พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,100 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1816/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเพลิงทำลายทรัพย์สิน: ศาลลงโทษฐานความผิดตามบทมาตราที่ถูกต้อง แม้บทลงโทษที่อ้างในฟ้องไม่ตรงกับประเภททรัพย์สิน
ฟ้องหาว่าจำเลยวางเพลิงจุดเผาต้นอ้อยในไร่ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นเป็นอสังหาริมทรัพย์เสียหาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 186 เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาฟังได้ตามฟ้องจริงแต่ศาลเห็นว่าต้นอ้อยเป็นเพียงสังหาริมทรัพย์, ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ เช่นนี้ จึงเป็นกรณีเข้าตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 192 วรรค 4 ศาลย่อมลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 185 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฐานความผิดหลายกระทง: จำเลยรับสารภาพฐานหนึ่ง โจทก์ขอพิจารณาความผิดฐานอื่นไม่ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นสองฐานคือฐานปล้นทรัพย์หรือฐานรับของโจร ขอให้ลงโทษจำเลยฐานใดฐานหนึ่งเมื่อจำเลยให้การับว่าได้กระทำผิดฐานรับของโจรเต็มตามฟ้องแล้ว โจทก์จะขอให้พิจารณาความผิดฐานปล้นทรัพย์อีกไม่ได้ ศาลย่อมสั่งงดสืบพยานและพิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรได้ทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฐานความผิดหลายกระทง: เมื่อจำเลยรับสารภาพฐานหนึ่ง โจทก์ขอพิจารณาความผิดฐานอื่นไม่ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นสองฐาน คือฐานปล้นทรัพย์หรือฐานรับของโจร ขอให้ลงโทษจำเลยฐานใดฐานหนึ่ง เมื่อจำเลยให้การรับว่าได้กระทำผิดฐานรับของโจรเต็มตามฟ้องแล้ว โจทก์จะขอให้พิจารณาความผิดฐานปล้นทรัพย์อีกไม่ได้ ศาลย่อมสั่งงดสืบพยานและพิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรได้ทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1795/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำแนกความผิดฐานลักทรัพย์และยักยอกทรัพย์ พิจารณาจากข้อความในฟ้อง
ฟ้องของโจทก์บรรยายว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต ลักเอาทรัพย์สิ่งของของโจทก์ ซึ่งมีผู้ฝากจำเลยมา ให้โจทก์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 288 แม้จะมีคำว่า ลัก และมีคำขอให้ลงโทษตามมาตรา 288 ก็ตาม แต่ข้อความในฟ้องย่อมมีความหมายว่าจำเลยกระทำผิดฐานยักยอกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314ฉะนั้นโจทก์จะฎีกาขอให้ศาลฎีกาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1795/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความความผิดฐานลักทรัพย์และยักยอกทรัพย์จากข้อความในฟ้อง การลงโทษตามความผิดที่ระบุในฟ้อง
ฟ้องของโจทก์บรรยายว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต ลักเอาทรัพย์สิ่งของของโจทก์ซึ่งมีผู้ฝากจำเลยมาให้โจทก์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 288 แม้จะมีคำว่า ลักและมีคำขอให้ลงโทษตามมาตรา 288 ก็ตาม แต่ข้อความในฟ้องย่อมมีความหมายว่า จำเลยกระทำผิดฐานยักยอกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 314 ฉะนั้นโจทก์จะฎีกาขอให้ศาลฎีกาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1782/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องรับของโจร: โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยฟังว่าจำเลยไม่รู้ว่าเป็นของผิดกฎหมาย
ในคดีฟ้องหาว่าจำเลยรับของโจร ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยถือว่าทางพิจารณาได้ความต่างกับฟ้องศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยรับไว้โดยไม่รู้ว่า เป็นของที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย, จึงพิพากษายืน ดังนี้โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219
(อ้างฎีกาที่ 1344/2492)
(อ้างฎีกาที่ 1344/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1782/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาข้อเท็จจริงในคดีรับของโจร: เมื่อศาลชั้นต้น/อุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาไม่ได้
ในคดีฟ้องหาว่าจำเลยรับของโจร ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยถือว่าทางพิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยรับไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นของที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมายจึงพิพากษายืน ดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 (อ้างฎีกาที่ 1344/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1607/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายเงินรางวัลให้เจ้าพนักงานผู้จับกุมจาก พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร แม้ฟ้องไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควรและขอให้จ่ายรางวัลด้วย ตามคำบรรยายฟ้องกล่าวแต่ว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้ แต่คำขอท้ายฟ้องขอให้จ่ายเงินรางวัลแก่พลตำรวจผู้หนึ่งโดยระบุชื่อตำรวจผู้นั้นลงไปโดยไม่ได้กล่าวยืนยันว่าตำรวจผู้นั้นเป็นผู้จับจำเลยด้วยหรือไม่ดังนี้ ศาลก็พิพากษาให้จ่ายเงินรางวัลให้แก่เจ้าพนักงานผู้จับจำเลยได้ โดยไม่ต้องระบุชื่อว่า จ่ายให้ใคร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1607/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายเงินรางวัลให้เจ้าพนักงานผู้จับกุม แม้คำขอท้ายฟ้องไม่ได้ระบุชัดเจน ศาลสามารถพิจารณาจากอำนาจของพนักงานอัยการได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควรและขอให้จ่ายรางวัลด้วย ตามคำบรรยายฟ้องกล่าวแต่ว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้แต่คำขอท้ายฟ้องขอให้จ่ายเงินรางวัลแก่พลตำรวจผู้หนึ่ง โดยระบุชื่อตำรวจผู้นั้นลงไปโดยไม่ได้กล่าวยืนยันว่าตำรวจผู้นั้นเป็นผู้จับจำเลยด้วยหรือไม่ดังนี้ศาลก็พิพากษาให้จ่ายเงินรางวัลให้แก่เจ้าพนักงานผู้จับจำเลยได้ โดยไม่ต้องระบุชื่อว่าจ่ายให้ใคร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1571/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิวาททำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย: ลงโทษฐานทำร้ายได้ แม้ไม่สามารถระบุตัวผู้ลงมือ
อัยการโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนา ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องวิวาทที่ไม่รู้ว่าใครทำใครแล้ว ศาลก็ต้องยกฟ้อง แต่ถ้าปรากฏว่าในกรณีวิวาทนั้น จำเลยเป็นผู้ทำร้ายผู้ตายมีบาดเจ็บ อันเป็นความผิดส่วนหนึ่งในข้อหาแล้ว ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายผู้ตายถึงบาดเจ็บตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 ได้