พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3502/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาต้องเกี่ยวข้องกับประเด็นที่ฎีกาขึ้นมาเท่านั้น หากไม่เกี่ยวข้อง ศาลฎีกาสั่งไม่รับพยานได้
เมื่อฎีกาของจำเลยไม่มีประเด็นว่าโจทก์มีสิทธิการเช่าในตึกพิพาทหรือไม่ จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะขออ้างพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาเพื่อประสงค์จะให้ปรากฏข้อเท็จจริง ต่อศาลฎีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิการเช่าในตึกพิพาทแล้ว และกรณีไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องสืบพยานต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 240(2)ประกอบด้วยมาตรา 247 และมาตรา 88 วรรคสาม จำเลยจึงอ้างพยานเพิ่มเติมอีกไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3007/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอระบุพยานเพิ่มเติมและการงดสืบพยานจำเลยเนื่องจากประวิงคดี
การขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังจากที่คู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนสืบไปหมดแล้วต้องมีเหตุผลแสดงว่าไม่สามารถทราบได้ว่า ตนจะต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของตนหรือไม่ ทราบว่าพยานหลักฐานบางอย่างได้มีอยู่ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม เมื่อคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยมิได้แสดงเหตุตามกฎหมายดังกล่าว ศาลไม่อนุญาตให้ระบุพยานเพิ่มเติมชอบแล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 102 เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่นในเมื่อศาลที่พิจารณาเห็นสมควรตามความจำเป็น
เมื่อถึงวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่า ตัวจำเลยยังไม่กลับจากต่างประเทศ ขอเลื่อนคดีโดยรับรองว่านัดหน้าจะไม่ขอเลื่อนคดีอีกไม่ว่ากรณีใด ๆ ศาลอนุญาตโดยกำชับว่า นัดหน้าไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใดก็ตาม ศาลจะไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีต่อไป แต่เมื่อถึงวันนัดทนายจำเลยได้แถลงต่อศาลว่า ตัวจำเลยยังศึกษาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ขอให้ส่งประเด็นไปสืบที่ประเทศสหรัฐอเมริกาพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นการประวิงคดีให้ชักช้า ศาลย่อมมีอำนาจสั่งงดสืบตัวจำเลยเสียได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสอง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 102 เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการส่งประเด็นไปสืบพยานที่ศาลอื่นในเมื่อศาลที่พิจารณาเห็นสมควรตามความจำเป็น
เมื่อถึงวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรก ทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่า ตัวจำเลยยังไม่กลับจากต่างประเทศ ขอเลื่อนคดีโดยรับรองว่านัดหน้าจะไม่ขอเลื่อนคดีอีกไม่ว่ากรณีใด ๆ ศาลอนุญาตโดยกำชับว่า นัดหน้าไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใดก็ตาม ศาลจะไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีต่อไป แต่เมื่อถึงวันนัดทนายจำเลยได้แถลงต่อศาลว่า ตัวจำเลยยังศึกษาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ขอให้ส่งประเด็นไปสืบที่ประเทศสหรัฐอเมริกาพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวเป็นการประวิงคดีให้ชักช้า ศาลย่อมมีอำนาจสั่งงดสืบตัวจำเลยเสียได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพยานเพิ่มเติมหลังวันกำหนด การพิจารณาเหตุผลความจำเป็น และสิทธิในการอุทธรณ์คำสั่งศาล
โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อน ยื่นคำร้องขอระบุพยานในวันนัดสืบพยานโจทก์อ้างว่าตัวโจทก์ขอสำนวนไปดูแล้วเพิ่งจะส่งคืนในวันนั้น ก่อนหน้านี้ทนายโจทก์ไม่ทราบว่ามีบุคคลใดและพยานเอกสารใดพอจะอ้างเป็นพยานได้ จำเลยคัดค้านว่าไม่สมควรอนุญาตแต่มิได้คัดค้านเหตุที่โจทก์อ้าง จึงฟังได้ตามคำร้อง เมื่อไม่ปรากฏว่าตัวโจทก์ทราบว่าทนายโจทก์ต้องใช้สำนวนในการยื่นบัญชีระบุพยานจะถือว่าโจทก์จงใจไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันมิได้ คดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน การรับระบุพยานของโจทก์ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ จึงมีเหตุผลสมควรรับบัญชีระบุพยานของโจทก์เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรค 3
ศาลชั้นต้นสั่งว่า 'ไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานและถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะสืบพยาน ให้นัดสืบพยานจำเลยต่อไป' คำสั่งตอนที่ว่า 'ถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะสืบพยานต่อไป' เป็นผลของข้อความตอนต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยาน เป็นคำสั่งฉบับเดียวกัน เมื่อโจทก์โต้แย้งคำสั่งที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยาน จึงเป็นการโต้แย้งคำสั่งทั้งฉบับ โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ได้
ศาลชั้นต้นสั่งว่า 'ไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานและถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะสืบพยาน ให้นัดสืบพยานจำเลยต่อไป' คำสั่งตอนที่ว่า 'ถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะสืบพยานต่อไป' เป็นผลของข้อความตอนต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยาน เป็นคำสั่งฉบับเดียวกัน เมื่อโจทก์โต้แย้งคำสั่งที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยาน จึงเป็นการโต้แย้งคำสั่งทั้งฉบับ โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์อนุญาตอ้างพยานเพิ่มเติมในชั้นอุทธรณ์ และเหตุสมควรในการไม่อนุญาต
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 240(2) ประกอบด้วยมาตรา 88 วรรคสาม ศาลอุทธรณ์มีอำนาจอนุญาตให้คู่ความอ้างพยานเพิ่มเติมในชั้นอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดและเหตุผลที่ไม่สมควร ศาลไม่รับบัญชีพยาน
จำเลยและจำเลยร่วมไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยาน 3 วัน และไม่อ้างเหตุขัดข้องประการใด เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายสืบพยานก่อนสืบพยานเสร็จแล้วถึง 24 วัน จำเลยร่วมจึงยื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเช่นนี้ โจทก์ย่อมไม่ทราบถึงพยานหลักฐานของจำเลยร่วมว่ามีอย่างไรก่อนที่จะสืบพยานของตน เป็นการเสียเปรียบในทางคดี และคำร้องของจำเลยร่วมก็มิได้อ้างเหตุสมควรว่าตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานมาสืบหรือไม่ทราบว่าพยานหลักฐานมีอยู่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยร่วมระบุพยานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 841/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดนายจ้างต่อลูกจ้าง และการกำหนดค่าเสียหายจากละเมิดต่อร่างกาย ศาลไม่เห็นควรอนุญาตให้สืบพยานเพิ่มเติม
รถคันเกิดเหตุเป็นรถของผู้มีชื่อเอามาวิ่งร่วมวิ่งรับคนโดยสารในเส้นทางสัมปทานของจำเลยที่ 2 โดยแบ่งส่วนได้ให้จำเลยที่ 2 แต่เจ้าของรถต้องโอนรถให้มีชื่อบริษัทจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของในทะเบียนรถ คนขับ คนเก็บเงินต้องแต่งเครื่องแบบของบริษัท และรถก็ต้องทาสีของบริษัทด้วย ถือว่าจำเลยที่ 2 ได้มีและใช้รถคันเกิดเหตุในกิจการของจำเลยที่ 2 แล้ว ต้องถือว่าจำเลยที่ 2เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ผู้ทำละเมิด (อ้างฎีกาที่1576/2506)
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า เงินค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์เรียกร้องโจทก์ได้เรียกร้องในฐานะที่จำเลยละเมิดต่อร่างกายโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446 แม้โจทก์จะไม่ได้ บรรยายรายละเอียดอันจะถือเป็นเกณฑ์คำนวณค่าเสียหายก็ดี หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ ศาลมีอำนาจที่จะกะค่าสินไหมทดแทนให้ตามสมควรแก่รูปคดีได้
จำเลยขอระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อสืบพยานโจทก์ฝ่ายที่ต้องนำสืบเสร็จแล้ว โดยอ้างว่าเป็นพยานสำคัญที่จำเลยจำเป็นจะต้องนำมาสืบเพื่อประโยชน์ในคดีของจำเลย หากศาลเห็นว่าแม้จะอนุญาตให้จำเลยสืบพยานตามที่ระบุไว้นั้น ก็ไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสืบพยานเช่นว่านั้น จะไม่อนุญาตให้จำเลยอ้างพยานเพิ่มเติมก็ได้
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า เงินค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์เรียกร้องโจทก์ได้เรียกร้องในฐานะที่จำเลยละเมิดต่อร่างกายโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 446 แม้โจทก์จะไม่ได้ บรรยายรายละเอียดอันจะถือเป็นเกณฑ์คำนวณค่าเสียหายก็ดี หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ ศาลมีอำนาจที่จะกะค่าสินไหมทดแทนให้ตามสมควรแก่รูปคดีได้
จำเลยขอระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อสืบพยานโจทก์ฝ่ายที่ต้องนำสืบเสร็จแล้ว โดยอ้างว่าเป็นพยานสำคัญที่จำเลยจำเป็นจะต้องนำมาสืบเพื่อประโยชน์ในคดีของจำเลย หากศาลเห็นว่าแม้จะอนุญาตให้จำเลยสืบพยานตามที่ระบุไว้นั้น ก็ไม่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสืบพยานเช่นว่านั้น จะไม่อนุญาตให้จำเลยอ้างพยานเพิ่มเติมก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 102/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตระบุพยานเพิ่มเติมโดยไม่พิจารณาเหตุผลตามกฎหมาย ทำให้คู่ความเสียเปรียบเป็นคำสั่งไม่ชอบ
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลขอระบุพยานเพิ่มเติม โดยอ้างว่าเข้าใจผิดว่าได้ระบุพยานนั้นไว้แล้ว ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตโดยมิได้วินิจฉัยถึงเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรค 3เป็นการทำให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบ คำสั่งของศาลชั้นต้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416-1418/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานโดยการตรวจสถานที่ การขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติม และการใช้ดุลยพินิจของศาลในการพิจารณาคดี
โดยที่โจทก์จำเลยร้องขอต่อศาลให้ไปเดินเผชิญสืบตรวจดูว่าพนังทุ่งปุยรายพิพาทจะเป็นประโยชน์ในการเพาะปลูกของจำเลยหรือไม่ฉะนั้น การที่ศาลไปตรวจดูจึงเป็นการไปสืบพยานตามที่ทั้งสองฝ่ายอ้าง และการที่คู่ความทั้งสองฝ่ายขอ ศาลก็ได้ไปตรวจดูตามที่ขอนั้น ก็ถือได้ว่าเป็นการสืบตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226,241) แล้วและแม้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยื่นแสดงรายการแห่งวัตถุพยานไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ก็ชอบที่จะขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามมาตรานี้วรรคสามฉะนั้นการที่ศาลชั้นต้นได้ไปตรวจดูที่พิพาทตามคำขอของคู่ความทั้งสองฝ่าย จึงถือได้ว่าเป็นการอนุญาตตามที่ศาลเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม