คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 192

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,100 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จต่อศาลและการแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ไม่ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2500ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 23 กุมภาพันธ์2500 ถือว่าเป็นการแตกต่างในข้อสารสำคัญ เท่ากับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง ต้องยกฟ้อง.จำเลยจะหลงข้อต่อสู้หรือไม่ ไม่สำคัญ
จำเลยเบิกความเท็จ และนำสืบแสดงหลักฐานเท็จต่อศาลในคดีแพ่ง ว่าก่อนตายผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ โดยจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์และจำเลย ศาลหลงเชื่อจึงสั่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แล้วจำเลยได้นำสำเนาคำสั่งศาลนั้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินก็บันทึกข้อความคำสั่งศาลไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรมและโอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกดังนี้จะถือว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จต่อศาลและการแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ไม่ถือว่ากระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2500 ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2500 ถือว่าเป็นการแตกต่างในข้อสารสำคัญเท่ากับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง ต้องยกฟ้อง จำเลยจะหลงข้อต่อสู้หรือไม่ ไม่สำคัญ
จำเลยเบิกความเท็จ และนำสืบแสดงหลักฐานเท็จต่อศาลในคดีแพ่ง ว่าก่อนตายผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ โดยจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์และจำเลย ศาลหลงเชื่อจึงสั่งให้ตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แล้วจำเลยได้นำสำเนาคำสั่งศาลนั้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ๆ ก็บันทึกข้อความคำสั่งศาลไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรม และโอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดก ดังนี้ จะถือว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691-1697/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดต่อเนื่อง และฟ้องไม่ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจเข้าครอบครองที่ดินของรัฐในทุ่งเขาหน้าวัวซึ่งทางราชการสงวนไว้สำหรับให้ราษฎรใช้เลี้ยงสัตว์ โดยเข้าไปแผ้วถางปลูกพืชผลแล้วครอบครองที่ดิน โดยไม่มีสิทธิครอบครองและไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน กับทั้งระบุถึงวันเดือนปีและที่เกิดเหตุอันเป็นการระบุครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 และ 108 นั้น เมื่อจำเลยรับว่าจำเลยเข้าครอบครองที่ดินรกร้างว่างเปล่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน แม้ทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าเป็นที่ดินซึ่งทางราชการสงวนไว้สำหรับให้ราษฎรใช้เลี้ยงสัตว์ ก็ลงโทษจำเลยตามฟ้องได้ เพราะความตอนนี้เป็นเพียงรายละเอียด ไม่ใช่ส่วนขององค์ความผิด
เมื่อกฎหมายห้ามเข้าครอบครองที่ดินโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ฉะนั้น ถ้าผู้ใดครอบครองที่ดินอยู่ก็ย่อมเป็นการกระทำอันฝ่าฝืนกฎหมาย และเป็นความผิดอยู่ทุกขณะที่ทำการครอบครอง คดีจึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1691-1697/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดต่อเนื่อง ฟ้องไม่ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจเข้าครอบครองที่ดินของรัฐในทุ่งเขาหน้าวัวซึ่งทางราชการสงวนไว้สำหรับให้ราษฎรใช้เลี้ยงสัตว์ โดยเข้าไปแผ้วถางปลูกพืชผลแล้วครอบครองที่ดินโดยไม่มีสิทธิครอบครองและไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานกับทั้งระบุถึงวันเดือนปีและที่เกิดเหตุอันเป็นการระบุครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 และ 108 นั้น เมื่อจำเลยรับว่าจำเลยเข้าครอบครองที่ดินรกร้างว่างเปล่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน แม้ทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าเป็นที่ดินซึ่งทางราชการสงวนไว้สำหรับให้ราษฎรใช้เลี้ยงสัตว์ ก็ลงโทษจำเลยตามฟ้องได้ เพราะความตอนนี้เป็นเพียงรายละเอียด ไม่ใช่ส่วนขององค์ความผิด
