คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 231

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 398 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7304/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนการบังคับคดีเมื่อจำเลยวางหลักประกันตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ แม้จะอยู่ระหว่างการทุเลาการบังคับ
โจทก์ชนะคดีและได้ขอหมายบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ถูกยึดไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 260 (2) แต่ก็ต้องงดการบังคับคดีไว้เพราะจำเลยอุทธรณ์และได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ตามป.วิ.พ. มาตรา 231 วรรคสี่ และจำเลยได้วางหลักประกันเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์แล้ว การวางหลักประกันของจำเลยแม้จะเป็นการวางตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในการทุเลาการบังคับ ก็ถือได้ว่าจำเลยได้หาประกันมาให้จนเป็นที่พอใจของศาลสำหรับจำนวนเงินพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมแห่งคดี ตามมาตรา 295 (1) แล้ว กรณีมีเหตุให้ถอนการบังคับคดีตามมาตรา 295 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการทรัพย์สินในคดีล้มละลาย: พนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจเด็ดขาดในการจำหน่ายทรัพย์สินภายใต้กฎหมายล้มละลาย
คดีล้มละลายเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายแล้วก็เป็นอำนาจของพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวที่จะจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลยตามวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายจำเลยจะมาขอให้ทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา231อย่างคดีแพ่งธรรมดาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการทรัพย์สินล้มละลาย: พนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
คดีล้มละลาย เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายแล้ว ก็เป็นอำนาจของพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวที่จะจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลย ตามวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายจำเลยจะมาขอให้ทุเลาการบังคับตาม ป.วิ.พ.มาตรา 231 อย่างคดีแพ่งธรรมดาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6110/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องบังคับชำระหนี้ตามกฎหมายล้มละลาย แม้ทรัพย์สินยังอยู่กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
การที่โจทก์ซึ่งแม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของลูกหนี้ผู้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็ตามจะได้รับชำระหนี้นั้น จะต้องบังคับตาม พ.ร.บ.ล้มละลายพ.ศ.2483 โจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเงินประกันการขอทุเลาการบังคับที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์วางไว้ต่อศาลซึ่งยังเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่มาชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์ โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายล้มละลายดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6110/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการชำระหนี้หลังการล้มละลาย: เจ้าหนี้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายล้มละลายเพื่อรับชำระหนี้
การที่โจทก์ซึ่งแม้จะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของลูกหนี้ผู้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็ตามจะได้รับชำระหนี้นั้น จะต้องบังคับตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 โจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเงินประกันการขอทุเลาการบังคับที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์วางไว้ต่อศาลซึ่งยังเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้อยู่มาชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่โจทก์ โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายล้มละลายดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2419/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา ต้องออกคำบังคับแจ้งหนี้ก่อน จึงจะออกหมายบังคับคดีได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 272 วรรคหนึ่งและมาตรา 276 วรรคหนึ่ง หากจะมีการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลจะต้องมีการออกคำบังคับเพื่อให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก่อนหากจำเลยยอมปฏิบัติตามคำบังคับก็ไม่จำต้องออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดี แต่หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติ จึงจะมีการออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดีแก่จำเลยต่อไป คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ขอออกคำบังคับและส่งให้จำเลยทราบแล้วแต่จำเลยยื่นอุทธรณ์และได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วไม่ปรากฏว่าได้มีการออกคำบังคับเพื่อแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อยังไม่ได้ออกคำบังคับแจ้งให้จำเลยทราบเพื่อให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อน ย่อมจะออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดีแก่จำเลยอันเป็นการขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4964/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาด: ศาลจำหน่ายคดีเมื่อมีการไต่สวนใหม่และจำเลยไม่มาศาล
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลย โดยอ้างว่าราคาต่ำ ศาลชั้นต้นยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวนจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องขอทุเลาการบังคับ จำเลยฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของจำเลยและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ศาลชั้นต้นนัดไต่สวน แต่เมื่อถึงวันนัดจำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าถือว่าจำเลยไม่ติดใจไต่สวนคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ คดีถึงที่สุด คดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยปัญหาที่จำเลยฎีกาต่อไป ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3796/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างอุทธรณ์ที่แท้จริงคือการขอทุเลาการบังคับ ศาลมีอำนาจตัดสินเฉพาะ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งฝ่ายผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกับฝ่ายผู้คัดค้านเท่ากับมิให้ผู้คัดค้านเป็นผู้ชำระบัญชีโดยลำพัง ที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของผู้คัดค้านในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยขอให้ผู้คัดค้านมีอำนาจดำเนินคดีอื่นที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลต่อไป รวมทั้งมีอำนาจถอนเงินจากธนาคารมาเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ล้วนแต่เป็นการขอให้มีอำนาจเป็นผู้ชำระบัญชีตามลำพังต่อไปนั่นเองจึงเท่ากับเป็นการขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ หาใช่เป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาไม่ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้คัดค้านในระหว่างอุทธรณ์ เท่ากับมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั่นเอง และการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับของศาลใดย่อมเป็นอำนาจของศาลนั้นโดยเฉพาะ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาคำสั่งดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3796/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอทุเลาการบังคับคำสั่งศาลชั้นต้นในระหว่างอุทธรณ์และการห้ามฎีกาคำสั่งคุ้มครองประโยชน์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งฝ่ายผู้ร้องเป็นผู้ชำระบัญชีร่วมกับฝ่ายผู้คัดค้านเท่ากับมิให้ผู้คัดค้านเป็นผู้ชำระบัญชีโดยลำพังที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ของผู้คัดค้านในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยขอให้ผู้คัดค้านมีอำนาจดำเนินคดีอื่นที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลต่อไป รวมทั้งมีอำนาจถอนเงินจากธนาคารมาเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ล้วนแต่เป็นการขอให้มีอำนาจเป็นผู้ชำระบัญชีตามลำพังต่อไปนั่นเองจึงเท่ากับเป็นการขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ หาใช่เป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาไม่ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้คัดค้านในระหว่างอุทธรณ์ เท่ากับมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์นั่นเอง และการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับของศาลใดย่อมเป็นอำนาจของศาลนั้นโดยเฉพาะจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาคำสั่งดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2829/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งคุ้มครองประโยชน์ระหว่างอุทธรณ์ยกเลิกเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งถอนการยึดที่ดินที่โจทก์นำยึด ศาลชั้นต้นสั่งผู้ร้องวางเงินประกันความเสียหายตามคำร้องขอของผู้คัดค้านร่วม ผู้ร้องมิได้วางเงิน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งว่าเป็นเรื่องขอคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้อง ให้งดดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทระหว่างอุทธรณ์ ผู้คัดค้านร่วมฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาปรากฏว่าอุทธรณ์ของผู้ร้องที่โต้แย้งคำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นนั้น ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งพิพากษาแล้ว โดยพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นและมิได้กล่าวถึงคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้งดดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท คำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวที่ผู้คัดค้านร่วมฎีกาขึ้นมาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 วรรคสองประกอบมาตรา 260(1) จึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดค้านร่วม
of 40