คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 ม. 9 วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 19 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7048/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแรงงาน: ข้อพิพาทความเสียหายของลูกจ้างกับนายจ้างและการวินิจฉัยอำนาจศาล
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยปัญหาว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานหรือไม่ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคสอง อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าคดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงาน คำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นที่สุด ต้องห้ามไม่ให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ประกอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2465/2540 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแรงงาน: คำวินิจฉัยอธิบดีผูกพันเฉพาะคดีเดิม แม้คู่ความและมูลคดีเดียวกัน คดีใหม่ต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคสอง ที่บัญญัติว่าในกรณีมีปัญหาว่าคดีใดจะอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาขึ้นในศาลแรงงานหรือศาลอื่น ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเป็นผู้วินิจฉัย คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางให้เป็นที่สุด มีความหมายว่า หากกรณีมีปัญหาว่าคดีใดจะอยู่ในอำนาจศาลแรงงานหรือไม่นั้น ให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเป็นผู้วินิจฉัย เมื่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าอย่างไร คำวินิจฉัยย่อมเป็นที่สุดและย่อมผูกพันคู่ความเฉพาะในคดีที่ได้มีการวินิจฉัยเท่านั้น หาผูกพันคู่ความที่พิพาทกันในคดีอื่นไม่ แม้คู่ความในคดีนี้กับคดีหมายเลขแดงที่ 321/2538 ของศาลแรงงานกลาง เป็นคู่ความเดียวกันและมูลคดีเป็นอย่างเดียวกันก็ตามแต่ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายฟ้องในลักษณะเป็นการจ้างแรงงานซึ่งถ้าฟังได้ว่าเป็นการจ้างแรงงานดังที่โจทก์อ้าง คดีก็ย่อมอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานคำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางในคดีก่อนไม่มีผลที่จะถือได้ว่าคดีนี้ไม่อยู่อำนาจของศาลแรงงานและศาลแรงงานก็ไม่มีอำนาจสั่งว่าคดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจของศาลแรงงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2465/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแรงงาน: คำวินิจฉัยอธิบดีผูกพันเฉพาะคดีเดิม แม้คู่ความและมูลคดีเดียวกัน
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา9วรรคสองที่บัญญัติว่าในกรณีมีปัญหาว่าคดีใดจะอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานหรือไม่ไม่ว่าจะเกิดปัญหาขึ้นในศาลแรงงานหรือศาลอื่นให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเป็นผู้วินิจฉัยคำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางให้เป็นที่สุดมีความหมายว่าหากกรณีมีปัญหาว่าคดีใดจะอยู่ในอำนาจศาลแรงงานหรือไม่นั้นให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเป็นผู้วินิจฉัยเมื่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าอย่างไรคำวินิจฉัยย่อมเป็นที่สุดและย่อมผูกพันคู่ความเฉพาะในคดีที่ได้มีการวินิจฉัยเท่านั้นหาผูกพันคู่ความที่พิพาทกันในคดีอื่นไม่แม้คู่ความในคดีนี้กับคดีหมายเลขแดงที่321/2538ของศาลแรงงานกลางเป็นคู่ความเดียวกันและมูลคดีเป็นอย่างเดียวกันก็ตามแต่ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายฟ้องในลักษณะเป็นการจ้างแรงงานซึ่งถ้าฟังได้ว่าเป็นการจ้างแรงงานดังที่โจทก์อ้างคดีก็ย่อมอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานคำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางในคดีก่อนไม่มีผลที่จะถือได้ว่าคดีนี้ไม่อยู่อำนาจของศาลแรงงานและศาลแรงงานก็ไม่มีอำนาจสั่งว่าคดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจของศาลแรงงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1849/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างเนื่องจากความพิการจากการรักษาพยาบาลที่เกิดจากความประมาทของแพทย์ และขอบเขตความรับผิดของนายจ้าง
คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยว่าคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 อ้างว่าจำเลยที่ 1 ลูกจ้างจำเลยที่ 2ทำละเมิดตาม ทางการที่จ้างต่อ โจทก์นั้น มิใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างนายจ้างลูกจ้างอันจะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของ ศาลแรงงานกลาง ดังนี้ คำวินิจฉัยดังกล่าวย่อมเป็นที่สุดตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยดังกล่าวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3504/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกายืนตามคำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางที่รับว่ามีความสัมพันธ์สัญญาจ้างแรงงานระหว่างโจทก์และจำเลย
คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางแยกเป็น 2 ประการคือนิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างแรงงานหรือไม่และเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างหรือไม่ ปัญหาข้อแรก อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางมีคำวินิจฉัยว่า นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างแรงงาน โดยพิเคราะห์จากคำฟ้อง คำให้การ ประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์จำเลยและพยานเอกสารและคำสั่งของศาลแรงงานกลาง คำวินิจฉัยดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางได้ฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยได้นำสืบไว้แล้ว การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่านิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างแรงงานตามคำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางไม่ใช่สัญญาตัวแทน ถือได้ว่าศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทที่ว่านิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างแรงงานหรือไม่แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3504/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยอำนาจศาลแรงงาน: สัญญาจ้างแรงงาน มิใช่สัญญาตัวแทน
คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางแยกเป็น 2 ประการ คือนิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างแรงงานหรือไม่ และเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างหรือไม่ ปัญหาข้อแรก อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางมีคำวินิจฉัยว่า นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างแรงงาน โดยพิเคราะห์จากคำฟ้อง คำให้การ ประกอบคำเบิกความของพยานโจทก์จำเลยและพยานเอกสารและคำสั่งของศาลแรงงานกลาง คำวินิจฉัยดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางได้ฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยได้นำสืบไว้แล้ว การที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่านิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างแรงงานตามคำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางไม่ใช่สัญญาตัวแทน ถือได้ว่าศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทที่ว่านิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างแรงงานหรือไม่แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแรงงานและอายุความฟ้องคดีจากความเสียหายจากการขับรถของลูกจ้าง
โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดในคดีนี้รวมกับข้อหาอื่นที่ศาลแพ่ง และอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางได้วินิจฉัยว่า ข้อหาที่โจทก์ฟ้องคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลาง ซึ่งเป็นที่สุดตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 9 วรรคสองโจทก์จึงแยกข้อหาคดีนี้มาฟ้องต่อศาลแรงงานกลาง กรณีจึงมิใช่เป็นเรื่องฟ้องซ้อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1)
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ ขับรถของโจทก์ด้วยความประมาทชนท้ายรถโดยสารประจำทางเป็นเหตุให้รถของโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย เช่นนี้เป็นการบรรยายฟ้องให้จำเลยรับผิดทั้งตามสัญญาจ้างแรงงานและในมูลละเมิดซึ่งโจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องได้ทั้งสองทาง สำหรับสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการผิดสัญญาจ้างแรงงานกฎหมายไม่ได้กำหนดอายุความไว้เป็นพิเศษ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามป.พ.พ. มาตรา 164 โจทก์นำคดีมาฟ้องก่อนครบกำหนด 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องใหม่หลังศาลสั่งไม่รับฟ้อง ถือเป็นการนำคดีเข้าสู่การพิจารณาใหม่ ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ศาลแรงงานกลางตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 8 (5) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 ไม่รับฟ้อง กรณีเช่นนี้การพิจารณาของศาลแรงงานกลางเป็นอันสิ้นสุดไปแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยตามมาตรา 9 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวอีก ย่อมมีผลเท่ากับว่าได้นำคดีมาสู่การพิจารณาของศาลแรงงานกลางใหม่อีกครั้งหนึ่ง จึงหาชอบด้วยกระบวนพิจารณาไม่
of 2