พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,100 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 726/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างบทมาตราความผิดพลาดและการลงโทษตามความประสงค์ของโจทก์
คำบรรยายฟ้องของโจทก์เป็นความผิดตามมาตรา 293,294 ขอให้ลงโทษตามมาตรา 293 เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่ามีการสมคบกันกระทำผิดก็ลงโทษตามมาตรา 293 ไม่ได้และจะขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 294 โดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ ว่าโจทก์พลั้งเผลออ้างบทมาตราผิดไปก็ไม่ได้เพราะปรากฏว่าโจทก์ได้อ้างบทมาตราความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 293 มาแล้วที่ไม่อ้างมาตรา 294 มานั้นจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 192 วรรคสามแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทั้งอัตราโทษตามมาตรา294 ก็สูงกว่ามาตรา 293
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 726/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาบทมาตราความผิดที่ถูกต้องตามคำฟ้องเดิม แม้โจทก์อ้างบทผิด ศาลต้องลงโทษตามที่จำเลยไม่ประสงค์
คำบรรยายฟ้องของโจทก์เป็นความผิดตามมาตรา 293,294, ขอให้ลงโทษตามมาตรา 293 เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่ามีการสมคบกันกระทำผิดก็ลงโทษตามมาตรา 293 ไม่ได้ และจะขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 294 โดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรค 4 ว่าโจทก์พลั้งเผลออ้างบทมาตราผิดไปก็ไม่ได้ เพราะปรากฎว่าโจทก์ได้อ้างบทมาตราความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 293 มาแล้ว ที่ไม่อ้างมาตรา 294 มานั้นจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 192 วรรค 3 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทั้งอัตราโทษตามมาตรา 294 ก็สูงกว่ามาตรา 293
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษเกินคำขอในฟ้องอาญา: แม้ฟ้องขอลงโทษตามมาตราหนึ่ง แต่ศาลลงโทษตามมาตราอื่นที่อัตราโทษสูงกว่าได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บโดยเจตนาขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249,60 ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 254 ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192 วรรคท้าย ไม่เกินคำขอ (อ้างฎีกาที่ 971/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษตามบทบัญญัติที่อยู่ในหมวดความผิดเดียวกัน แม้โจทก์มิได้ขอให้ลงโทษตามบทนั้นโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่า+ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249,60, ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 254 ได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 192 วรรคท้าย ไม่เกินคำขอ ( อ้างฎีกาที่ 971/2494 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีพนันกุ้งปลา จำเลยต้องมีพฤติการณ์คล้ายการพนันโปปั่นจึงจะมีความผิด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนันกุ้งปลาอันมีลักษณะคล้ายการพนันโปปั่นแต่สืบไม่ปรากฏว่าเป็นการเล่นคล้ายการพนันโปปั่นจึงขาดเหตุอันเป็นองค์ความผิดหรืออีกนัยหนึ่ง ไม่ปรากฏว่าได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริงตามฟ้อง จะลงโทษจำเลยใดๆในคดีนั้นไม่ได้ เข้าอยู่ในลักษณะคดี
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ไม่ใช่บทบังคับเด็ดขาด เป็นเพียงผ่อนผันว่า คดีมีอัตราโทษอย่างสูงไม่ถึง 10 ปี ก็ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาไปตามคำรับสารภาพได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนันคล้ายโปปั่นขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันประเภทห้ามขาดตามบัญชี ก.แล้วจะขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันอื่นตามพระราชบัญญัติการพนัน ฉบับที่ 4 มาตรา 3 อีกไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ไม่ใช่บทบังคับเด็ดขาด เป็นเพียงผ่อนผันว่า คดีมีอัตราโทษอย่างสูงไม่ถึง 10 ปี ก็ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาไปตามคำรับสารภาพได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนันคล้ายโปปั่นขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันประเภทห้ามขาดตามบัญชี ก.แล้วจะขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันอื่นตามพระราชบัญญัติการพนัน ฉบับที่ 4 มาตรา 3 อีกไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ลักษณะการพนัน การขาดองค์ความผิด และขอบเขตการลงโทษตาม พ.ร.บ.การพนัน
