พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2161/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดความรับผิดกรรมการ/ผู้บริหารบริษัท: การเสนอชื่อกรรมการ ไม่ผูกพันจำเลยต่อการบริหารงานที่ผิดพลาด
ตามบันทึกข้อตกลงเป็นเพียงบันทึกที่แสดงว่าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ส. (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ธ.) ประสบปัญหาไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปอย่างมั่นคงได้ จึงขอให้จำเลยเข้าช่วยเหลือ โดยมีข้อตกลงที่ต่างฝ่ายต่างจะต้องปฏิบัติตามที่ระบุในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ไม่มีข้อตกลงที่ระบุว่าจำเลยจะเข้าไปดำเนินกิจการของบริษัทด้วยตนเองหรือจะส่งตัวแทนเข้าไปบริหารกิจการของบริษัท การที่ให้จำเลยพิจารณากำหนดชื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดเข้าไปเพื่อที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการหรือกรรมการบริหารของบริษัทนั้น เป็นแต่เพียงต้องผ่านการพิจารณาจากจำเลยเสียก่อนว่าบุคคลนั้นๆ มีความเหมาะสมที่จะเข้าไปบริหารกิจการของบริษัทได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นกรณีที่บริษัทประสบปัญหาทางการเงินและต้องขอความช่วยเหลือจากจำเลย จึงต้องมีการพิจารณาบุคคลที่จะเข้าไปบริหารกิจการของบริษัทเพื่อให้ที่ประชุมใหญ่ของบริษัทแต่งตั้งอีกชั้นหนึ่ง บุคคลที่จำเลยเสนอชื่อเข้าไปไม่ได้กระทำการในฐานะตัวแทนบริหารงานบริษัทแทนจำเลย จำเลยไม่มีอำนาจในการควบคุมกรรมการบริหารบริษัท และการบริหารงานของบริษัทก็ไม่ได้กระทำตามคำสั่งของจำเลย ดังนั้น กรรมการและกรรมการบริหารบริษัทจึงมิใช่ตัวแทนของจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 797 จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ในการบริหารงานของกรรมการบริษัท ธ.
ค่าทนายความที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นจำนวนที่อยู่ระหว่างอัตราขั้นสูงและขั้นต่ำตามที่ระบุไว้ในตาราง 6 (เดิม) ท้าย ป.วิ.พ. เมื่อคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการต่อสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวงแล้ว ค่าทนายความที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาเป็นจำนวนที่เหมาะสมแล้ว
ค่าทนายความที่ศาลชั้นต้นกำหนดเป็นจำนวนที่อยู่ระหว่างอัตราขั้นสูงและขั้นต่ำตามที่ระบุไว้ในตาราง 6 (เดิม) ท้าย ป.วิ.พ. เมื่อคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการต่อสู้ความหรือการดำเนินคดีของคู่ความทั้งปวงแล้ว ค่าทนายความที่ศาลชั้นต้นกำหนดมาเป็นจำนวนที่เหมาะสมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10255/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องบอกกล่าวเจตนา และการรับผิดค่าฤชาธรรมเนียมแม้ได้รับอนุญาตดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
จำเลยเข้าอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่าจาก ฮ. การที่จำเลยครอบครองที่ดินและตึกแถวพิพาทภายหลังสัญญาเช่าครบกำหนดโดยไม่ได้ทำสัญญาเช่าใหม่และไม่ชำระค่าเช่า ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือจากยึดถือแทนเป็นยึดถือเพื่อตน จำเลยจึงเป็นผู้ยึดถือทรัพย์สินในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครอง จำเลยจะต้องบอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองที่ดินและตึกแถวพิพาทว่าไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนอีกต่อไป หรือตนเองเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381 เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้บอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองที่ดินและตึกแถวพิพาทว่าไม่มีเจตนายึดถือแทนอีกต่อไป จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและตึกแถวพิพาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 และไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง หรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง
การได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 157 (เดิม) เป็นคนละเรื่องกับความรับผิดของคู่ความฝ่ายแพ้คดีที่จะต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 161 (เดิม) ดังนั้น แม้จำเลยจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แต่เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดี ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสองได้
การได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 157 (เดิม) เป็นคนละเรื่องกับความรับผิดของคู่ความฝ่ายแพ้คดีที่จะต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 161 (เดิม) ดังนั้น แม้จำเลยจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แต่เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดี ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10255/2551 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของและแจ้งให้เจ้าของทราบ การได้รับอนุญาตดำเนินคดีแบบคนอนาถาไม่ยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียม
จำเลยเข้าอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่าจาก ฮ. การที่จำเลยครอบครองที่ดินและตึกแถวพิพาทภายหลังสัญญาเช่าครบกำหนด โดยไม่ได้ทำสัญญาเช่าขึ้นใหม่และไม่ชำระค่าเช่าแต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้บอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองที่ดินและตึกแถวพิพาทว่าไม่มีเจตนาจะยึดถือที่ดินและตึกแถวพิพาทแทนอีกต่อไปหรือจำเลยเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381 ถือไม่ได้ว่าจำเลยเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือจากยึดถือแทนเป็นยึดถือเพื่อตน จำเลยจึงเป็นผู้ยึดถือทรัพย์สินในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครองฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินและตึกแถวพิพาทของผู้อื่นไว้โดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา 10 ปี จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและตึกแถวพิพาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382
การได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 157 (เดิม) นั้น เป็นคนละเรื่องกับความรับผิดของคู่ความฝ่ายแพ้คดีที่จะต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 161 (เดิม) ดังนั้น แม้จำเลยจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแต่เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดี ศาลก็ชอบจะพิพากษาคดีให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสองได้
การได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 157 (เดิม) นั้น เป็นคนละเรื่องกับความรับผิดของคู่ความฝ่ายแพ้คดีที่จะต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 161 (เดิม) ดังนั้น แม้จำเลยจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแต่เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดี ศาลก็ชอบจะพิพากษาคดีให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสองได้