คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 192

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,100 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เวลาการกระทำผิดเป็นข้อสำคัญในฟ้อง หากต่างจากที่กล่าวอ้างในฟ้อง ต้องยกฟ้อง
รายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดนั้นเป็นข้อสำคัญซึ่งโจทก์จะต้องกล่าวในฟ้องให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เมื่อปรากฏจากคำพยานว่า จำเลยทำผิดวันอื่น ไม่ใช่วันที่โจทก์กล่าวหาในฟ้องต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามนำข้าวสารออกนอกเขตห้าม และการจ่ายเงินรางวัลจาก พ.ร.บ.บำเหน็จในการปราบปราม
จำเลยเจตนาพาข้าวสารออกนอกเขตต์ห้ามกักกันข้าว แต่ถูกจับเสียก่อนออกนอกเขตต์ ต้องมีความผิดฐานพยายามนำข้าวออกนอกเขตต์
การนำข้าวสารติดเรือไปเพื่อรับประทานในระหว่างทางนั้น ย่อมไม่มีผิดฐานนำข้าวออกนอกเขตต์ตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว
เงินรางวัลในการจับกุมตาม พ.ร.บ.ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิดนั้นบังคับให้จ่ายจากการขายของกลางหรือจากเงินค่าปรับที่ได้ชำระต่อศาล ศาลมีอำนาจสั่งจ่ายได้ หากระทบกระเทือนถึงจำเลยไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลย แต่ไม่ได้ให้ริบข้าวของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น เมื่อศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยจะริบของกลางด้วยไม่ได้เพราะเกินคำขอของโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาต้องมีข้อเท็จจริงสนับสนุน หากข้อเท็จจริงไม่ตรงกับฟ้อง ศาลต้องยกฟ้องและคืนของกลาง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันเล่นการพะนันจับยี่กี ทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยเล่นจับยี่กี ศาลต้องยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยทุกคนตามฟ้อง จำเลยบางคนฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณา ฟังไม่ได้ว่าเป็นการเล่นจับยี่กี ดังฟ้อง ต้องยกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วย เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี
เมื่อศาลพิพากษาว่า จำเลยมิได้กระทำผิดดังฟ้อง ของกลางที่จับได้ มิใช่เป็นสิ่งที่มีไว้ผิดกฎหมาย ต้องคืนให้เจ้าของไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีพนัน: ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับฟ้อง ย่อมยกฟ้อง แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันเล่นการพนันจับยี่กีทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยเล่นจับยี่กี ศาลต้องยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยทุกคนตามฟ้อง จำเลยบางคนฎีกาเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าเป็นการเล่นจับยี่กี ดังฟ้อง ต้องยกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี
เมื่อศาลพิพากษาว่า จำเลยมิได้กระทำผิดดังฟ้องของกลางที่จับได้ มิใช่เป็นสิ่งที่มีไว้ผิดกฎหมายต้องคืนให้เจ้าของไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้วันเวลากระทำผิดในฟ้อง ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหากไม่หลงข้อต่อสู้
การขอแก้วันเวลากระทำผิดอันจำเป็นต้องกล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)นั้น เป็นการแก้รายละเอียด ซึ่งมาตรา 164 อนุญาตให้แก้ได้ มิให้ถือว่า ทำให้จำเลยเสียเปรียบเว้นแต่จำเลยได้หลงข้อต่อสู้
สืบพยานโจทก์ไปได้ 2 ปากโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้วันกระทำผิดในฟ้องเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้ ย่อมแก้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำนันและราษฎรเรียกรับเงินจากผู้ต้องหาเพื่อปล่อยตัว เป็นความผิดเจ้าพนักงานทุจริต
จำเลยที่ 1 เป็นกำนัน จำเลยที่ 2 เป็นราษฎร ได้ไปจับกุมนายรัตน์ นายมิ่ง หาว่าเป็นคนร้ายใช้สากกระเดื่องขว้างปานายเหนาะน้องชายจำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บแล้วคุมตัวนายรัตน นายมิ่งมาที่บ้านจำเลยที่ 1 จำเลยได้เรียกเอาเงินจากนายรัตน นายมิ่งคนละ 150 บาท และว่าถ้าให้เงินจะเลิกคดีปล่อยตัวไป นายรัตน นายมิ่งขอให้เงินเพียงคนละ 100 บาท จำเลยที่ 1 ก็ยอม พวกของนายรัตน นายมิ่งได้นำเงินมาให้แก่จำเลยที่ 1 ๆ รับเงินแล้วพูดว่าเลิกได้ แล้วนายรัตน, นายมิ่งก็พากันกลับบ้าน การกระทำดังนี้ย่อมเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานกระทำการทุจจริตในหน้าที่ ส่วนการที่จำเลยขู่ว่า ถ้าไม่หาเงินมาให้นั้นจะส่งไปให้พวกบ้านหนองนาแซงฆ่าเสียนั้น ถ้าเป็นความจริงกลับจะทำให้ความผิดของจำเลยมีโทษหนักขึ้น หาใช่จะทำให้ความผิดของจำเลยสูญหายไปหมดมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหา เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานกระทำทุจริตในหน้าที่
จำเลยที่ 1 เป็นกำนัน จำเลยที่ 2 เป็นราษฎร ได้ไปจับกุมนายรัตน์ นายมิ่งหาว่าเป็นคนร้ายใช้สากกระเดื่องขว้างปานายเหนาะน้องชายจำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บ แล้วคุมตัวนายรัตน์นายมิ่งมาที่บ้านจำเลยที่ 1 จำเลยได้เรียกเอาจากนายรัตน์นายมิ่งคนละ 150 บาท และว่าถ้าให้เงินจะเลิกคดีปล่อยตัวไปนายรัตน์นายมิ่งขอให้เงินเพียงคนละ 100 บาท จำเลยที่ 1 ก็ยอม พวกของนายรัตน์นายมิ่งได้นำเงินมาให้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 รับเงินแล้วพูดว่าเลิกได้ แล้วนายรัตน์นายมิ่งก็พากันกลับบ้านการกระทำดังนี้ย่อมเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานกระทำการทุจริตในหน้าที่ ส่วนการที่จำเลยขู่ว่า ถ้าไม่หาเงินมาให้นั้นจะส่งไปให้พวกบ้านหนองนาแซงฆ่าเสียนั้น ถ้าเป็นความจริงกลับจะทำให้ความผิดของจำเลยมีโทษหนักขึ้น หาใช่จะทำให้ความผิดของจำเลยสูญหายไปหมดมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 88/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งปริมาณข้าวหลังประกาศ: ไม่ผิดตามประกาศหากได้ข้าวหลังกำหนด
ประกาศคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวกำหนดให้ผู้มีข้าวสารอยู่ในครอบครองไปแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ภายในวันที่ 15 ตุลาคม2489 ย่อมไม่หมายความให้ผู้ได้ข้าวมาและอยู่ในความครอบครองหลังวันที่ 15 ตุลาคม 2489 ไปแจ้งความตามประกาศนี้ เพราะย่อมปฏิบัติตามไม่ได้ เมื่อโจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยกักกันข้าวในวันที่11 พฤศจิกายน 2489 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังวันที่ 15 ตุลาคม 2489 จำเลยจึงไม่ได้ทำการฝ่าฝืนประกาศ และไม่มีผิดดังฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามขนย้ายข้าวออกนอกเขตกักกัน: การพิจารณาเจตนาและการกระทำใกล้ชิดกับผลสำเร็จ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขนย้ายข้าวออกนอกเขตจังหวัดสมุทรสาครอันเป็นเขตกักกันข้าวขอให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวแต่โจทก์สืบพยานได้ความว่าขณะจำเลยถูกจับนั้นจำเลยยังมิทันได้นำข้าวออกนอกเขตจังหวัดสมุทรสาคร ดังนี้ เมื่อจำเลยมีเจตนาและการขนย้ายข้าวได้กระทำลงจนใกล้ชิดกับผลสำเร็จแล้ว ก็ลงโทษฐานพยายามได้ไม่ใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1179/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนย้ายสินค้าข้ามเขตควบคุมและการตีความอำนาจตามกฎหมายหลายฉบับ
พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่นๆ ในภาวะคับขันกับ พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว และ พระราชบัญญัติการค้าข้าวมีวัตถุประสงค์คนละอย่าง หาได้ขัดแย้ง หรือทับกันไม่ ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศของเจ้าพนักงานซึ่งออกอาศัยอำนาจ พระราชบัญญัติ ฉบับไหน ก็ต้องมีผิดตามพระราชบัญญัติ ฉบับนั้น
จำเลยขนย้ายรำจากจังหวัดนอกเขตกักกันข้าว พาผ่านจังหวัดอันเป็นเขตกักกันข้าว ออกไปอีกจังหวัดหนึ่ง ดังนี้ ไม่มีผิดตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว (อ้างฎีกาที่506-507/2491)
of 210