พบผลลัพธ์ทั้งหมด 131 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7273/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำโทษที่รอการลงโทษในคดีก่อนมาพิจารณาลงโทษในคดีหลังได้ แม้ศาลจะไม่ได้ถูกแจ้งในคดีก่อน
ป.อ.มาตรา 58 วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2532 ซึ่งใช้บังคับก่อนการกระทำผิดคดีนี้และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1500/2537 ของศาลชั้นต้นบทบัญญัติดังกล่าวนี้แก้ไขและใช้บังคับพร้อมกับ ป.อ.มาตรา 56 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้กระทำผิดในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย แต่ให้รอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษไว้ เมื่อมาตรา58 วรรคหนึ่ง กับมาตรา 56 วรรคสอง มีการแก้ไขพร้อมกันแสดงว่ามีเจตนาจะให้สอดคล้องกัน ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้จำเลยกระทำความผิดอีก แม้ว่า ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคหนึ่ง จะได้บัญญัติว่า ห้ามมิให้พิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้องก็ตาม เมื่อ ป.วิ.อ.เป็นกฎหมายวิธีสบัญญัติ ย่อมจะต้องไม่ขัดต่อป.อ.ซึ่งเป็นกฎหมายสารบัญญัติ เช่นเมื่อ ป.อ.บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องโทษไว้อย่างไรการพิพากษาคดีย่อมจะต้องอาศัย ป.อ.ในการกำหนดโทษมิให้ผิดไปจากที่ ป.อ.บัญญัติไว้ เช่นนี้ย่อมตีความ ป.อ.มาตรา 58 วรรคหนึ่งได้ว่า แม้ความปรากฏแก่ศาลเองก็ให้ศาลที่พิจารณาพิพากษาคดีหลังปฏิบัติตาม แต่สำหรับกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติการกระทำผิดของจำเลยก่อนที่ศาลพิพากษา เมื่อพนักงานคุมประพฤติรายงานว่าจำเลยเคยมีประวัติถูกศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยในความผิดต่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษลงโทษจำคุกและปรับ โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี และกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติจำเลย โดยให้จำเลยมารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก3 เดือนต่อครั้งภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี และให้จำเลยเว้นจากการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษ หรือมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ แต่หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว จำเลยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งได้ยอมรับต่อพนักงานคุมประพฤติว่ายังคงเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษอยู่ ซึ่งรายงานดังกล่าวถือว่าเป็นรายงานที่เป็นผลร้ายต่อจำเลย ศาลชั้นต้นปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2522 มาตรา 13 กล่าวคือแจ้งรายงานนั้นให้จำเลยทราบ จำเลยแถลงไม่คัดค้าน เป็นการยอมรับข้อเท็จจริงตามรายงาน รายงานดังกล่าวมีลักษณะเช่นเดียวกับคำแถลงของเจ้าพนักงานตาม ป.อ.มาตรา 58 ที่แก้ไขแล้ว ศาลจึงนำโทษที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกโทษในคดีหลังได้ในกรณีที่ศาลคดีหลังพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6810/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษคดีที่เคยรอการลงโทษไว้กับคดีใหม่ แม้โจทก์มิได้ขอ โดยอาศัยความปรากฏต่อศาล
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา58วรรคหนึ่งซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่10)พ.ศ.2532มาตรา4เมื่อจำเลยแถลงรับตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยเคยต้องโทษตามคดีอาญาอีกคดีหนึ่งของศาลชั้นต้นจริงและคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจำคุก6เดือนโดยให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด2ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา56และในระหว่างที่ยังไม่ครบ2ปีจำเลยได้มากระทำความผิดคดีนี้เช่นนี้แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและขอให้บวกโทษในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษคดีนี้แต่เป็นกรณีที่ความปรากฎแก่ศาลเองจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติทั้งจำเลยก็ยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วข้างต้นศาลจึงต้องนำโทษที่รอไว้ในคดีอาญาเรื่องนั้นของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6810/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษคดีอาญาเดิมที่รอการลงโทษเข้ากับคดีใหม่ แม้โจทก์มิได้ขอ
ป.อ.มาตรา 58 วรรคหนึ่ง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 10) พ.ศ.2532 มาตรา 4 เมื่อจำเลยแถลงรับตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยเคยต้องโทษตามคดีอาญาอีกคดีหนึ่งของศาลชั้นต้นจริง และคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจำคุก 6 เดือน โดยให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตาม ป.อ.มาตรา56 และในระหว่างที่ยังไม่ครบ 2 ปี จำเลยได้มากระทำความผิดคดีนี้ เช่นนี้แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและขอให้บวกโทษในคดีดังกล่าวเข้ากับโทษคดีนี้แต่เป็นกรณีที่ความปรากฏแก่ศาลเองจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติ ทั้งจำเลยก็ยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วข้างต้น ศาลจึงต้องนำโทษที่รอไว้ในคดีอาญาเรื่องนั้นของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6806/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษคดีอาญา ต้องพิสูจน์ความเป็นบุคคลเดียวกันและมีการนำสืบพยานหลักฐาน
จำเลยให้การแต่เพียงว่าจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหาโดยจำเลยมิได้ให้การว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษทั้งโจทก์ก็มิได้นำสืบหรือแสดงหลักฐานในเรื่องดังกล่าวให้รับฟังเป็นความจริงได้จึงไม่อาจนำโทษในคดีก่อนที่รอการลงโทษไว้มาบวกกับโทษของจำเลยในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6806/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมโทษคดีอาญา: จำเลยปฏิเสธตัวบุคคล, โจทก์ไม่มีหลักฐานพิสูจน์
จำเลยให้การแต่เพียงว่าจำเลยให้การรับสารภาพตลอดข้อหาโดยจำเลยมิได้ให้การรับว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ ทั้งโจทก์ก็มิได้นำสืบหรือแสดงหลักฐานในเรื่องดังกล่าวให้รับฟังเป็นความจริงได้ จึงไม่อาจนำโทษในคดีก่อนที่รอการลงโทษไว้มาบวกกับโทษของจำเลยในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5553/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจำคุกเป็นกักขัง และการบวกโทษที่รอการลงโทษ ศาลฎีกาพิจารณาว่าเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและไม่อุทธรณ์ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย15วันและบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้อีก15วันรวมจำคุก30วันศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษกักขัง30วันแทนเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218วรรคหนึ่งการที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษเป็นฎีกาดุลพินิจในการวางโทษจำเลยของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา58คำว่า"และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิด"นั้นหมายความว่าจำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจริงๆคดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังแทนตามมาตรา23ดังนั้นศาลอุทธรณ์จะนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ไม่ได้ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้..LONG
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5553/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง และผลต่อการรวมโทษที่รอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 15 วัน และบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้อีก 15 วัน รวมจำคุก 30 วัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษกักขัง 30 วันแทน เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งการที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษเป็นฎีกาดุลพินิจในการวางโทษจำเลยของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 คำว่า "และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิด" นั้น หมายความว่าจำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจริง ๆ คดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังแทนตามมาตรา 23 ดังนั้น ศาลอุทธรณ์จะนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ไม่ได้ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 คำว่า "และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิด" นั้น หมายความว่าจำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจริง ๆ คดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังแทนตามมาตรา 23 ดังนั้น ศาลอุทธรณ์จะนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ไม่ได้ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2254/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษคดีอาญา: โจทก์ไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยได้
คดีนี้ซึ่งเป็นคดีหลัง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกและบวกโทษจำเลยที่ 4 ตามคำขอท้ายฟ้อง แต่บวกโทษผิดพลาด โดยนำโทษจำคุก3 เดือน ของจำเลยอื่นในคดีก่อนมาบวกโทษแทน แต่เมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ ก็ต้องถือว่าโจทก์พอใจในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาไม่อาจนำโทษจำคุก 1 ปี 5 เดือน ของจำเลยที่ 4ในคดีก่อนที่ถูกต้องมาบวกได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2254/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษจำคุก: ศาลฎีกาไม่สามารถแก้ไขโทษผิดพลาดได้หากโจทก์ไม่โต้แย้ง
คดีนี้ซึ่งเป็นคดีหลัง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกและบวกโทษจำเลยที่ 4 ตามคำขอท้ายฟ้อง แต่บวกโทษผิดพลาด โดยนำโทษจำคุก 3 เดือนของจำเลยอื่นในคดีก่อนมาบวกโทษแทน แต่เมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ ก็ต้องถือว่าโจทก์พอใจในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาไม่อาจนำโทษจำคุก 1 ปี 5 เดือน ของจำเลยที่ 4 ในคดีก่อนที่ถูกต้องมาบวกได้ เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3040/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบวกโทษคดีเดิมที่ศาลรอการลงโทษไว้ เมื่อจำเลยรับสารภาพคดีเดิม โจทก์ไม่ต้องนำสืบพยานเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเคยต้องโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่854/2530 ของศาลชั้นต้นให้จำคุก 6 เดือน ในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จำเลยมา กระทำผิดในคดีนี้อีกภายใน 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษ และจำเลยเคยต้องโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 280/2531 ของศาลชั้นต้นให้จำคุก 6 เดือน แต่รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี จำเลยกลับมากระทำผิดคดีนี้อีกภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้ ขอให้เพิ่มโทษและบวกโทษจำคุกจำเลยเข้ากับโทษจำเลยคดีนี้ด้วย จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 854/2530และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 280/2531 ของศาลชั้นต้น และเคยต้องโทษและพ้นโทษในคดีดังกล่าวตามฟ้องจริง ถือได้ว่าจำเลยยอมรับ ข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเคยต้องโทษแต่ศาลให้รอการลงโทษไว้ศาลจึงบวกโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้เข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ได้ โดยโจทก์ไม่จำต้องนำพยานหลักฐานเข้าสืบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวอีก