คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 192

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,100 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริต ยักยอกเงินและปลอมแปลงบัญชี: เปลี่ยนบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
คำบรรยายฟ้องคดีอาญาฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ยักยอกเงินที่ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะได้บรรยายความถึงหน้าที่และการกระทำผิดไว้โดยละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี
จำเลยรับราชการตำแหน่งตรวจคนเข้าเมืองมีหน้าที่รับเงินค่าล่วงเวลาในการไปตรวจควบคุมและรอคอยพาหนะ รับเงินแล้วยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตนเสีย โดยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงการคลังที่ให้นำส่ง ผิดตาม มาตรา 131ไม่ใช่ มาตรา 319(3)
การที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งหน้าที่ทำหนังสือราชการและจดทะเบียนบัญชี จำเลยบังอาจจดแจ้งข้อความลงในทะเบียนบัญชีเองอันเป็นเท็จ ผิดตาม มาตรา 230 ไม่ใช่มาตรา 225,229

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริต ยักยอกเงิน และปลอมแปลงบัญชีรับจ่าย
คำบรรยายฟ้องคดีอาญาฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ยักยอกเงินที่ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะได้บรรยายความถึงหน้าที่และการกระทำผิดไว้โดยละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี
จำเลยรับราชการตำแหน่งตรวจคนเข้าเมือง มีหน้าที่รับเงินค่าล่วงเวลาในการไปตรวจควบคุม และ รอคอยพาหนะ รับเงินแล้วยักยอกเอาเป็นประโยชน์ส่วนตน เสียโดยมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ให้นำส่ง ผิดตาม ม. 131 ไม่ใช่ ม. 319 (3)
การที่จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีตำแหน่งที่ทำหนังสือราชการและจดทะเบียนบัญชี จำเลยบังอาจจดแจ้งข้อความลงในทะเบียน บัญชีเองอันเป็นเท็จ ผิดตาม ม.230 ไม่ใช่ ม.225, 229

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1994-1995/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษทางอาญาโดยศาลอุทธรณ์และข้อจำกัดในการฎีกาในข้อเท็จจริง รวมถึงประเด็นการบรรยายฟ้อง
ศาลชั้นต้นลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.251, 59 จำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์ก็คงลงโทษตาม ม.251, 59 ดุจกัน แต่ให้จำคุก 4 ปี เช่นนี้เป็นกรณีแก้ไขน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 218
โจทก์บรรยายฟ้องหาว่า จำเลยหลายคนกระทำผิดฐานวิวาททำให้คนตายตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.253 เท่านั้น จะลงโทษจำเลยจำเลยคนที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในคดีนี้ในฐานฆ่าคนตายตาม ม.251 ไม่ได้ แม้จะฟังได้ว่าผู้ตายได้ตายเพราะบาดแผลที่ถูกจำเลยคนนั้นทำร้ายก็ตาม
ศาลชั้นต้นไม่ลงโทษจำเลยที่ 3 และโจทก์ก็ไม่ได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จะลงโทษจำเลยที่ 3 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1994-1995/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษที่ศาลอุทธรณ์ และการลงโทษจำเลยเกินขอบเขตฟ้อง
ศาลชั้นต้นลงโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251,59จำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์ก็คงลงโทษตาม มาตรา 251,59 ดุจกัน แต่ให้จำคุก 4 ปี เช่นนี้เป็นกรณีแก้ไขน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
โจทก์บรรยายฟ้องหาว่าจำเลยหลายคนกระทำผิดฐานวิวาททำให้คนตายตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 253 เท่านั้นจะลงโทษจำเลยคนที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในคดีนี้ในฐานฆ่าคนตายตาม มาตรา 251 ไม่ได้ แม้จะฟังได้ว่าผู้ตายได้ตายเพราะบาดแผลที่ถูกจำเลยคนนั้นทำร้ายก็ตาม
ศาลชั้นต้นไม่ลงโทษจำเลยที่ 3 และโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จะลงโทษจำเลยที่ 3 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินบาดแผลเพื่อลงโทษอาญา: ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย vs. วิวาท และการมิได้ขอลงโทษตามบทบัญญัติที่ต่างกัน
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าจำเลยทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันในท้องถนนหลวงถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 254 เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าบาดแผลที่จำเลยกระทำร้ายคู่วิวาทอีกฝ่ายหนึ่งไม่ถึงบาดเจ็บ เมื่อโจทก์ไม่ได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 335(6) มาด้วยจะลงโทษตามมาตรานี้ไม่ได้ เพราะเป็นความผิดคนละประเภทและบทบัญญัติความผิดก็คนละหมวดหมู่กัน ถือได้ว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
รายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องย่อมเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องเมื่อจำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดดังฟ้องโจทก์ทุกข้อหา แต่รายงานชันสูตรบาดแผลผู้ถูกทำร้ายเพียงฟกช้ำเท่านั้น ยังไม่ถึงเกณฑ์บาดเจ็บจะลงโทษตาม มาตรา 254 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1990/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน โดยพิจารณาจากบาดแผล และการระบุบทกฎหมายในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่า จำเลยทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ในท้องถนนหลวงถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม. 254 เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า บาดแผลที่จำเลยกระทำร้ายคู่วิวาทอีกฝ่ายหนึ่งไม่ถึงบาดเจ็บ เมื่อโจทก์ไม่ได้ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ม.335 (6) มาด้วย จะลงโทษตามมาตรานี้ไม่ได้ เพราะเป็นความผิดคนละประเภทและบทบัญญัติความผิดก็คนละหมวดหมู่กัน ถือได้ว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
รายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องย่อมเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง เมื่อจำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดดังฟ้องโจทก์ทุกข้อหา แต่รายงานชันสูตรบาดแผลผู้ถูกทำร้ายเพียงฟกช้ำเท่านั้น ยังไม่ถึงเกณฑ์บาดเจ็บ จะลงโทษตาม ม.254 ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อหาไม่ตรงกับพยานหลักฐาน: จำเลยเล่นไพ่ผสมสิบ ไม่ใช่ไพ่เผ ทำให้ต้องยกฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันเล่นไพ่เผทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเล่นไพ่ผสมสิบ ดังนี้ ข้อเท็จจริงทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ต้องยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 192.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1842/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความแตกต่างของข้อหาฟ้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ ทำให้ต้องยกฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันเล่นไพ่เผทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเล่นไพ่ผสมสิบ ดั่งนี้ ข้อเท็จจริงทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ต้องยกฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1683/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขู่เข็ญข่มขืนใจและชิงทรัพย์: ศาลลงโทษฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ แม้ไม่มีหลักฐานการลักทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยเข้าตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 299 และขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรานั้น แต่เมื่อทางพิจารณาฟังข้อเท็จจริงได้ความเพียงว่าการกระทำของจำเลยเป็นการขู่เข็ญข่มขืนใจให้เขาต้องจำยอมกระทำการตามความประสงค์ของจำเลย ด้วยการใช้มีดจ่อจี้ว่าจะทำร้าย เป็นความผิดอาญาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ ต้องตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 268 วรรคสาม และการกระทำอันเป็นการขู่เข็ญว่าจะทำร้ายนี้ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำผิดอาญาฐานชิงทรัพย์ ทั้งโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำนี้มาในฟ้องแล้ว แม้ข้อเท็จจริงจะยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำการลักทรัพย์ ศาลก็ลงโทษจำเลยเท่าที่จำเลยทำผิด คือลงโทษตาม มาตรา 268 วรรคสาม นั้นได้ ไม่ถือว่านอกความประสงค์ของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์หลังการฆ่า: เจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อเอาทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยฆ่าผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยจึงเกิดโลภเจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายในภายหลัง เช่นนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 288 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2501)
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป
of 210