พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,100 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานครอบครองไม้หวงห้ามแปรรูป ต้องพิจารณาประเภทไม้ที่ครอบครองตามฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยมีใช้ในความครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามแปรรูปเป็นเสาถาก 75 ท่อน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 และพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 12 ซึ่งเป็นบทลงโทษผู้มีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป และโจทก์นำสืบฟังได้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้แปรรูป คือ ถากเป็นเสาแล้ว ดังนี้จะลงโทษจำเลยฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีไม้หวงห้าม ต้องพิจารณาประเภทไม้ที่ครอบครอง หากเป็นไม้แปรรูปแล้ว การลงโทษตามบทบัญญัติสำหรับไม้ยังไม่แปรรูปย่อมไม่ชอบ
ฟ้องว่าจำเลยมีไว้ในความครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามแปรรูปเป็นเสาถาก 75 ท่อน ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 และพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่4) พ.ศ.2503มาตรา 12 ซึ่งเป็นบทลงโทษผู้มีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป และโจทก์นำสืบฟังได้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้แปรรูป คือถากเป็นเสาแล้วดังนี้จะลงโทษจำเลยฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วันเวลาการกระทำผิดเป็นสาระสำคัญ หากไม่ตรงกับที่ฟ้องร้อง ศาลต้องยกฟ้อง
คดีอาญา โจทก์บรรยายฟ้องว่า ผู้เสียหายถูกจำเลยขู่เข็ญให้รับว่ารับจ้างมาฆ่าจำเลย ขณะผู้เสียหายถูกกักขังคือ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม2505 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 9 มกราคม 2505 เวลากลางวัน เท่านั้นส่วนวันเวลาที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยร่วมกันทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จขึ้นนั้น โจทก์คงระบุยืนยันไว้ชัดแจ้งในตอนต้นว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2505 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ซึ่งแตกต่างกับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณา ข้อแตกต่างในเรื่องวันเวลาที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดนี้เป็นข้อสารสำคัญซึ่งตามกฎหมายให้ศาลต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาฐานจ้างวานเบิกความเท็จ: การบรรยายฟ้องไม่เคลือบคลุม พยานเบิกความสำคัญ และความแตกต่างเล็กน้อยในการสืบพยาน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยสมคบกันใช้บังคับ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริมให้พยานเบิกความเท็จนั้น ไม่เป็นฟ้องที่ขัดกัน ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ และไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ในเมื่อเป็นการบรรยายรายละเอียดการกระทำทั้งหลายที่จำเลยได้กระทำรวมกันไป
พยานเบิกความว่า จำหน้าคนร้ายไม่ได้ และศาลได้พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุนี้ข้อความที่พยานเบิกความนั้น จึงเป็นข้อสำคัญในคดี
ในการจ้างวานและยุยงให้พยานเบิกความเท็จต่อศาลนั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยพูดกับพยานว่าเรื่องนี้ไม่ต้องกลัว เพราะได้ให้เจ้าพนักงานอัยการ 5,000 บาทแล้วเมื่อโจทก์นำสืบกลับสืบว่า ได้ให้8,000 บาท เช่นนี้ เป็นเรื่องพยานโจทก์เบิกความไม่ตรงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
พยานเบิกความว่า จำหน้าคนร้ายไม่ได้ และศาลได้พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุนี้ข้อความที่พยานเบิกความนั้น จึงเป็นข้อสำคัญในคดี
ในการจ้างวานและยุยงให้พยานเบิกความเท็จต่อศาลนั้นโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยพูดกับพยานว่าเรื่องนี้ไม่ต้องกลัว เพราะได้ให้เจ้าพนักงานอัยการ 5,000 บาทแล้วเมื่อโจทก์นำสืบกลับสืบว่า ได้ให้8,000 บาท เช่นนี้ เป็นเรื่องพยานโจทก์เบิกความไม่ตรงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานจ้างวานเบิกความเท็จ: การพิจารณาความเคลือบคลุมของฟ้อง และความสำคัญของพยานหลักฐาน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยสมคบกันใช้บังคับขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม ให้พยานเบิกความเท็จนั้น ไม่เป็นฟ้องที่ขัดกัน ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ และไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม ในเมื่อเป็นการบรรยายรายละเอียดการกระทำทั้งหลายที่จำเลยได้กระทำรวมกันไป
พยานเบิกความว่า จำหน้าคนร้ายไม่ได้ และศาลได้พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุนี้ ข้อความที่พยานเบิกความนั้น จึงเป็นข้อสำคัญในคดี
ในการจ้างวานและยุยงให้พยานเบิกความเท็จต่อศาลนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยพูดกับพยานว่าเรื่องนี้ไม่ต้องกลัว เพราะได้ให้พนักงานอัยการ 500 บาท แล้ว เมื่อโจทก์นำสืบกลับสืบว่า ได้ให้ 800 บาท เช่นนี้ เป็นเรื่องพยานโจทก์เบิกความไม่ตรงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
พยานเบิกความว่า จำหน้าคนร้ายไม่ได้ และศาลได้พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุนี้ ข้อความที่พยานเบิกความนั้น จึงเป็นข้อสำคัญในคดี
ในการจ้างวานและยุยงให้พยานเบิกความเท็จต่อศาลนั้น โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยพูดกับพยานว่าเรื่องนี้ไม่ต้องกลัว เพราะได้ให้พนักงานอัยการ 500 บาท แล้ว เมื่อโจทก์นำสืบกลับสืบว่า ได้ให้ 800 บาท เช่นนี้ เป็นเรื่องพยานโจทก์เบิกความไม่ตรงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดตามฟ้อง การพิพากษาต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำฟ้อง หากข้อเท็จจริงไม่ตรงกัน ศาลต้องยกฟ้อง
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า "จำเลยทั้ง 17 คนนี้ได้กระทความผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือ จำเลยทุกคนได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันเล่นการพนันซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการพนันถั่ว" และในตอนต่อไปในฟ้องข้อเดียวกันกล่าวว่า "โดยจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน จำเลยที่ 2 เป็ฯเจ้ามือรับถินรับใช้ จำเลยอื่นๆเป็นผู้เล่น" นั้น เห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หาใช่ในฐานะเป็นผู้เล่นด้วยไม่
ถ้าทางพิจารณาปรากฎว่าจำเลยมิได้เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันตามฟ้อง แต่เป็นเพียงผู้เล่นเท่านั้น ต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในสาระสำคัญ อันเป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้.
ถ้าทางพิจารณาปรากฎว่าจำเลยมิได้เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันตามฟ้อง แต่เป็นเพียงผู้เล่นเท่านั้น ต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในสาระสำคัญ อันเป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดฐานและข้อเท็จจริงไม่ตรงกันเป็นเหตุให้ศาลต้องยกฟ้องจำเลย
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า.'จำเลยทั้ง 17 คนนี้ได้กระทำความผิดต่อกฎหมาย กล่าวคือจำเลยทุกคนได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันเล่นการพนันซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการพนันถั่ว' และในตอนต่อไปในฟ้องข้อเดียวกันกล่าวว่า 'โดยจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน จำเลยที่ 2 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ จำเลยอื่นๆ เป็นผู้เล่น' นั้น เห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หาใช่ในฐานะเป็นผู้เล่นด้วยไม่
ถ้าทางพิจารณาปรากฏว่าจำเลยมิได้เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันตามฟ้อง แต่เป็นเพียงผู้เล่นเท่านั้นต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในสารสำคัญ อันเป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้
ถ้าทางพิจารณาปรากฏว่าจำเลยมิได้เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันตามฟ้อง แต่เป็นเพียงผู้เล่นเท่านั้นต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในสารสำคัญ อันเป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันจดข้อความเท็จ การกระทำความผิดทางอาญาโดยใช้ผู้อื่นเป็นเครื่องมือ และการรอการลงโทษ
ฟ้องว่าจำเลยที่ 1, 2 สมคบกันจดข้อความเท็จทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 2 ผู้เดียวเอาคนอื่นเป็นเครื่องมือในการจดเท็จ ดังนี้ จำเลยที่ 2 ย่อมเป็นตัวการในการกระทำความผิด ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในการพิจารณาจึงไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงดั่งที่กล่าวในฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบจดข้อความเท็จ และความรับผิดของตัวการแม้ใช้ผู้อื่นเป็นเครื่องมือ
ฟ้องว่าจำเลยที่ 1,2 สมคบกันจดข้อความเท็จทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ 2 ผู้เดียวเอาคนอื่นเป็นเครื่องมือในการจดเท็จ ดังนี้ จำเลยที่ 2 ย่อมเป็นตัวการในการกระทำความผิดข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาจึงไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงดั่งที่กล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความคลาดเคลื่อนของเวลาในฟ้องอาญา ไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้อง หากจำเลยไม่หลงสู้คดี
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2503 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ทางพิจารณาก็ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดในคืนเดียวกันนั้น แต่เป็นเวลา 3.00 น. ของวันรุ่งขึ้นแล้ว เวลาที่ผิดกันเพียงเท่านี้ไม่ใช่ข้อสาระสำคัญในคดี และเมื่อจำเลยมิได้หลงสู้คดีด้วยแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุให้ต้องยกฟ้อง.