พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,100 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์หลังการฆ่า: เจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อเอาทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยฆ่าผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยจึงเกิดโลภเจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายในภายหลัง เช่นนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 288 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2501)
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและทรัพย์สิน: ศาลไม่ริบของกลางเมื่อยกฟ้อง
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคนโดยเจตนาและจับจำเลยได้พร้อมด้วยปืนและแมกกาซีนของกลาง เมื่อฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตและทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ ไม่ควรรับอาญาแล้ว ก็ไม่ควรริบของกลาง เพราะคดีไม่มีประเด็นว่าของกลางมีทะเบียนหรือไม่ โจทก์มิได้บรรยายความมาในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ ทำให้ไม่ควรริบของกลาง แม้ไม่มีประเด็นเรื่องทะเบียน
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคนโดยเจตนาและจับจำเลยได้พร้อมด้วยปืนและแมกกาซีนของกลาง เมื่อฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตและทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ ไม่ควรรับอาญาแล้ว ก็ไม่ควรริบของกลาง เพราะคดีไม่มีประเด็นว่าของกลางมีทะเบียนหรือไม่ โจทก์มิได้บรรยายความมาในฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1296/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนฐานความผิดจากเจ้ามือเป็นผู้เล่นสลากกินรวบ ศาลลงโทษได้หากอยู่ในความประสงค์เดิมของผู้ฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นผู้เล่นสลากกินรวบ ถือว่าข้อเท็จจริงไม่ต่างกับฟ้อง ศาลลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้เล่น (แทง) สลากกินรวบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1296/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดฐาน เจ้ามือ vs ผู้เล่นสลากกินรวบ ศาลลงโทษได้หากความผิดอยู่ในวงประสงค์ของโจทก์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นผู้เล่นสลากกินรวบ ถือว่าข้อเท็จจริงไม่ต่างกับฟ้อง ศาลลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้เล่น (แทง) สลากกินรวบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา การนำสืบข้อเท็จจริงนอกเหนือจากที่ระบุในฟ้อง และขอบเขตการนำสืบหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2498 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกสมคบกันเล่นการพนันสลากกินรวบพนันเอาเงินและทรัพย์สินกัน โดยจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นและเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้เพื่อเป็นทางนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตนและเข้าเล่นด้วยโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และมีสถานที่เกิดเหตุกับบทกฎหมายที่ขอให้ลงโทษ เช่นนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม วิธีการเล่นสลากกินรวบมีอยู่อย่างไร เป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประเด็นซึ่งโจทก์ย่อมนำสืบได้ในเวลาพิจารณาคดี ไม่ใช่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็นอย่างใด และเมื่อนำสืบฟังได้เช่นนั้นก็ไม่ใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1263/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษตามความผิดที่เบากว่าในหมวดเดียวกัน แม้โจทก์ฟ้องฐานความผิดหนักกว่า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.276 ซึ่งอยู่ในหมวดฐานกระทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ เมื่อฟังว่าจำเลยไม่มีผิดตาม ม.276 หากแต่ผิดตาม ม.270 อันเป็นความผิดอยู่ในหมวดเดียวกัน เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพอยู่ในตัวศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยตาม ม.270 ซึ่งมีโทษเบากว่าได้ ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1263/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษตามความผิดอื่นเมื่อไม่พบผิดตามฟ้องเดิม แต่ยังอยู่ในหมวดความผิดเดียวกัน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 276 ซึ่งอยู่ในหมวดฐานกระทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพ เมื่อฟังว่าจำเลยไม่มีผิดตาม มาตรา 276 หากแต่ผิด ตาม มาตรา 270 อันเป็นความผิดอยู่ในหมวดเดียวกัน เป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพอยู่ในตัว ศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยตาม มาตรา 270 ซึ่งมีโทษเบากว่าได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความคลาดเคลื่อนของสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง ไม่ถือเป็นข้อเท็จจริงต่างกัน หากยังอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
โจทก์ระบุตำบลเกิดเหตุในฟ้องว่าเกิดที่ตำบลท่ายาง แต่ปรากฎเหตุเกิดอีกตำบลหนึ่ง ซึ่งอยู่อีกฝั่งของคลอง ซึ่งมีฝั่งอีกฝั่งอยู่ในตำบลท่ายาง เพราะความสำคัญผิดหรือพลั้งเผลอ เพียงเท่านี้จะให้ถือฟ้องยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างของสถานที่เกิดเหตุในฟ้องคดีอาญา: ความเข้าใจผิดหรือพลั้งเผลอไม่ถือว่าเป็นข้อเท็จจริงต่างกัน
โจทก์ระบุตำบลเกิดเหตุในฟ้องว่าเกิดที่ตำบลท่ายางแต่ปรากฏเหตุเกิดอีกตำบลหนึ่ง ซึ่งอยู่อีกฝั่งของคลองซึ่งมีฝั่งอีกฝั่งอยู่ในตำบลท่ายางเพราะความสำคัญผิดหรือพลั้งเผลอเพียงเท่านี้จะให้ถือว่าแตกต่างกับฟ้องยังไม่ได้