พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,100 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ผู้ตายบุกรุก แต่การยิงซ้ำหลังล้มแล้วถือเกินกว่าเหตุ
คดีฟังเป็นยุติว่าจำเลยยิงผู้ตายตายแต่โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานขณะจำเลยยิงผู้ตายคงมีคำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนว่าผู้ตายเป็นฝ่ายบุกรุกขึ้นไปจะทำร้ายจำเลยถึงบนเรือนในเวลาค่ำคืนจำเลยจึงยิงผู้ตายตายและพยานแวดล้อมกรณีเห็นจำเลยตอนหามศพผู้ตายดังนี้แม้ชั้นพิจารณาจำเลยจะไม่ได้ต่อสู้และนำสืบว่ากระทำไปโดยป้องกันตัวก็ดี เมื่อโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานและคำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนก็เป็นพยานหลักฐานของโจทก์เองอยู่แล้วจึงฟังได้ตามคำรับสารภาพของจำเลยนั้นว่าจำเลยยิงผู้ตายตายเพื่อป้องกันตัวแต่เมื่อปรากฏว่า(ตามคำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวน) ยิงผู้ตายสองนัด ผู้ตายล้มลงแล้วยังยิงซ้ำอีกดังนี้ เป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีป่าไม้: ความถูกต้องของเอกสารอนุญาตตัดไม้ และขอบเขตการริบไม้ของกลาง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 2กรกฎาคม 2496 เวลาใดไม่ปรากฏจำเลยตัดฟันชักลากและมีไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าพนักงานจับไม้ของกลางได้เมื่อวันที่ 9 ก.ค.96 ดังนี้แม้ทางพิจารณาจะฟังว่าจับของกลางได้เมื่อวันที่ 2 ก.ค.96 ซึ่งผิดวันกันก็จริง แต่ข้อที่ผิดกันเช่นนี้ยังไม่เรียกว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องไม่ เพราะข้อที่ผิดกันนี้เป็นแต่เพียงรายละเอียดข้อปลีกย่อยเท่านั้น มิใช่ในข้ออันเป็นมูลฐานแห่งข้อกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีป่าไม้: การใช้ใบอนุญาตที่ถูกต้องและการไม่ริบไม้ที่ได้รับยกเว้นค่าภาคหลวง แม้จับกุมผิดวัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าระหว่างวันที่ 1 ม.ค. 96 เวลาใดไม่ปรากฎจำเลยตัดฟันชักลากและมีไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับไม้ของกลางได้เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 96 ดังนี้แม้ทางพิจารณาจะฟังว่าจับของกลางได้เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 96 ซึ่งผิดวันกันก็จริง แต่ข้อที่ผิดกันเช่นนี้ยังไม่เรียกว่า ข้อเท็จจริงตามทีปรากฎในการพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงในฟ้องไม่ เพราะข้อที่ผิดกันนี้เป็นแต่เพียงรายละเอียดข้อปลีกย่อยเท่านั้น มิใช่ในข้ออันเป็นมูลฐานแห่งข้อกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจศาลในการเพิ่มโทษจำเลยเกินคำขอเดิม โดยอ้างเจตนาของผู้ฟ้อง
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม ม. 256 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม ม. 256 วางกำหนดโทษจำคุก 6 เดือน
โจทก์ดอุทธรณ์ต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตาม ม. 256 เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าบาดเจ็บไม่สาหัสก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัสตาม ม. 254 และเห็นสมควรจะวางอัตราโทษเท่าใดตามมาตรานี้ก็ได้ แม้จะเพิ่มกำหนดโทษเป็น 1 ปี 6 เดือนสูงกว่าศาลชั้นต้นก็ได้ เพราะไม่เป็นการเกินคำขอตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256
