อไป
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้ เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อน ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้ โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง และฟ้องซ้ำ: ศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องเกิน 1 ปี และคดีก่อนถึงที่สุด
จำเลยเข้ารบกวนการครอบครองเพียงครั้งเดียว โจทก์นำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ภายหลังจากที่โจทก์ถูกรบกวนในครั้งนั้น โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนต่อไป
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้ เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อนฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้ โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง และฟ้องซ้ำ: ศาลวินิจฉัยฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถือเป็นคำพิพากษาถึงที่สุด
จำเลยเข้ารบกวนการครอบครองเพียงครั้งเดียว. โจทก์นำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ภายหลังจากที่โจทก์ถูกรบกวนในครั้งนั้น. โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนต่อไป.
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์. โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง. และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี. นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง. โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก. ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว. ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้. เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อน. ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย. เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี. นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง. จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้. โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ชายตลิ่งริมน้ำเป็นสาธารณสมบัติ โจทก์ไม่มีสิทธิขับไล่ แม้ครอบครองก่อน
ที่ชายตลิ่งเป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน เมื่อไม่อยู่หน้าที่ดินโจทก์ แม้โจทก์จะได้ครอบครองทำกินมาก่อนจำเลย โจทก์ก็ไม่มีสิทธิขอให้ขับไล่จำเลยเพื่อโจทก์จะเข้ายึดถือเพื่อตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ชายตลิ่งเป็นสาธารณสมบัติ โจทก์ไม่มีสิทธิขับไล่จำเลย แม้ครอบครองก่อน
ที่ชายตลิ่งเป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันเมื่อไม่อยู่หน้าที่ดินโจทก์ แม้โจทก์จะได้ครอบครองทำกินมาก่อนจำเลยโจทก์ก็ไม่มีสิทธิขอให้ขับไล่จำเลยเพื่อโจทก์จะเข้ายึดถือเพื่อตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ชายตลิ่งริมน้ำเป็นสาธารณสมบัติ โจทก์ไม่มีสิทธิขับไล่จำเลย
ที่ชายตลิ่งเป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน. เมื่อไม่อยู่หน้าที่ดินโจทก์. แม้โจทก์จะได้ครอบครองทำกินมาก่อนจำเลย. โจทก์ก็ไม่มีสิทธิขอให้ขับไล่จำเลยเพื่อโจทก์จะเข้ายึดถือเพื่อตน.
of 25