พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,100 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิบัติในการฟ้องคดีอาญา: จำนวนเงินของกลางต่างจากที่ฟ้อง ไม่ถึงเหตุยกฟ้อง
ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง โดยโจทก์ฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนันไพ่ผสมสิบ ไม่ได้รับอนุญาตจับได้เงินของกลาง 21 บาท แต่บันทึกการจับกุมของพยานโจทก์ปรากฏว่าจับได้เงินเพียง 20 บาท เห็นว่า เป็นแต่เพียงปรากฏว่าจำนวนเงินของกลางตามฟ้องกับตามบันทึกการจับกุมต่างกันไม่ใช่เป็นเรื่องที่ได้ความว่าจำนวนเงินตามคำฟ้องไม่ใช่ความจริง ถึงหากความจริงเป็นดังบันทึกการจับกุม ก็เป็นข้อเท็จจริงที่ผิดเพี้ยนกับคำฟ้องเล็กน้อย ไม่ใช่เป็นเหตุสำคัญที่จะยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำให้เสียทรัพย์และการยกฟ้องในคดีอาญา แม้จำเลยไม่อุทธรณ์
คดีอาญาซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลย โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุก โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชักลากไม้ผิดกฎหมาย แม้ไม่ได้ครอบครองไม้เอง ก็มีความผิดฐานชักลากโดยไม่ได้รับอนุญาต
ไม้ของกลางเป็นของแม่ยายจำเลย จำเลยเพียงรับจ้างหรือช่วยเหลือชักลาก ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่การที่จำเลยทำการชักลากไม้ของกลางโดยรู้อยู่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ผิดกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาตให้ชักลาย จำเลยต้องมีความผิดฐานชักลายไม้ของกลางโดยไม่รับอนุญาต
แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบลแต่โจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว แันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำผิดของจำเลยและจับจำเลยได้ เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์ และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์.
แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบลแต่โจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว แันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำผิดของจำเลยและจับจำเลยได้ เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์ และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชักลากไม้ผิดกฎหมาย แม้รับจ้างแต่รู้ว่าเป็นไม้ผิดกฎหมาย มีความผิดฐานชักลากไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ไม้ของกลางเป็นของแม่ยายจำเลย จำเลยเพียงรับจ้างหรือช่วยเหลือชักลากยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่การที่จำเลยทำการชักลากไม้ของกลางโดยรู้อยู่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ผิดกฎหมายและไม่ได้รับอนุญาตให้ชักลากจำเลยต้องมีความผิดฐานชักลากไม้ของกลางโดยไม่รับอนุญาต
แม้ทางพิจารณาได้ความว่า เป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบล แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว อันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำของจำเลยและจับจำเลยได้เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์
แม้ทางพิจารณาได้ความว่า เป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ 2 ตำบล แต่โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุเกิดที่ตำบลหนึ่งใน 2 ตำบลนั้นเพียงตำบลเดียว อันเป็นตำบลที่เจ้าพนักงานตำรวจพบการกระทำของจำเลยและจับจำเลยได้เช่นนี้ ฟ้องก็สมบูรณ์และเมื่อจำเลยมิได้หลงต่อสู้ก็ไม่เป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ vs. ยักยอกทรัพย์: การฝากกระเป๋าถือชั่วคราวไม่ถือเป็นการสละการครอบครอง
