คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1308

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 93 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769-770/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพาทเกี่ยวกับที่ดินงอกริมตลิ่งและทางสาธารณะ ศาลต้องสืบพยานประเด็นสำคัญก่อนตัดสิน
ระหว่างที่พิพาทซึ่งเป็นที่งอกริมตลิ่งกับที่ของโจทก์มีทางเดินคั่นกลางซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นทางเอกชน ที่พิพาทเป็นที่งอกหน้าที่ดินของโจทก์ จึงเป็นของโจทก์ จำเลยสู้ว่าทางเดินระหว่างที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ ที่พิพาทเป็นที่งอกจากทางสาธารณะ จำเลยได้ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของมานานหลายปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนจากที่พิพาท ประเด็นที่ว่าทางเดินระหว่างที่พิพาทกับที่โจทก์เป็นทางเอกชนหรือทางสาธารณะ เป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยจากคำพยานโจทก์จำเลย ศาลจึงชอบที่จะให้สืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นดังกล่าวให้สิ้นกระแสความก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769-770/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพาทที่ดินงอกริมตลิ่ง ทางสาธารณะ/เอกชน ศาลต้องสืบพยานประเด็นสำคัญก่อนพิพากษา
ระหว่างที่พิพาทซึ่งเป็นที่งอกริมตลิ่งกับที่ของโจทก์มีทางเดินคั่นกลางซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นทางเอกชนที่พิพาทเป็นที่งอกหน้าที่ดินของโจทก์จึงเป็นของโจทก์จำเลยสู้ว่าทางเดินระหว่างที่พิพาทเป็นทางสาธารณะที่พิพาทเป็นที่งอกจากทางสาธารณะ จำเลยได้ครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของมานานหลายปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนจากที่พิพาทประเด็นที่ว่าทางเดินระหว่างที่พิพาทกับที่โจทก์เป็นทางเอกชนหรือทางสาธารณะเป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยจากคำพยานโจทก์จำเลยศาลจึงชอบที่จะให้สืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นดังกล่าวให้สิ้นกระแสความก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกที่ดินด้วยวาจายังไม่สมบูรณ์, สิทธิการแบ่งมรดก, การครอบครองปรปักษ์, ที่งอก
การยกที่ดินมีโฉนดให้โดยเพียงแต่พูดด้วยวาจาไม่ได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หาชอบด้วยกฎหมายไม่
ทรัพย์มรดก เมื่อทายาทได้ปกครองร่วมกันมา แม้จะล่วงพ้นกำหนด1 ปี หลังจากเจ้ามรดกตายแล้วก็ตาม แต่ยังไม่ถึง 10 ปี ทายาทย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งมรดกนั้นได้
ที่งอกหน้าที่ดินย่อมตกเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น
ที่งอกหน้าที่ดิน เมื่อมีผู้ครอบครองเป็นส่วนสัดโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีที่งอกนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งที่ดินมรดกและที่งอกหน้าดิน โดยการยกให้ด้วยวาจาไม่สมบูรณ์ และสิทธิในการแบ่งมรดก
การยกที่ดินมีโฉนดให้โดยเพียงแต่พูดด้วยวาจาไม่ได้ทำเป็นหนังสือจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทำชอบด้วยกฏหมายไม่
ทรัพย์มรดก เมื่อทายาทได้ปกครองร่วมกันมาแม้จะล่วงพ้นกำหนด 1 ปี หลังจากเจ้ามรดกตายแล้วก็ตาม แต่ยังไม่ถึง 10 ปี ทายาทย่อมมีสิทธิฟ้องขอแบ่งมรดกนั้นได้
ที่งอกหน้าที่ดินย่อมตกเป็นทรัพย์สินของเจ้าของที่ดินแปลงนั้น
