พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,100 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ในการพิจารณาข้อเท็จจริงใหม่ แม้ศาลชั้นต้นจำกัดขอบเขตการอุทธรณ์
แม้ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ตามมาตรา 277 และสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยเฉพาะข้อที่ขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยเพียงสถานเบาเพียงข้อเดียว ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิจารณาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายเพื่อวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย เมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายปรากฏอยู่ในสำนวนแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยในทางที่เป็นประโยชน์แก่จำเลยโดยพิพากษาแก้ ลงโทษฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 279 วรรคแรกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิพากษาลงโทษฐานพยายามกระทำความผิด แม้ไม่ได้มีคำขอโดยตรง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงฐานพยายาม ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามได้ ไม่เกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานพยายามข่มขืนฯ แม้ไม่ได้ขอในคำฟ้อง ศาลมีอำนาจลงโทษได้หากเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำผิด
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในฐานข่มขืนกระทำชำเรา การกระทำของจำเลยผิดเพียงฐานพยายาม ที่ศาลลงโทษจำเลยฐานพยายาม ก็เป็นวิธีการเพื่อแบ่งส่วนลงโทษตามความผิดนั้น ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ ไม่เกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 934/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารโดยมิได้สอบปากคำและลงลายมือชื่อผู้อื่น ทำให้เสียหายแก่ราชการ
จำเลยเขียนบันทึกคำให้การนายจุ้นฮองผู้ขอหนังสือเดินทางโดยมิได้สอบปากคำทั้งลงลายมือชื่อนายจุ้นฮองเอาเอง เพื่อให้ทางราชการหลงเชื่อว่าเป็นคำให้การนายจุ้นฮองทำให้เสียหายแก่ราชการกรมตำรวจ และกระทรวงการต่างประเทศ เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยปลอมเอกสารราชการ ขอให้ลงโทษตาม มาตรา 265 เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าเอกสารที่จำเลยทำปลอมไม่ใช่เอกสารราชการ ศาลก็ลงโทษตาม มาตรา 264 ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าได้และไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 934/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมเอกสารโดยมิได้สอบปากคำ และการลงโทษตามมาตราที่ถูกต้อง
จำเลยเขียนบันทึกคำให้การนายจุ้นฮองผู้ขอหนังสือเดินทางโดยมิได้สอบปากคำ ทั้งลงลายมือชื่อนายจุ้นฮองเอาเอง เพื่อให้ทางราชการหลงเชื่อว่าเป็นคำให้การนายจุ้นฮอง ทำให้เสียหายแก่ราชการกรมตำรวจ และกระทรวงการต่างประเทศ เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 แม้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยปลอมเอกสารราชการ ขอให้ลงโทษตามมาตรา 265 เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าเอกสารที่จำเลยทำปลอมไม่ใช่เอกสารราชการ ศาลจึงลงโทษตามมาตรา 264 ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าได้ และไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 843/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานเลี่ยงภาษี การยื่นแบบไม่ครบถ้วนแตกต่างจากไม่ยื่นเลย ศาลยกฟ้องตามหลักประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้า (ภ.ด.(พ) 4) ทำให้ภาษีการค้าขาดไป ไม่ใช่กรณียื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้าแล้วยื่นไม่ครบแต่ประการใด แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ศาลลงโทษจำเลยในกรณีความผิดที่ไม่ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรอันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ทวิ หาใช่กรณีที่หลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรโดยการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้าอันเป็นเท็จโดยวิธียื่นขาดไปไม่ครบถ้วน ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 37 ไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ยื่นเสียภาษีการค้าตลอดมาทุกเดือน เพียงแต่บางเดือนจำเลยยื่นไม่ครบ บางเดือนก็ยื่นเกินกว่ารายรับ จึงเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญที่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยมิได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 843/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องคดีภาษีอากรที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้ศาลยกฟ้องตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้า (ภ.