โจทย์ฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนันตุ้งปลายอันมีลักษณะคล้ายการพนันโปปั่น แต่สืบไม่ปรากฎว่าเป็นการเล่นคล้ายการพนันโปปั่น จึงขาดเหตุอันเป็นองค์ความผิดหรืออีกนัยหนึ่ง ไม่ปรากฎว่าได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริงตามฟ้อง จะลงโทษจำเลยใดๆ ในคดีนั้นไม่ได้ เข้าอยู่ในลักษณะคดี
ป.ม.วิ.อาญามาตรา 176 ไม่ใช่บทบังคับเด็ดขาด เ ป็นเพียงผ่อนผันว่า คดีมีอัตราโทษอย่างสูงไม่ถึง 10 ปี ก็ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาไปตามคำรับสารภาพได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเล่นการพนันคล้ายโปปั่น ขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันประเภทห้ามขาดตามบัญชี ก.แล้วจะขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันอื่นตาม พ.ร.บ.การพนันฉบับที่ 4 ม.3 อีกไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน
ป.ม.วิ.อาญามาตรา 176 ไม่ใช่บทบังคับเด็ดขาด เ ป็นเพียงผ่อนผันว่า คดีมีอัตราโทษอย่างสูงไม่ถึง 10 ปี ก็ให้ศาลมีอำนาจพิพากษาไปตามคำรับสารภาพได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเล่นการพนันคล้ายโปปั่น ขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันประเภทห้ามขาดตามบัญชี ก.แล้วจะขอให้ลงโทษฐานเล่นการพนันอื่นตาม พ.ร.บ.การพนันฉบับที่ 4 ม.3 อีกไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาโดยไม่ตรงกับข้อเท็จจริงตามการพิจารณา ศาลต้องยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานวิวาททำให้ตายในที่วิวาทโดยไม่ระบุว่าใครทำใคร ตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 253แต่เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าไม่ใช่เรื่องวิวาทกัน แต่เป็นเรื่องที่ผู้ตายออกมาห้ามแต่โดยดี กลับถูกจำเลยผู้มีชื่อคนหนึ่ง แทงเอาถึงตายดังนี้ เป็นเรื่องข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องจะลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1339/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่เข้าข่ายยักยอกทรัพย์ ไม่ใช่ลักทรัพย์ แม้มีการขนย้ายทรัพย์สินของผู้เสียหายไป
จำเลยได้สมคบกับพวกไปหลอกลวงผู้เสียหายว่า จำเลยเป็นเจ้าของเรือ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ตกลงจ้างจำเลยขนข้าวไปกรุงเทพฯ จำเลยบรรทุกข้าวของผู้เสียหายไปแล้ว กลับพาข้าวหนี ดังนี้ ไม่ใช่เรื่องลักทรัพย์ ฉะนั้นถ้าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1339/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่เข้าข่ายยักยอกทรัพย์ ไม่ใช่ลักทรัพย์ แม้จะมีการขนย้ายทรัพย์สินของผู้เสียหายไป
จำเลยได้สมคบกับพวกไปหลอกลวงผู้เสียหายว่า จำเลยเป็นเจ้าของเรือ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ตกลงจ้างจำเลยขนข้าวไปกรุงเทพ ฯ จำเลยบรรทุกข้าวของผู้เสียหายไปแล้ว กลับพาข้าวหนี ดังนี้ ไม่ใช่ลักทรัพย์ ฉะนั้นถ้าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากชกต่อยเป็นทำร้ายด้วยปืน: ศาลพิจารณาจากพฤติการณ์ที่ใกล้เคียงกันและลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย
ใช้ปืนสั้นตีเขามีบาดแผลฟกช้ำโลหิตขับที่ใต้ขมับขวา 1แห่ง ฟกซ้ำที่แก้ซ้าย 3 แห่งและที่ข้อมือซ้ายถูกของมีคมอีก 1 แห่ง ย่อมถือได้ว่าเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยใช้ปืนสั้นตีผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ ดังนี้การชกต่อยกับการใช้ปืนสั้นตีเป็นกิริยาอาการที่ใกล้ชิดกัน ยังไม่พอจะชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ถึงกับยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญามาตรา 192
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยข้อกฎหมายว่าโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง แม้ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องในข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 219
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยใช้ปืนสั้นตีผู้เสียหายถึงบาดเจ็บ ดังนี้การชกต่อยกับการใช้ปืนสั้นตีเป็นกิริยาอาการที่ใกล้ชิดกัน ยังไม่พอจะชี้ขาดว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ถึงกับยกฟ้องตาม ป.วิ.อาญามาตรา 192
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยข้อกฎหมายว่าโจทก์นำสืบข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง แม้ศาลอุทธรณ์จะยกฟ้องในข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 219