เมื่อกฎหมายห้ามเข้าครอบครองที่ดินโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ฉะนั้น ถ้าผู้ใดครอบครองที่ดินอยู่ก็ย่อมเป็นการกระทำอันฝ่าฝืนกฎหมาย และเป็นความผิดอยู่ทุกขณะที่ทำการครอบครอง คดีจึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย แม้ข้อกล่าวหาในฟ้องระบุบาดเจ็บสาหัส แต่พิจารณาพบไม่ถึงสาหัส ศาลลงโทษตามมาตราที่อัตราโทษเบากว่าได้
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกาย ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสตามมาตรา 256 แม้ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทำร้ายไม่ถึงสาหัสก็ตาม ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษและรวมโทษที่รอการลงโทษ จำเป็นต้องมีคำขอจากโจทก์
ในกรณีที่จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกและปรับแต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ แล้วจำเลยมากระทำความผิดอีก เมื่อโจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยในคดีหลัง แต่มิได้ขอให้เอาโทษที่รอมาบวกด้วยนั้นแม้เพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ ก็จะเอาโทษที่รอไว้มาบวกไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้มีคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษและรวมโทษที่รอการลงโทษ จำเป็นต้องมีคำขอจากโจทก์
ในกรณีที่จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกและปรับ แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ แล้วจำเลยมากระทำความผิดอีกเมื่อโจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยในคดีหลัง แต่มิได้ขอให้เอาโทษที่รอมาบวกด้วยนั้น แม้เพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ ก็จะเอาโทษที่รอไว้มาบวกไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้มีคำขอ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญามาตรา 220 ต้องพิสูจน์เจตนาหรือประมาทเลินเล่อ หากพิสูจน์ได้แต่ประมาท แต่ไม่ได้ฟ้องฐานประมาท จึงลงโทษไม่ได้
ฟ้องว่าจำเลยเผาขยะและใบไม้กิ่งไม้แห้งในสวนยาง ในลักษณะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 โดยมิได้บรรยายเรื่องประมาทมาด้วย เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นการเผาที่ไม่น่าจะเกิดอันตรายแก่ทรัพย์ผู้อื่น หากแต่เป็นการประมาทปราศจากการระมัดระวังเพลิงจึงลุกลามเข้าไปในสวนของผู้อื่น เช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเผาขยะลุกลาม: ฟ้องผิดฐานประมาทต้องอาศัยการบรรยายในฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยเผาขยะและใบไม้กิ่งไม้แห้งในสวนยาง ในลักษณะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 โดยมิได้บรรยายเรื่องประมาทมาด้วยเมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นการเผาที่ไม่น่าจะเกิดอันตรายแก่ทรัพย์ผู้อื่นหากแต่เป็นการประมาทปราศจากการระมัดระวังเพลิงจึงลุกลามเข้าไปในสวนของผู้อื่น เช่นนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192 จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 ไม่ได้(อ้างฎีกาที่ 546/2498) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีชิงทรัพย์: ผู้ถูกแย่งทรัพย์จากตัว แม้ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ ก็มีอำนาจฟ้องได้
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีชิงทรัพย์สร้อยคอ แม้จะไม่ได้ระบุว่าสร้อยนั้นเป็นของโจทก์ ทั้งได้ความว่าเป็นของมารดาโจทก์ให้โจทก์สวมใส่ แต่ก็บรรยายว่า จำเลยแย่งไปจากคอโจทก์ ก็ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้อง
บรรยายฟ้องว่า สร้อยคอที่จำเลยแบ่งไปราคา 21,000 บาท แล้วโจทก์นำสืบว่าราคา 2,100 บาทแต่คำขอท้ายฟ้องขอให้คืนหรือใช้ราคาเพียง 2,100 บาท เห็นได้ว่า ทีระบุในฟ้องตอนต้นว่าราคา 21,000 บาท นั้นเป็นการพลั้งเผลอไปมิใช่แตกต่างกันในสารสำคัญกับจะเป็นเหตุให้ยกฟ้อง
of 210