โจทก์ดอุทธรณ์ต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ตาม ม. 256 เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าบาดเจ็บไม่สาหัสก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัสตาม ม. 254 และเห็นสมควรจะวางอัตราโทษเท่าใดตามมาตรานี้ก็ได้ แม้จะเพิ่มกำหนดโทษเป็น 1 ปี 6 เดือนสูงกว่าศาลชั้นต้นก็ได้ เพราะไม่เป็นการเกินคำขอตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 239/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจศาลอุทธรณ์ในการเพิ่มโทษจำเลย แม้ศาลชั้นต้นลงโทษในความผิดที่เบากว่า
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัสตามมาตรา 254 วางกำหนดโทษจำคุก 6 เดือน
โจทก์อุทธรณ์ต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าบาดเจ็บไม่สาหัสก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัส ตาม มาตรา 254และเห็นสมควรจะวางอัตราโทษเท่าใดตามมาตรานี้ก็ได้แม้จะเพิ่มกำหนดโทษเป็น 1 ปี 6 เดือนสูงกว่าศาลชั้นต้นก็ได้ เพราะไม่เป็นการเกินคำขอตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 นั้นไม่
โจทก์อุทธรณ์ต่อมาขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าบาดเจ็บไม่สาหัสก็มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บไม่สาหัส ตาม มาตรา 254และเห็นสมควรจะวางอัตราโทษเท่าใดตามมาตรานี้ก็ได้แม้จะเพิ่มกำหนดโทษเป็น 1 ปี 6 เดือนสูงกว่าศาลชั้นต้นก็ได้ เพราะไม่เป็นการเกินคำขอตามที่โจทก์ขอให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสตาม มาตรา 256 นั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลงโทษจำเลยได้ทั้งที่ฟ้องหลายกระทง หากความผิดแต่ละกระทงเป็นความผิดสำเร็จในตัวมันเอง
ถ้าความผิดตามที่ฟ้องนั้นรวมการกระทำหลายอย่างแต่ละอย่างเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองศาลจะลงโทษจำเลยในการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่พิจารณาได้ความก็ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยทำร้ายร่างกายดังนี้แม้โจทก์ไม่ได้อ้างบทลงโทษฐานทำร้ายร่างกายมาก็ตามเมื่อความผิดฐานทำร้ายร่างกายอาจแยกเป็นบทความผิดสำเร็จส่วนหนึ่งก็ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายได้(อ้างฎีกาที่379/2479)
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยทำร้ายร่างกายดังนี้แม้โจทก์ไม่ได้อ้างบทลงโทษฐานทำร้ายร่างกายมาก็ตามเมื่อความผิดฐานทำร้ายร่างกายอาจแยกเป็นบทความผิดสำเร็จส่วนหนึ่งก็ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายได้(อ้างฎีกาที่379/2479)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการนำสืบพยานในคดีอาญา: การสมคบคิดกับผู้รับสารภาพและความเชื่อมโยงกับความผิดตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดอาญา จำเลยคนหนึ่งรับสารภาพ แต่อีกคนหนึ่งปฏิเสธโจทก์จะขอสืบพะยานว่าจำเลยคนที่ปฏิเสธได้สมคบกับจำเลยที่รับสารภาพกระทำความผิดอาญานั้นก็ได้ ฉะเพาะในความหมายของการสมคบในนัยที่ว่า จำเลยนั้นได้ลงมือกระทำผิดตามฟ้องนั้นเอง เพราะคำว่าสมคบนั้นเป็นคำที่มีความหมายกว้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานความผิดสมคบร่วมกันกระทำความผิดอาญา ต้องไม่เกินกรอบคำฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดอาญา จำเลยคนหนึ่งรับสารภาพ แต่อีกคนหนึ่งปฏิเสธ โจทก์จะขอสืบพยานว่าจำเลยคนที่ปฏิเสธได้สมคบกับจำเลยที่รับสารภาพกระทำความผิดอาญานั้นก็ได้ เฉพาะในความหมายของการสมคบในนัยที่ว่า จำเลยนั้นได้ลงมือกระทำผิดตามฟ้องนั้นเอง เพราะคำว่าสมคบนั้นเป็นคำที่มีความหมายกว้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความถูกต้องของวันเกิดเหตุและการสั่งริบปืนในคดีอาญา
เกี่ยวกับวันเกิดเหตุโจทก์ฟ้องว่าวันขึ้น 2 ค่ำ พยานโจทก์ 2 ปากแรกให้การชั้นศาลว่า วันแรม 2 ค่ำ พยานโจทก์ 2 ปากหลังให้การชั้นศาลว่าวันขึ้น 2 ค่ำแต่ชั้นสอบสวนซึ่งเป็นเวลาหลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน พยานโจทก์ 2 ปากแรกก็ได้ให้การว่าวันขึ้น 2 ค่ำเมื่อข้อเท็จจริงยังฟังได้ว่าวันเกิดเหตุเป็นวันข้างขึ้นตามฟ้อง วันที่พยานโจทก์ 2 ปากแรกเบิกความชั้นศาลนั้นคลาดเคลื่อนไปดังนี้จะฟังว่าโจทก์ฟ้องผิดวันยังไม่ได้
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงคนโดยเจตนานั้น เมื่อฟ้องกล่าวว่าเป็นปืนของผู้มีชื่อขอให้ริบ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเอาปืนไปจากนายบ่ายซึ่งเป็นผู้ถือปืนอยู่ นายบ่ายจะได้ปืนมาอย่างใดและจะจดทะเบียนหรือไม่ ๆ ปรากฎเพียงเท่านี้ยังไม่พอจะสั่งให้ริบปืนของกลาง
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงคนโดยเจตนานั้น เมื่อฟ้องกล่าวว่าเป็นปืนของผู้มีชื่อขอให้ริบ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเอาปืนไปจากนายบ่ายซึ่งเป็นผู้ถือปืนอยู่ นายบ่ายจะได้ปืนมาอย่างใดและจะจดทะเบียนหรือไม่ ๆ ปรากฎเพียงเท่านี้ยังไม่พอจะสั่งให้ริบปืนของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความถูกต้องของวันเกิดเหตุในคดีอาญา และการริบของกลางเมื่อไม่ได้พิสูจน์ความเป็นเจ้าของ
เกี่ยวกับวันเกิดเหตุโจทก์ฟ้องว่าวันขึ้น 2 ค่ำ พยานโจทก์ 2 ปากแรกให้การชั้นศาลว่า วันแรม 2 ค่ำ พยานโจทก์ 2 ปากหลังให้การชั้นศาลว่าวันขึ้น 2 ค่ำแต่ชั้นสอบสวนซึ่งเป็นเวลาหลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน พยานโจทก์2 ปากแรกก็ได้ให้การว่าวันขึ้น 2 ค่ำ เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังได้ว่าวันเกิดเหตุเป็นวันข้างขึ้นตามฟ้อง วันที่พยานโจทก์ 2 ปากแรกเบิกความชั้นศาลนั้นคลาดเคลื่อนไปดังนี้จะฟังว่าโจทก์ฟ้องผิดวันยังไม่ได้
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงคนโดยเจตนานั้น เมื่อฟ้องกล่าวว่าเป็นปืนของผู้มีชื่อขอให้ริบ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเอาปืนไปจากนายบ่ายซึ่งเป็นผู้ถือปืนอยู่ นายบ่ายจะได้ปืนมาอย่างใดและจะจดทะเบียนหรือไม่ไม่ปรากฏ เพียงเท่านี้ยังไม่พอจะสั่งให้ริบปืนของกลาง
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงคนโดยเจตนานั้น เมื่อฟ้องกล่าวว่าเป็นปืนของผู้มีชื่อขอให้ริบ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเอาปืนไปจากนายบ่ายซึ่งเป็นผู้ถือปืนอยู่ นายบ่ายจะได้ปืนมาอย่างใดและจะจดทะเบียนหรือไม่ไม่ปรากฏ เพียงเท่านี้ยังไม่พอจะสั่งให้ริบปืนของกลาง