พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10342/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยฟ้องซ้ำ เหตุคำฟ้องฎีกาไม่ชัดเจนเรื่องเหตุเดียวกัน และยืนตามศาลชั้นต้นเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม
คำฟ้องฎีกาของจำเลยบรรยายแต่เพียงว่า ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1089/2544 ของศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยแล้วว่า บ. เป็นหนี้จำนองโจทก์ โดยจำเลยซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้อง ที่โจทก์มาดำเนินคดีนี้แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่งจึงเป็นฟ้องซ้ำ โดยไม่ได้กล่าวบรรยายฟ้องให้เห็นว่าประเด็นในคดีนี้กับคดีแพ่งดังกล่าวเป็นประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุเดียวกันมาแล้วอย่างไร อันจะเป็นการฟ้องซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148 คำฟ้องฎีกาข้อนี้ของจำเลยจึงเป็นคำฟ้องที่มิได้กล่าวไว้โดยชัดแจ้งซึ่งข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างในการยื่นฎีกา ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
การฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองไถ่ถอนจำนองตาม ป.พ.พ. มาตรา 737 แม้เป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ แต่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 ทวิ โจทก์ผู้รับจำนองจะเลือกฟ้องต่อศาลที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ในเขตศาลหรือต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาก็ได้
ค่าฤชาธรรมเนียมศาลตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 1 ท้าย ป.วิ.พ. และมาตรา 161 วรรคหนึ่ง บัญญัติความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีให้ตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีและวรรคสองยังบัญญัติอีกว่า ค่าฤชาธรรมเนียมให้รวมถึงค่าทนายความ เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีเป็นฝ่ายแพ้คดี กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์มานั้น จึงชอบแล้ว
การฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองไถ่ถอนจำนองตาม ป.พ.พ. มาตรา 737 แม้เป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ แต่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 ทวิ โจทก์ผู้รับจำนองจะเลือกฟ้องต่อศาลที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ในเขตศาลหรือต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาก็ได้
ค่าฤชาธรรมเนียมศาลตามที่บัญญัติไว้ในตาราง 1 ท้าย ป.วิ.พ. และมาตรา 161 วรรคหนึ่ง บัญญัติความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีให้ตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีและวรรคสองยังบัญญัติอีกว่า ค่าฤชาธรรมเนียมให้รวมถึงค่าทนายความ เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีเป็นฝ่ายแพ้คดี กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์มานั้น จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความตนเองของจำเลยในฐานะพยาน: สิทธิในการเบิกค่าป่วยการและค่าพาหนะ
จำเลยที่3อ้างตนเองเป็นพยานจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลออกหมายเรียกตนเองมาเป็นพยานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา106แม้ตามคำขอให้ศาลออกหมายเรียกจะระบุว่าจำเลยที่1เป็นผู้ขอแต่เพียงผู้เดียวแต่คำขอก็ระบุรวมๆกันว่าขอให้หมายเรียกพยานจำเลยซึ่งทนายจำเลยที่3เป็นผู้ลงชื่อในคำร้องและจำเลยที่3ก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาจำเลยที่1การที่จำเลยที่3มาศาลจึงไม่ใช่พยานซึ่งมาศาลตามหมายเรียกศาลไม่มีอำนาจกำหนดให้จำเลยที่3ได้รับค่าป่วยการและค่าพาหนะตามตาราง4ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งค่าป่วยการและค่าพาหนะที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จ่ายให้แก่จำเลยที่3จึงไม่ใช่ค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา161วรรคสองโจทก์ทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ให้แก่จำเลยที่1และที่3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยที่อ้างตนเองเป็นพยาน ไม่อาจขอให้ศาลออกหมายเรียกตนเอง และไม่ได้รับค่าป่วยการ/พาหนะ
จำเลยที่ 3 อ้างตนเองเป็นพยาน จึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลออกหมายเรียกตนเองมาเป็นพยานได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 106 แม้ตามคำขอให้ศาลออกหมายเรียกจะระบุว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขอแต่เพียงผู้เดียว แต่คำขอก็ระบุรวม ๆ กันว่า ขอให้หมายเรียกพยานจำเลยซึ่งทนายจำเลยที่ 3 เป็นผู้ลงชื่อในคำร้อง และจำเลยที่ 3 ก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาจำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 3 มาศาลจึงไม่ใช่พยานซึ่งมาศาลตามหมายเรียกศาลไม่มีอำนาจกำหนดให้จำเลยที่ 3 ได้รับค่าป่วยการและค่าพาหนะตามตาราง 4ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ค่าป่วยการและค่าพาหนะที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จ่ายให้แก่จำเลยที่ 3 จึงไม่ใช่ค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 วรรคสอง โจทก์ทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 3