ผู้เสียหายฝากกระเป๋าถือแก่จำเลยเพื่อเข้าห้องส้วม ขณะผู้เสียหายเข้าห้องส้วมจำเลยได้เปิดกระเป๋าถือเอาสร้อยกับธนบัตรของผู้เสียหายไปเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งกำลังโดยสารอยู่ในเรือประจำทางเหตุเกิดที่ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ทางพิจารณาไม่แน่ว่าขณะเกิดเหตุเรือแล่นอยู่ในเขตตำบลปากพนังตามฟ้องหรือแล่นเข้าไปในเขตตำบลหูล่องกับตำบลบ้านเกิงซึ่งติดต่อกันแล้วคงได้ความเพียงว่า เหตุเกิดในเรือโดยสารซึ่งเดินจากอำเภอปากพนังไปอำเภอหัวไทรดังนี้ ยังไม่พอถือเป็นข้อแตกต่างกับฟ้องจนถึงขนาดจะยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งกำลังโดยสารอยู่ในเรือประจำทางเหตุเกิดที่ตำบลปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ทางพิจารณาไม่แน่ว่าขณะเกิดเหตุเรือแล่นอยู่ในเขตตำบลปากพนังตามฟ้องหรือแล่นเข้าไปในเขตตำบลหูล่องกับตำบลบ้านเกิงซึ่งติดต่อกันแล้วคงได้ความเพียงว่า เหตุเกิดในเรือโดยสารซึ่งเดินจากอำเภอปากพนังไปอำเภอหัวไทรดังนี้ ยังไม่พอถือเป็นข้อแตกต่างกับฟ้องจนถึงขนาดจะยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การเท็จในชั้นสอบสวนที่ขัดแย้งกันเองเป็นหลักฐานพิสูจน์ความเท็จได้ แม้ไม่มีพยานยืนยัน
การที่จะพิสูจน์ถ้อยคำของบุคคลที่กล่าวอ้างว่าได้เห็นเหตุการณ์ใด ๆ ว่าเป็นเท็จนั้น ไม่จำต้องมีประจักษ์พยานมายืนยันโดยตรงว่าบุคคลนั้นมิได้เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นเสมอไป ในบางกรณี รายละเอียดแห่งถ้อยคำของผู้นั้นโดยลำพังหรือประกอบด้วยพฤติการณ์ของผู้นั้นเอง ย่อมพิสูจน์ได้ในตัวว่าผู้นั้นกล่าวคำเท็จ
ฟ้องว่าจำเลยให้การเท็จในคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน ขอให้ลงโทษตามประมาวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,172 เมื่อพิจารณาได้ความตามฟ้อง ศาลย่อมพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 172
ฟ้องว่าจำเลยให้การในครั้งแรกว่าจำเลยได้ยินเสียงปืน อีกสักครู่ก้เห็น ค.ถือปืนสั้น กับท.และ จ. โผล่ออกมาจากข้างถนน แล้วตอนท้ายจำเลยว่า เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ ต.กับพวกใช้ปืนยิงด้วย ต่อมาจำเลยให้การในครั้งหลังว่า ผู้ตายขี่จักรยานหนี ต.กับพวก ท.และจ. ถ้อยคำที่ให้การนี้เป็นเท็จทั้งสิ้น ดังนี้ แม้ศาลจะฟังว่าเฉพาะคำให้การในครั้งหลังเป็นความเท็จเพียงตอนเดียว ก็ลงโทษตามมาตรา 172 ได้
ฟ้องว่าจำเลยให้การเท็จในคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน ขอให้ลงโทษตามประมาวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,172 เมื่อพิจารณาได้ความตามฟ้อง ศาลย่อมพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 172
ฟ้องว่าจำเลยให้การในครั้งแรกว่าจำเลยได้ยินเสียงปืน อีกสักครู่ก้เห็น ค.ถือปืนสั้น กับท.และ จ. โผล่ออกมาจากข้างถนน แล้วตอนท้ายจำเลยว่า เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ ต.กับพวกใช้ปืนยิงด้วย ต่อมาจำเลยให้การในครั้งหลังว่า ผู้ตายขี่จักรยานหนี ต.กับพวก ท.และจ. ถ้อยคำที่ให้การนี้เป็นเท็จทั้งสิ้น ดังนี้ แม้ศาลจะฟังว่าเฉพาะคำให้การในครั้งหลังเป็นความเท็จเพียงตอนเดียว ก็ลงโทษตามมาตรา 172 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การเท็จในชั้นสอบสวน การพิสูจน์ความเท็จจากคำให้การที่ไม่สอดคล้องกัน และผลกระทบต่อพนักงานสอบสวน
การที่จะพิสูจน์ถ้อยคำของบุคคลที่กล่าวอ้างว่าได้เห็นเหตุการณ์ใดๆ ว่าเป็นเท็จนั้นไม่จำต้องมีประจักษ์พยานมายืนยันโดยตรงว่าบุคคลนั้นมิได้เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นเสมอไปในบางกรณีรายละเอียดแห่งถ้อยคำของผู้นั้นโดยลำพังหรือประกอบด้วยพฤติการณ์ของผู้นั้นเองย่อมพิสูจน์ได้ในตัวว่าผู้นั้นกล่าวคำเท็จ
ฟ้องว่าจำเลยให้การเท็จในคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,172 เมื่อพิจารณาได้ความตามฟ้อง ศาลย่อมพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา172
