คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 ม. 9

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2078/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจพิจารณาคดีแรงงาน: การวินิจฉัยอำนาจของศาลแรงงานกลางต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย
เมื่อมีประเด็นข้อพิพาทในเรื่องอำนาจพิจารณาของศาลแรงงานกลางและผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด แสดงว่าเกิดปัญหาแล้วว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานกลางหรือไม่ ต้องตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคท้าย ที่บัญญัติให้อำนาจแก่อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเท่านั้นเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัย ผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางไม่มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาด การที่ศาลแรงงานกลางได้พิจารณาพิพากษาคดีไปก่อนมีคำวินิจฉัยชี้ขาดของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงต้องพิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางส่งสำนวนให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2078/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแรงงาน: การวินิจฉัยอำนาจพิจารณาต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงาน โดยอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลาง
เมื่อมีประเด็นข้อพิพาทในเรื่องอำนาจพิจารณาของศาลแรงงานกลางและผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด แสดงว่าเกิดปัญหาแล้วว่าคดีอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานกลางหรือไม่ ต้องตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคท้าย ที่บัญญัติให้อำนาจแก่อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางเท่านั้นเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัย ผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางไม่มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาด การที่ศาลแรงงานกลางได้พิจารณาพิพากษาคดีไปก่อนมีคำวินิจฉัยชี้ขาดของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงต้องพิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางส่งสำนวนให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1849/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแรงงาน: คดีละเมิดทางการจ้างไม่อยู่ในอำนาจศาลแรงงาน, คำวินิจฉัยอธิบดีผู้พิพากษาถือที่สุด
คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางที่ว่า คดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 อ้างว่าจำเลยที่ 1 ลูกจ้างจำเลยที่ 2 ทำละเมิดตามทางการที่จ้างต่อโจทก์นั้น มิใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างนายจ้างลูกจ้างอันจะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลาง ดังนี้ คำวินิจฉัยดังกล่าวย่อมเป็นที่สุด ตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 9 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแรงงาน: วินิจฉัยถึงที่สุดหลังอธิบดีศาลแรงงานกลางวินิจฉัยแล้ว ห้ามอุทธรณ์
คดีที่ศาลแรงงานกลางส่งสำนวนคดีไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าคดีนั้นอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลางหรือไม่ เมื่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานวินิจฉัยว่าเป็นคดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลางแล้วคำวินิจฉัยดังกล่าวย่อมถึงที่สุดต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 223 ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 31.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3403/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดสัญญาเช่าโรงงานสุราและการเรียกค่าเสียหายจากนายจ้างเดิม รวมถึงการชำระภาษีเงินได้แทน
จำเลยไม่ยอมรับโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานของโรงงานสุราบางยี่ขันเข้าทำงานกับจำเลยตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมกับจำเลยซึ่งจำเลยได้ให้สัญญาว่าจะรับพนักงานของโรงงานสุราบางยี่ขันและเมื่อโจทก์ซึ่งมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในสัญญาดังกล่าวได้แสดงความจำนงจะเข้าทำงานกับจำเลยแล้วนั้นจำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดสัญญาต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ ค่าเสียหายของโจทก์ในกรณีนี้คือเงินที่โจทก์พึงได้รับจากจำเลยหากจำเลยรับโจทก์เข้าทำงานและเมื่อโจทก์มีรายได้จากการทำงานกับบริษัทอื่นหลังจากที่จำเลยไม่ยอมรับโจทก์เข้าทำงานแล้วก็ต้องนำรายได้นั้นมาหักจากจำนวนเงินที่โจทก์พึงได้จากจำเลยดังกล่าวด้วย ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลแพ่งเป็นการไม่ชอบเพราะโจทก์ต้องฟ้องต่อศาลแรงงานกลางตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522มาตรา9นั้นจำเลยมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในคำให้การคดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องนี้แม้จะเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรจะยกขึ้นวินิจฉัยจึงไม่วินิจฉัยให้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าภาษีเงินได้ที่โจทก์จะต้องชำระแก่กรมสรรพากรแทนโจทก์มาด้วยโจทก์ก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ที่เรียกร้องโจทก์จะมาอ้างว่าเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องเสียภาษีเงินได้ของโจทก์ต่อกรมสรรพากรแล้วขอคืนเงินค่าขึ้นศาลดังกล่าวหาได้ไม่ ตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันฯระบุให้จำเลยจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานของจำเลยเท่านั้นโจทก์มิได้เป็นพนักงานของจำเลยเนื่องจากจำเลยไม่ยอมรับโจทก์เข้าทำงานแล้วจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินบำเหน็จดังกล่าวสิทธิของโจทก์มีเพียงเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่การผิดสัญญาเท่านั้นและหากจะถือว่าโจทก์เรียกร้องเงินบำเหน็จมาในฐานะเป็นค่าเสียหายเมื่อค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้มาเหมาะสมแล้วโจทก์จึงไม่สมควรได้รับเงินบำเหน็จนั้นในฐานะเป็นค่าเสียหายอีก ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยชำระภาษีเงินได้แทนโจทก์ตามที่โจทก์ต้องชำระต่อกรมสรรพากรในยอดค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์เมื่อปรากฏว่าตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันฯระบุให้จำเลยมีหน้าที่ชำระภาษีเงินได้แทนพนักงานหรือคนงานของจำเลยเท่านั้นจำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระภาษีเงินได้ดังกล่าวแทนโจทก์และเมื่อค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์เป็นจำนวนพอสมควรแล้วจำเลยจึงไม่ต้องชำระค่าภาษีเงินได้ดังกล่าวแทนโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3403/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขัน จำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหาย แต่ไม่รวมค่าภาษีเงินได้ และศาลไม่เห็นสมควรวินิจฉัยเรื่องเขตอำนาจศาล
จำเลยไม่ยอมรับโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานของโรงงานสุราบางยี่ขันเข้าทำงานกับจำเลยตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมกับจำเลยซึ่งจำเลยได้ให้สัญญาว่าจะรับพนักงานของโรงงานสุราบางยี่ขัน และเมื่อโจทก์ซึ่งมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในสัญญาดังกล่าวได้แสดงความจำนงจะเข้าทำงานกับจำเลยแล้วนั้น จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดสัญญา ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
ค่าเสียหายของโจทก์ในกรณีนี้คือเงินที่โจทก์พึงได้รับจากจำเลยหากจำเลยรับโจทก์เข้าทำงาน และเมื่อโจทก์มีรายได้จากการทำงานกับบริษัทอื่นหลังจากที่จำเลยไม่ยอมรับโจทก์เข้าทำงานแล้ว ก็ต้องนำรายได้นั้นมาหักจากจำนวนเงินที่โจทก์พึงได้จากจำเลยดังกล่าวด้วย
ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลแพ่งเป็นการไม่ชอบเพราะโจทก์ต้องฟ้องต่อศาลแรงงานกลางตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522 มาตรา 9 นั้นจำเลยมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในคำให้การ คดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องนี้ แม้จะเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรจะยกขึ้นวินิจฉัย จึงไม่วินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าภาษีเงินได้ที่โจทก์จะต้องชำระแก่กรมสรรพากรแทนโจทก์มาด้วย โจทก์ก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ที่เรียกร้องโจทก์จะมาอ้างว่าเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องเสียภาษีเงินได้ของโจทก์ต่อกรมสรรพากรแล้วขอคืนเงินค่าขึ้นศาลดังกล่าวหาได้ไม่
ตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันฯ ระบุให้จำเลยจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานของจำเลยเท่านั้น โจทก์มิได้เป็นพนักงานของจำเลยเนื่องจากจำเลยไม่ยอมรับโจทก์เข้าทำงานแล้วจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินบำเหน็จดังกล่าวสิทธิของโจทก์มีเพียงเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่การผิดสัญญาเท่านั้น และหากจะถือว่าโจทก์เรียกร้องเงินบำเหน็จมาในฐานะเป็นค่าเสียหาย เมื่อค่าเสียหาย ที่ศาลกำหนดให้มาเหมาะสมแล้ว โจทก์จึงไม่สมควรได้รับเงินบำเหน็จนั้นในฐานะเป็นค่าเสียหายอีก
ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยชำระภาษีเงินได้แทนโจทก์ตามที่โจทก์ต้องชำระต่อกรมสรรพากรในยอดค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ เมื่อปรากฏว่าตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันฯ ระบุให้จำเลยมีหน้าที่ชำระภาษีเงินได้แทนพนักงานหรือคนงานของจำเลยเท่านั้นจำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระภาษีเงินได้ดังกล่าวแทนโจทก์ และเมื่อค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์เป็นจำนวนพอสมควรแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องชำระค่าภาษีเงินได้ดังกล่าวแทนโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3403/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสัญญาเช่าโรงงานสุรา: การผิดสัญญา การคำนวณค่าเสียหาย และขอบเขตความรับผิดชอบเรื่องภาษี
จำเลยไม่ยอมรับโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานของโรงงานสุราบางยี่ขันเข้าทำงานกับจำเลยตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมกับจำเลยซึ่งจำเลยได้ให้สัญญาว่าจะรับพนักงานของโรงงานสุราบางยี่ขัน และ เมื่อโจทก์ซึ่งมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในสัญญาดังกล่าวได้แสดงความจำนงจะเข้าทำงานกับจำเลยแล้วนั้น จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดสัญญา ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
ค่าเสียหายของโจทก์ในกรณีนี้คือเงินที่โจทก์พึงได้รับจากจำเลยหากจำเลยรับโจทก์เข้าทำงาน และเมื่อโจทก์มีรายได้จากการทำงานกับบริษัทอื่นหลังจากที่จำเลยไม่ยอมรับโจทก์เข้าทำงานแล้วก็ต้องนำรายได้นั้นมาหักจากจำนวนเงินที่โจทก์พึงได้จากจำเลยดังกล่าวด้วย
ปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลแพ่งเป็นการไม่ชอบเพราะโจทก์ต้องฟ้องต่อศาลแรงงานกลางตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522 มาตรา 9 นั้นจำเลยมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในคำให้การ คดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องนี้แม้จะเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรจะยกขึ้นวินิจฉัย จึงไม่วินิจฉัยให้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าภาษีเงินได้ที่โจทก์จะต้องชำระแก่กรมสรรพากรแทนโจทก์มาด้วย โจทก์ก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ที่เรียกร้องโจทก์จะมาอ้างว่าเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องเสียภาษีเงินได้ของโจทก์ต่อกรมสรรพากรแล้วขอคืนเงินค่าขึ้นศาลดังกล่าวหาได้ไม่
ตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันฯ ระบุให้จำเลยจ่ายบำเหน็จแก่พนักงานของจำเลยเท่านั้น โจทก์มิได้เป็นพนักงานของจำเลยเนื่องจากจำเลยไม่ยอมรับโจทก์เข้าทำงานแล้วจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินบำเหน็จดังกล่าวสิทธิของโจทก์มีเพียงเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่การผิดสัญญาเท่านั้นและหากจะถือว่าโจทก์เรียกร้องเงินบำเหน็จมาในฐานะเป็นค่าเสียหาย เมื่อค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้มาเหมาะสมแล้ว โจทก์จึงไม่สมควรได้รับเงินบำเหน็จนั้นในฐานะเป็นค่าเสียหายอีก
ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยชำระภาษีเงินได้แทนโจทก์ตามที่โจทก์ต้องชำระต่อกรมสรรพากรในยอดค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ เมื่อปรากฏว่าตามสัญญาเช่าโรงงานสุราบางยี่ขันฯ ระบุให้จำเลยมีหน้าที่ชำระภาษีเงินได้แทนพนักงานหรือคนงานของจำเลยเท่านั้นจำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระภาษีเงินได้ดังกล่าวแทนโจทก์และเมื่อค่าเสียหายที่ศาลกำหนดให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์เป็นจำนวนพอสมควรแล้วจำเลยจึงไม่ต้องชำระค่าภาษีเงินได้ดังกล่าวแทนโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2597/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องค่าเสียหายจากลูกจ้างละเลยหน้าที่ ทำให้เกิดการทุจริต – เริ่มนับแต่วันที่นายจ้างรู้ตัวผู้กระทำผิด
การที่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างและมีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบการปฏิบัติงานของ จ. ละเลยไม่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของ จ. อันเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ จ. ทุจริตเบียดบังรายได้ของโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอันเป็นการละเมิดนั้นโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายต่อศาลแรงงานได้แต่เมื่อโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วโจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีคดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก โดยมิต้องคำนึงว่าโจทก์จะทราบจำนวนค่าเสียหายที่ถูกต้องแท้จริงแล้วหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2597/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องค่าเสียหายจากลูกจ้างละเลยหน้าที่ ทำให้เกิดการทุจริตของผู้อื่น โจทก์ต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับจากวันที่รู้ถึงการละเมิด
การที่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างและมีหน้าที่ควบคุมรับผิดชอบการปฏิบัติงานของ จ. ละเลยไม่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของ จ. อันเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่อย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ จ. ทุจริตเบียดบังรายได้ของโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอันเป็นการละเมิดนั้น โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายต่อศาลแรงงานได้ แต่เมื่อโจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก โดยมิต้องคำนึงว่าโจทก์จะทราบจำนวนค่าเสียหายที่ถูกต้องแท้จริงแล้วหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดไม่ต้องรับผิดในหนี้ค่าจ้างจากความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง แม้จะเกี่ยวข้องจัดการงาน
คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยว่าคดีใดจะอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานหรือไม่ ย่อมถึงที่สุดตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคสอง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัด แม้จะสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างหุ้นส่วน ก็ไม่ต้องรับผิดในหนี้เกี่ยวกับการจ้างแรงงานของลูกจ้างห้างหุ้นส่วนเพราะหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่นายจ้างต้องรับผิดต่อลูกจ้าง หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดไม่มีความสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างและลูกจ้างจึงไม่ต้องรับผิด
บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1088 เป็นกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดทำผิดหน้าที่ ซึ่งต้องรับผิดในหนี้อันเกี่ยวกับกิจการที่สอดเข้าไปเกี่ยวข้องต่อบุคคลภายนอก มิใช่ต้องรับผิดในหนี้อันเกิดจากความสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างและลูกจ้าง
of 6