ที่งอกหน้าที่ดิน เมื่อมีผู้ครอบครองเป็นส่วนสัดโดยความสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปี ที่งอกนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่งอกติดไปกับการจำนองและโอนที่ดิน หากไม่สงวนสิทธิ์ชัดเจน
ที่ดินมีโฉนดของจำเลยมีที่งอกริมตลิ่ง จำเลยย่อมได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่งอกนี้รวมกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนด เมื่อจำเลยจำนองที่ดินโฉนดนี้และเมื่อโอนที่แปลงนี้เป็นการชำระหนี้จำนอง ถ้าไม่ต้องการจำนองและโอนส่วนที่เป็นที่งอกด้วย จำเลยก็ต้องแสดงเจตนาไว้ให้ชัด มิฉะนั้น ที่งอกนั้นจะต้องติดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกขายที่ดินโฉนดและที่งอกริมตลิ่งในการล้มละลาย ผู้ซื้อประมูลเฉพาะโฉนด ย่อมไม่ครอบครองที่งอก
ที่ดินของลูกหนี้แปลงหนึ่ง เป็นที่ดินมีโฉนด ลูกหนี้ได้แยกที่งอกริมตลิ่งของที่ดินแปลงนี้ไปแจ้งการครอบครองตามแบบ ส.ค.1 ไว้ ในการขายทอดตลาดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแยกรายที่ดินตามโฉนดกับที่งอกริมตลิ่งของที่ดินตามโฉนดนั้นเป็นคนละแปลงได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 123
ผู้ร้องทราบว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แยกขายที่ดินดังกล่าวออกเป็น 2 แปลงและได้ซื้อเฉพาะที่มีโฉนดไว้เพียงแปลงเดียว ผู้ร้องจะอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ที่งอกริมตลิ่งซึ่งแยกขายเป็นอีกแปลงหนึ่งนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดที่ดินโฉนดและที่งอกริมตลิ่งแยกเป็นสองแปลง ผู้ประมูลซื้อเฉพาะโฉนด ย่อมได้กรรมสิทธิ์เฉพาะโฉนดเท่านั้น
ที่ดินของลูกหนี้แปลงหนึ่ง เป็นที่ดินมีโฉนด ลูกหนี้ได้แยกที่งอกริมตลิ่งของที่ดินแปลงนี้ไปแจ้งการครอบครองตามแบบ ส.ค.1ไว้ ในการขายทอดตลาดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแยกขายที่ดินตามโฉนดกับที่งอกริมตลิ่งของที่ดินตามโฉนดนั้นเป็นคนละแปลงได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 123
ผู้ร้องทราบว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แยกขายที่ดินดังกล่าวออกเป็น 2 แปลงและได้ซื้อเฉพาะที่มีโฉนดไว้เพียงแปลงเดียวผู้ร้องจะอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ที่งอกริมตลิ่งซึ่งแยกขายเป็นอีกแปลงหนึ่งนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326-1327/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินงอก, สัญญาจำนอง, สิ่งปลูกสร้าง, การบังคับคดี, การครอบครอง
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1308 ถือได้ว่ากฎหมายให้เจ้าของที่ดินริมตลิ่งได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่งอกออกไป โดยลักษณะเป็นส่วนควบของที่ดินริมตลิ่ง และถือว่าเป็นที่ดินอยู่ในโฉนดของที่ดินริมตลิ่งด้วย
ข้อสัญญาจำนองซึ่งกล่าวว่า "สิ่งปลูกสร้างบนที่ดินแปลงนี้ไม่มีสิ่งใดยกเว้นจำนองด้วยทั้งสิ้น" นี้ ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 719 แปลความได้ว่าหมายถึงสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่มีอยู่บนที่ดินจำนอง ในขณะทำสัญญาจำนองเท่านั้น ดังนั้น ถ้าบ้านที่พิพาทนั้นน้ำท่วมถึง ก็ยังไม่มีสภาพเป็นที่งอกในขณะทำสัญญาจำนอง บ้านนั้นก็มิใช่เป็นสิ่งปลูกสร้างตามข้อสัญญาจำนอง