ฟ้องว่าจำเลยให้การในครั้งแรกว่า จำเลยได้ยินเสียงปืน อีกสักครู่ก็เห็น ต.ถือปืนสั้นกับ ท.และจ.โผล่ออกมาจากข้างถนนแล้วตอนท้ายจำเลยว่า เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ ต. กับพวกใช้ปืนยิงด้วยต่อมาจำเลยให้การในครั้งหลังว่า ผู้ตายขี่จักรยานหนี ต.กับพวกท. และ จ. วิ่งไล่ติดตามไป ผู้ตายล้มลง ท. กับ จ. วิ่งตรงไปที่ผู้ตายพอดี ต. เหลียวมาทางจำเลยแล้วร้องบอก ท. กับ จ. ถ้อยคำให้การนี้เป็นเท็จทั้งสิ้น ดังนี้ แม้ศาลจะฟังว่าเฉพาะคำให้การในครั้งหลังเป็นความเท็จเพียงตอนเดียว ก็ลงโทษตามมาตรา172 ได้
ฟ้องว่าจำเลยให้การเท็จในคดีอาญาต่อพนักงานสอบสวน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,172 เมื่อพิจารณาได้ความตามฟ้อง ศาลย่อมพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา172
ฟ้องว่าจำเลยให้การในครั้งแรกว่า จำเลยได้ยินเสียงปืน อีกสักครู่ก็เห็น ต.ถือปืนสั้นกับ ท.และจ.โผล่ออกมาจากข้างถนนแล้วตอนท้ายจำเลยว่า เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ ต. กับพวกใช้ปืนยิงด้วยต่อมาจำเลยให้การในครั้งหลังว่า ผู้ตายขี่จักรยานหนี ต.กับพวกท. และ จ. วิ่งไล่ติดตามไป ผู้ตายล้มลง ท. กับ จ. วิ่งตรงไปที่ผู้ตายพอดี ต. เหลียวมาทางจำเลยแล้วร้องบอก ท. กับ จ. ถ้อยคำให้การนี้เป็นเท็จทั้งสิ้น ดังนี้ แม้ศาลจะฟังว่าเฉพาะคำให้การในครั้งหลังเป็นความเท็จเพียงตอนเดียว ก็ลงโทษตามมาตรา172 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 40/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมแปลงเอกสารราชการ (ใบอนุญาตขับขี่) และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะที่นายทะเบียนยานพาหนะออกให้นั้น ไม่เป็นเอกสารสิทธิ แต่เป็นเอกสารราชการ
โจทก์บรรยายฟ้องหาว่าจำเลยปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการขอให้ลงโทษตามมาตรา 266 เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า เอกสารที่จำเลยทำปลอมเป็นเพียงเอกสารราชการศาลก็ลงโทษตามมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษเบากว่าได้
โจทก์บรรยายฟ้องหาว่าจำเลยปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการขอให้ลงโทษตามมาตรา 266 เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า เอกสารที่จำเลยทำปลอมเป็นเพียงเอกสารราชการศาลก็ลงโทษตามมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษเบากว่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 40/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมแปลงเอกสารราชการ (ใบขับขี่) และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะที่นายทะเบียนยานพาหนะออกให้นั้น ไม่เป็นเอกสารสิทธิ แต่เป็นเอกสารราชการ
โจทก์บรรยายฟ้องหาว่าจำเลยปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ ขอให้ลงโทษตามมาตรา 266 เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า เอกสารที่จำเลยทำปลอมเป็นเพียงเอกสารราชการ ศาลก็ลงโทษตามมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษเบากว่าได้
โจทก์บรรยายฟ้องหาว่าจำเลยปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ ขอให้ลงโทษตามมาตรา 266 เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า เอกสารที่จำเลยทำปลอมเป็นเพียงเอกสารราชการ ศาลก็ลงโทษตามมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษเบากว่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ แม้พยานให้การไม่สอดคล้องกัน ศาลฎีกาพิเคราะห์จากคำรับสารภาพของจำเลยและคำเบิกความของพยาน
(1)การที่ผู้ใหญ่บ้านร่วมกับตำรวจไปทำการจับกุมภริยาจำเลยและจำเลย จำเลยกล่าวว่า "เจ้าพนักงานจับกุมไม่เสียใจ ทำไมต้องเอาอ้ายผู้ใหญ่บ้านหัวควยยังงี้มาด้วยละ กูไม่ไว้ใจประเดี๋ยวจะลักของกู มึงออกจากบ้านกูไปเดี๋ยวนี้ มึงล่อลวงประชาชน หากินเล็กหากินน้อยอย่างของกูมึงไม่ได้กินหรอก กูไม่ไว้ใจมึง เดี๋ยวมึงจะเอาของผิดกฎหมายมาใส่ให้กู"นั้น เป็นการดูหมิ่นผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่ (2)แม้เพียงถ้อยคำที่จำเลยรับว่าได้กล่าวว่า "อั๊วไม่ไว้ใจลื้อเดี๋ยวลื้อจะเอาของผิดกฎหมายมาใส่อั๊ว" ก็เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อยู่แล้ว