ค. (พ)4) ทำให้ภาษีการค้าขาดไป ไม่ใช่กรณียื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้าแล้วยื่นไม่ครบแต่ประการใด แสดงว่าโจทก์ประสงค์ให้ศาลลงโทษจำเลยในกรณีความผิดที่ไม่ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรอันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 ทวิ หาใช่กรณีที่หลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรโดยการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีการค้าอันเป็นเท็จโดยวิธียื่นขาดไปไม่ครบถ้วนซึ่งเป็นความผิดตาม มาตรา 37 ไม่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ยื่นเสียภาษีการค้าตลอดมาทุกเดือน เพียงแต่บางเดือนจำเลยยื่นไม่ครบบางเดือนก็ยื่นเกินกว่ารายรับ จึงเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญที่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องลงโทษจำเลยมิได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยฝ่าฝืนเงื่อนไขอนุญาต และความผิดเกี่ยวกับการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้แรงงานคน แล้วฝ่าฝืนข้อกำหนดในใบอนุญาตกลับใช้เครื่องเลื่อยวงเดือนและเครื่องไสกลไฟฟ้าซึ่งเป็นเครื่องจักรกล แปรรูปไม้เช่นนี้ ย่อมเป็นความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้ตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ ฯ เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานนี้ จึงลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้ไม่ได้
เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการโรงงานแปรรูปไม้ของจำเลยที่ 1 มีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 48 ประกอบด้วยมาตรา 73 ส่วนจำเลยที่ 1 ผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้และมีไม้ดังกล่าวไว้ในโรงงาน ย่อมเป็นความผิดตามมาตรา 51 ประกอบด้วยมาตรา 72 ทวิ หามีความผิดตามมาตรา 48 อีกไม่ (อ้างฎีกาที่ 1483/2503) แม้โจทก์จะอ้างบทมาตราผิด ศาลฎีกาก็มีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 1 ตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้
จำเลยที่ 4 และที่ 6 รับจ้างแปรรูปไม้โดยไม่มีใบคู่มือแสดงฐานเป็นคนงานหรือผู้รับจ้างซึ่งเป็นใบอนุญาตที่ออกให้โดยเจ้าพนักงานป่าไม้ ย่อมรู้ดีว่าการทำการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดในการดำเนินกิจการเกี่ยวกับการแปรรูปไม้ตามที่ตนได้รับอนุญาตตามมาตรา 49 ทวิ การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการ จึงฟังได้ว่าเป็นผู้ว่าจ้าง มีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 4 ที่ 6 แปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย
เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการโรงงานแปรรูปไม้ของจำเลยที่ 1 มีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 48 ประกอบด้วยมาตรา 73 ส่วนจำเลยที่ 1 ผู้ได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้และมีไม้ดังกล่าวไว้ในโรงงาน ย่อมเป็นความผิดตามมาตรา 51 ประกอบด้วยมาตรา 72 ทวิ หามีความผิดตามมาตรา 48 อีกไม่ (อ้างฎีกาที่ 1483/2503) แม้โจทก์จะอ้างบทมาตราผิด ศาลฎีกาก็มีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 1 ตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้
จำเลยที่ 4 และที่ 6 รับจ้างแปรรูปไม้โดยไม่มีใบคู่มือแสดงฐานเป็นคนงานหรือผู้รับจ้างซึ่งเป็นใบอนุญาตที่ออกให้โดยเจ้าพนักงานป่าไม้ ย่อมรู้ดีว่าการทำการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดในการดำเนินกิจการเกี่ยวกับการแปรรูปไม้ตามที่ตนได้รับอนุญาตตามมาตรา 49 ทวิ การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการ จึงฟังได้ว่าเป็นผู้ว่าจ้าง มีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 4 ที่ 6 แปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำฟ้องอาญา: โจทก์ต้องขอลงโทษตามฐานความผิดที่บรรยายในฟ้อง ศาลลงโทษเกินคำขอเป็นเหตุให้คำพิพากษาไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ โดยมิได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกมีอาวุธใช้ในการปล้นทรัพย์ด้วยดังนี้จะลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธไม่ได้เพราะเกินคำขอที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยเกินคำขอในฟ้องฐานปล้นทรัพย์ ศาลฎีกาพิพากษากลับ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ โดยมิได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกมีอาวุธใช้ในการปล้นทรัพย์ด้วย ดังนี้ จะให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธไม่ได้ เพราะเกินคำขอที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192