อนึ่ง ถ้าขณะทำสัญญาจำนองที่พิพาทได้งอกไปถึงบ้านหลังที่ 1 อันเป็นเหตุให้บ้านนั้นตกอยู่ในบังคับของสัญญาจำนองและสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว ก็ต้องพิจารณาต่อไปว่าบ้านทั้ง 3 หลังนั้นปลูกติดต่อเป็นส่วนควบซึ่งกันและกัน หรืออาจแยกจากกันเป็นส่วนๆ ได้รูปบริบูรณ์ลำพังแต่ละหลังโดยไม่เป็นการทำลาย ทำให้บุบสลาย หรือเปลี่ยนแปลงรูปทรง อาจเป็นเหตุให้สัญญาจำนองและสัญญาประนีประนอมยอมความมีผลบังคับต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326-1327/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินงอก และขอบเขตสัญญาจำนอง: การบังคับใช้กับที่ดินงอกและสิ่งปลูกสร้าง
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1308 ถือได้ว่ากฎหมายให้เจ้าของที่ดินริมตลิ่งได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่งอกออกไปโดยลักษณะเป็นส่วนควบของที่ดินริมตลิ่ง และถือว่าเป็นที่ดินอยู่ในโฉนดของที่ดินริมตลิ่งด้วย
ข้อสัญญาจำนองซึ่งกล่าวว่า "สิ่งปลูกสร้างบนที่ดินแปลงนี้ไม่มีสิ่งใดยกเว้นจำนองด้วยทั้งสิ้น" นี้ ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 719 แปลความได้ว่าหมายถึง สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่มีอยู่บนที่ดินจำนองในขณะทำสัญญาจำนองเท่านั้น ดังนั้น ถ้าบ้านที่พิพาทนั้นน้ำท่วมถึง ก็ยังไม่มีสภาพเป็นที่งอกในขณะทำสัญญาจำนอง บ้านนั้นก็มิใช่เป็นสิ่งปลูกสร้างตามข้อสัญญาจำนอง
อนึ่ง ถ้าบ้านพิพาทนั้นปลูกติดต่อเป็นส่วนควบซึ่งกันและกัน หรืออาจแยกจากกันเป็นส่วน ๆ ได้รูปบริบูรณ์ลำพังแต่ละหลังโดยไม่เป็นการทำลาย ทำให้บุบสลาย หรือเปลี่ยนแปลงรูปทรง อาจเป็นเหตุให้สัญญาจำนองและสัญญาประนีประนอมยอมความมีผลบังคับต่างกัน
เมื่อยังฟังข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับปัญหาเรื่องบ้านพิพาทไปทางใดทางหนึ่งมิได้ ก็ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินชายตลิ่งสาธารณสมบัติและการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำ
โจทก์ซื้อที่ดิน (ที่มือเปล่า) จากผู้อื่นด้านยาวทิศใต้จดถนนหลวง ด้านกว้างทิศตะวันออกจดคลอง แล้วให้จำเลยเช่าโดยระบุว่าเช่าเพื่อปลูกอาสัย จำเลยใช้ที่ของโจทก์ทำคอกเป็ดและเลี้ยงเป็ด แต่ปลูกโรงเรือนอยู่ที่ในที่ดินต่อกับเขตที่ของโจทก์ออกไปทางทิศตะวันออก เป็นที่ซึ่งน้ำในลำคลองท่วมถึงเป็นปกติเกือบตลอดปี ที่ซึ่งจำเลยปลูกโรงเรือนนี้ย่อมเป็นที่ชายตลิ่งสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามมาตรา 1304 ไม่ใช่ที่งอกริมตลิ่งตามมาตรา 1308 แม้โจทก์จะได้ครอบครองที่รายนี้มา 10 ปีเศษแล้ว แต่เมื่อตรงที่จำเลยปลูกโรงเรือนเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ก็จะอ้างสิทธิครอบครองว่าเป็นของตนหาได้ไม่
แม้โรงเรือนของจำเลยจะไม่บังที่ดินของโจทก์ด้านถนนหลวง แต่ก็ปลูกอยู่ในที่ขายตลิ่งด้านที่ที่ดินโจทก์ติดริมคลอง เป็นที่กีดขวางระหว่างที่ดินของโจทก์กับคลองทำให้ที่ดินของโจทก์ด้านนั้นถูกริดรอนความสะดวกไปบ้า+โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยให้รื้อถอนโรงเรือนไปเสียได้ตามมาตรา 1337
โจทก์มุ่งหมายเรียกค่าเสียหายเฉพาะที่ขาดประโยชน์ที่ควรได้จากการเช่า เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อโรงเรือนอย่าให้ปิดบังกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์โดยมิใช่เหตุเพราะผิดสัญญาเช่า ศาลก็ไม่บังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายด้วย
of 10