พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,100 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3775/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยหลายกรรมต่างกัน ศาลลงโทษทุกกรรมได้ แม้โจทก์มิได้อ้างมาตรา 91
แม้ตามฟ้องของโจทก์มิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91 มาในคำขอท้ายฟ้อง แต่ตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายว่าจำเลยได้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน และทางพิจารณาของศาลข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดหลายกรรมจริงดังนี้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปได้เพราะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มิใช่บทบัญญัติถึงการกระทำอันเป็นความผิดซึ่งโจทก์จะต้องกล่าวอ้างมาในคำขอท้ายฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6)และกรณีมิใช่ศาลลงโทษจำเลยเกินคำขอตามมาตรา 192 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3775/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในความผิดหลายกรรม แม้โจทก์มิได้อ้างมาตรา 91 ในคำฟ้อง
แม้ตามฟ้องของโจทก์มิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา91 มาในคำขอท้ายฟ้อง แต่ตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายว่าจำเลยได้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน และทางพิจารณาของศาลข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดหลายกรรมจริงดังนี้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปได้เพราะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มิใช่บทบัญญัติถึงการกระทำอันเป็นความผิดซึ่งโจทก์จะต้องกล่าวอ้างมาในคำขอท้ายฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (6) และกรณีมิใช่ศาลลงโทษจำเลยเกินคำขอตามมาตรา 192 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3656/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรโชกด้วยการข่มขู่ว่าจะฆ่าและเรียกเงินเพื่อแลกกับความปลอดภัยของผู้เสียหาย แม้ผู้เสียหายวางแผนจับกุมก็เป็นความผิดสำเร็จ
จำเลยบอกผู้เสียหายว่ามีคนจ้างจำเลยฆ่าผู้เสียหาย แต่ไม่บอกชื่อคนจ้าง พร้อมกันนั้นจำเลยขอเงินผู้เสียหาย ถ้าหากไม่ให้ก็จะไม่รับรองความปลอดภัย ผู้เสียหายตกลงยอมให้และนัดมาเอาเงินในวันรุ่งขึ้น คำพูดของจำเลยดังกล่าวเป็นการข่มขู่ผู้เสียหายให้ยอมให้หรือยอมจะให้เงินแก่จำเลย อันเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายครบองค์ประกอบความผิดฐานกรรโชกแล้ว แม้จะใช้คำว่า 'ขอ' และ 'เพื่อบอกชื่อผู้ที่จ้างฆ่า' ก็เป็นเพียงเหตุผลประกอบการข่มขู่เท่านั้น หาทำให้การข่มขู่นั้นกลายเป็นการเรียกร้องเงินเพื่อตอบแทนการบอกชื่อผู้ว่าจ้างฆ่าผู้เสียหายไม่
มาตรา 192 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติว่า ข้อแตกต่างเกี่ยวกับเวลาเป็นข้อแตกต่างในรายละเอียด จำเลยยอมรับว่าตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยได้ไปขอเงินผู้เสียหายและผู้เสียหายยอมตกลงจะให้เงินจำเลยจริงเพียงแต่จำเลยอ้างว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด จำเลยจึงมิได้หลงต่อสู้ในเรื่องเวลา ดังนั้น แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดเวลากลางวัน แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเหตุเกิดเวลากลางคืน ศาลก็ลงโทษจำเลยได้
จำเลยข่มขืนใจโดยการข่มขู่จนผู้เสียหายยอมจะให้เงินแก่จำเลยและนัดมารับเงินในวันรุ่งขึ้น ถือได้ว่าการกรรโชกได้สำเร็จแล้วแม้ผู้เสียหายจะยินยอมเพื่อต้องการรู้ตัวผู้จ้างจำเลยและได้นำเจ้าหน้าที่มาคอยจับจำเลยเมื่อมารับเงินในวันรุ่งขึ้น ก็หาทำให้เป็นความผิดฐานพยายามไม่
โจทก์มิได้ฎีกาขอเพิ่มโทษจำเลย ศาลฎีกาจะลงโทษจำเลยหนักกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามิได้ เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย แต่ศาลฎีกาวางบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้
มาตรา 192 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติว่า ข้อแตกต่างเกี่ยวกับเวลาเป็นข้อแตกต่างในรายละเอียด จำเลยยอมรับว่าตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยได้ไปขอเงินผู้เสียหายและผู้เสียหายยอมตกลงจะให้เงินจำเลยจริงเพียงแต่จำเลยอ้างว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด จำเลยจึงมิได้หลงต่อสู้ในเรื่องเวลา ดังนั้น แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดเวลากลางวัน แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเหตุเกิดเวลากลางคืน ศาลก็ลงโทษจำเลยได้
จำเลยข่มขืนใจโดยการข่มขู่จนผู้เสียหายยอมจะให้เงินแก่จำเลยและนัดมารับเงินในวันรุ่งขึ้น ถือได้ว่าการกรรโชกได้สำเร็จแล้วแม้ผู้เสียหายจะยินยอมเพื่อต้องการรู้ตัวผู้จ้างจำเลยและได้นำเจ้าหน้าที่มาคอยจับจำเลยเมื่อมารับเงินในวันรุ่งขึ้น ก็หาทำให้เป็นความผิดฐานพยายามไม่
โจทก์มิได้ฎีกาขอเพิ่มโทษจำเลย ศาลฎีกาจะลงโทษจำเลยหนักกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามิได้ เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย แต่ศาลฎีกาวางบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3656/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขู่เรียกเงินโดยอ้างภัยอันตรายถึงชีวิต ถือเป็นความผิดฐานกรรโชกสำเร็จรูป แม้ผู้เสียหายจะวางแผนจับกุม
จำเลยบอกผู้เสียหายว่ามีคนจ้างจำเลยฆ่าผู้เสียหาย แต่ไม่บอกชื่อคนจ้าง พร้อมกันนั้นจำเลยขอเงินผู้เสียหาย ถ้าหากไม่ให้ก็จะไม่รับรองความปลอดภัย ผู้เสียหายตกลงยอมให้และนัดมาเอาเงินในวันรุ่งขึ้น คำพูดของจำเลยดังกล่าวเป็นการข่มขู่ผู้เสียหายให้ยอมให้หรือยอมจะให้เงินแก่จำเลย อันเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายครบองค์ประกอบความผิดฐานกรรโชกแล้วแม้จะใช้คำว่า 'ขอ' และ 'เพื่อบอกชื่อผู้ที่จ้างฆ่า' ก็เป็นเพียงเหตุผลประกอบการข่มขู่เท่านั้น หาทำให้การข่มขู่นั้นกลายเป็นการเรียกร้องเงินเพื่อตอบแทนการบอกชื่อผู้ว่าจ้างฆ่าผู้เสียหายไม่ มาตรา 192 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติว่า ข้อแตกต่างเกี่ยวกับเวลาเป็นข้อแตกต่างในรายละเอียด จำเลยยอมรับว่าตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยได้ไปขอเงินผู้เสียหายและผู้เสียหายยอมตกลงจะให้เงินจำเลยจริงเพียงแต่จำเลยอ้างว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด จำเลยจึงมิได้หลงต่อสู้ในเรื่องเวลาดังนั้น แม้โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดเวลากลางวัน แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเหตุเกิดเวลากลางคืน ศาลก็ลงโทษจำเลยได้ จำเลยข่มขืนใจโดยการข่มขู่จนผู้เสียหายยอมจะให้เงินแก่จำเลยและนัดมารับเงินในวันรุ่งขึ้น ถือได้ว่าการกรรโชกได้สำเร็จแล้วแม้ผู้เสียหายจะยินยอมเพื่อต้องการรู้ตัวผู้จ้างจำเลยและได้นำเจ้าหน้าที่มาคอยจับจำเลยเมื่อมารับเงินในวันรุ่งขึ้น ก็หาทำให้เป็นความผิดฐานพยายามไม่ โจทก์มิได้ฎีกาขอเพิ่มโทษจำเลย ศาลฎีกาจะลงโทษจำเลยหนักกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามิได้ เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย แต่ศาลฎีกาวางบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3228/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิด ม.149 ประมวลกฎหมายอาญา: การเรียกเงินจากผู้ถูกจับเพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี แม้ยังไม่ได้รับเงินก็ถือเป็นความผิด
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 นั้น เพียงจำเลยเรียกเงินจากผู้ถูกจับเพื่อตนโดยมิชอบเพื่อไม่จับกุมก็เป็นความผิดแล้วแม้จะยังไม่ได้รับเงินก็ตาม ที่พยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันในข้อที่ผู้ถูกจับมอบเงินให้จำเลยหรือยังจึงไม่ใช่ข้อสำคัญของคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2722/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเช็ค – ตัวแทน vs. ตัวการ, อายุความ, และการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดข้อกล่าวหา
โจทก์มิได้โอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นให้แก่สามีโจทก์ หากเป็นเพียงฝากเช็คพิพาทให้สามีโจทก์ นำเข้าบัญชีธนาคารเพื่อ เรียกเก็บเงินถือว่าสามีโจทก์เป็นตัวแทนของโจทก์ เมื่อธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ซึ่งเป็นตัวการจึงยังเป็นผู้เสียหายและ มีอำนาจฟ้อง
ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริง ที่กล่าวในฟ้องในรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่กระทำความผิดและ จำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริง ที่กล่าวในฟ้องในรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่กระทำความผิดและ จำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2722/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเช็ค – ตัวแทน/ตัวการ – อายุความ – การแก้ไขฟ้อง
โจทก์มิได้โอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นให้ แก่สามีโจทก์ หากเป็นเพียงฝากเช็คพิพาทให้สามีโจทก์ นำเข้าบัญชีธนาคารเพื่อ เรียกเก็บเงินถือว่าสามีโจทก์เป็นตัวแทนของโจทก์ เมื่อธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ซึ่งเป็นตัวการจึงยังเป็นผู้เสียหายและ มีอำนาจฟ้อง ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริง ที่กล่าวในฟ้องในรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่กระทำความผิดและ จำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญาเมื่อโจทก์ไม่ได้ขอ ศาลพิพากษาเกินคำขอหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญาแล้วยังขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อีกด้วย ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดทั้งประมวลกฎหมายอาญาและพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ตามคำขอของโจทก์แล้ว เมื่อโจทก์ไม่ได้ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ด้วย ศาลจะยกมาตราดังกล่าวมาปรับบทลงโทษไม่ได้เพราะมิใช่กรณีอ้างบทมาตราผิดแต่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ขอ ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 371 จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2576/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษเกินคำขอ: โจทก์ไม่ได้ขอโทษตามมาตราใด ศาลไม่สามารถปรับบทลงโทษตามมาตรานั้นได้ แม้จะมีความผิดจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญาแล้วยังขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อีกด้วยข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดทั้งประมวลกฎหมายอาญาและพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ศาลลงโทษจำเลยที่ 1 ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ตามคำขอของโจทก์แล้วเมื่อโจทก์ไม่ได้ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ด้วยศาลจะยกมาตราดังกล่าวมาปรับบทลงโทษไม่ได้เพราะมิใช่กรณีอ้างบทมาตราผิดแต่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ขอ ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 371 จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2546/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์เปลี่ยนข้อหา – ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาเฉพาะข้อหาเดิมที่จำเลยอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ย่อมถือได้ว่าศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ในข้อหารับของโจร เมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ กรณีต้องถือว่าข้อหาฐานรับของโจรได้ยุติไปแล้ว และเมื่อจำเลยอุทธรณ์ว่าไม่ได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ปัญหาวินิจฉัยในชั้นอุทธรณ์คงมีเพียงว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา อย่างไรก็ตามย่อมถือได้ว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในข้อหาลักทรัพย์ด้วย โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้ แต่ที่จำเลยฎีกาขอให้แก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยยกฟ้องโจทก์นั้น ย่อมมีความหมายว่าขอให้ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหารับของโจร ซึ่งข้อหานี้ยุติไปแล้วศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย