คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 260

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 61 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2829/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นต่อคำสั่งทุเลาการบังคับและการงดการขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งถอนการยึดที่ดินที่โจทก์นำยึดศาลชั้นต้นสั่งผู้ร้องวางเงินประกันความเสียหายตามคำร้องขอของผู้คัดค้านร่วม ผู้ร้องมิได้วางเงิน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีของผุ้ร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งว่าเป็นเรื่องขอคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้อง ให้งดดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทระหว่างอุทธรณ์ผู้คัดค้านร่วมฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาปรากฏว่าอุทธรณ์ของผู้ร้องที่โต้แย้งคำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นนั้น ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งพิพากษาแล้ว โดยพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นและมิได้กล่าวถึงคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้งดดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท คำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวที่ผู้คัดค้านร่วมฎีกาขึ้นมาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 264 วรรคสองประกอบมาตรา 260 (1) จึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดคัานร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2829/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งคุ้มครองประโยชน์ระหว่างอุทธรณ์ยกเลิกเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดี
ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งถอนการยึดที่ดินที่โจทก์นำยึด ศาลชั้นต้นสั่งผู้ร้องวางเงินประกันความเสียหายตามคำร้องขอของผู้คัดค้านร่วม ผู้ร้องมิได้วางเงิน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งว่าเป็นเรื่องขอคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้อง ให้งดดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทระหว่างอุทธรณ์ ผู้คัดค้านร่วมฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาปรากฏว่าอุทธรณ์ของผู้ร้องที่โต้แย้งคำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นนั้น ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งพิพากษาแล้ว โดยพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นและมิได้กล่าวถึงคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้งดดำเนินการเกี่ยวกับการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาท คำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวที่ผู้คัดค้านร่วมฎีกาขึ้นมาย่อมเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 วรรคสองประกอบมาตรา 260(1) จึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้คัดค้านร่วม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3347/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาเป็นอันยกเลิกหากโจทก์ไม่ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอของโจทก์เกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาที่ให้จำเลยนำเงินมาวางศาลและห้ามมิให้จำเลยจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินพิพาท ต่อมาศาลได้พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โดยในคำพิพากษามิได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลได้สั่งไว้นั้นและได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน เมื่อโจทก์มิได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกเมื่อสิ้นระยะเวลาดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 เป็นบทบัญญัติในชั้นขอให้คุ้มครองสิทธิของคู่ความในระหว่างคดีก่อนมีคำพิพากษาในแต่ละชั้นศาล เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีแล้วตามมาตรา 260(2) บัญญัติให้คำสั่งนั้นมีผลไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น ศาลในชั้นนี้ย่อมหมายถึงศาลชั้นต้นนั่นเอง หาใช่หมายถึงศาลที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3074/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเฉลี่ยทรัพย์จากการอายัดเงินก่อนคำพิพากษา: สิทธิของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นหลังการส่งมอบทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาโดยสั่งอายัดเงินของจำเลยไปยังลูกหนี้เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2529 ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2530 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2530 ลูกหนี้ส่งเงินต่อศาลตามคำสั่งอายัดคำสั่งอายัดเงินชั่วคราวก่อนคำพิพากษายังคงมีผลต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260(2) เมื่อโจทก์ได้ขอออกคำบังคับและขอหมายบังคับคดีถึงที่สุดแล้ว จึงมีผลเท่ากับเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ตามมาตรา 290 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2531 จึงเป็นการยื่นหลังจากสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันที่ลูกหนี้ส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้ ต้องห้ามตามมาตรา 290 วรรคห้าผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1705/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ย่อมสิ้นสุดเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน
ศาลชั้นต้นยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดโจทก์อุทธรณ์ และขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งห้ามทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่พิพาทในระหว่างอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวของโจทก์ระหว่างอุทธรณ์จึงเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 260(1) ฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ที่ขอให้ยกเลิกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1705/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์สิ้นสุดเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาสิ้นสุดคดี
ศาลชั้นต้นยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาด โจทก์อุทธรณ์ และขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งห้ามทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่พิพาทในระหว่างอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวของโจทก์ระหว่างอุทธรณ์จึงเป็นอันยกเลิกไปในตัวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 260 (1) ฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ที่ขอให้ยกเลิกคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5154/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดทรัพย์ก่อนมีคำพิพากษา ไม่ถือเป็นการอายัดแทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์มีสิทธิขออายัดเพื่อบังคับคดีได้
คดีเดิมซึ่งผู้ร้องเป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ศาลได้ออกหมายอายัดเงินของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาไปยัง อ. และเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลได้อายัดเงินของจำเลยไว้นั้น เป็นการอายัดทรัพย์สินของจำเลยไว้ชั่วคราวในขณะที่จำเลยยังไม่ได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาถือไม่ได้ว่าเป็นการอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษา โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีนี้จึงมีสิทธิขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดีอายัดเงินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา (จำเลย) จาก อ.เพื่อบังคับคดีได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำสั่งอายัดชั่วคราวเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดและการบังคับคดี
หมายอายัดชั่วคราวนั้น เป็นเพียงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี คำสั่งนั้นก็ยังมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ออกหมายอายัดชั่วคราวให้ผู้คัดค้านส่งเงินที่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิได้รับจากผู้คัดค้านต่อศาล แต่ผู้คัดค้านยังมิได้ปฏิบัติตามคำสั่งอายัดชั่วคราวโดยคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำสั่ง ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์คดีถึงที่สุด และในชั้นบังคับคดีศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ผู้คัดค้านส่งเงินจำนวนเดียวกันกับที่มีคำสั่งในหมายอายัดชั่วคราว ดังนี้ย่อมถือได้ว่าคำสั่งอายัดชั่วคราวดังกล่าวเป็นอันยกเลิกไป ปัญหาว่าผู้คัดค้านต้องส่งเงินต่อศาลชั้นต้นตามหมายอายัดชั่วคราวตามที่โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ไว้ก่อนนั้นหรือไม่ จึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดีอีกต่อไป การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้คัดค้านเสีย จึงชอบด้วยกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอายัดเงินฝากก่อนและหลังคำพิพากษา: ผลกระทบต่อธนาคารและโจทก์เมื่อคำสั่งอายัดเดิมยกเลิก
การที่ศาลมีคำสั่งอายัดเงินฝากของจำเลยที่ 1 ในครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2524 นั้น เป็นคำสั่งอายัดในคดีอื่น ซึ่งจำเลยที่ 3 ในคดีนี้เป็นโจทก์ และขณะนั้นจำเลยที่ 1 มีเงินฝากประจำอยู่ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาตราด จำนวน 2,000,000 บาทแต่จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารโดยยินยอมให้นำเงินฝากประจำ 1,000,000 บาทมาเป็นประกัน หลังจากที่ศาลมีคำสั่งอายัดเงินฝากครั้งแรกแล้วนั้น แม้จำเลยที่ 1จะมาขอเบิกเงินและธนาคารได้จ่ายให้ไป ก็เป็นการจ่ายไปก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งอายัดในคดีนี้ ซึ่งสั่งอายัดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2525 ทั้งยังปรากฏว่าในคดีนั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้จำเลยชนะคดี คำสั่งอายัดชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาย่อมเป็นอันยกเลิกไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 260 การที่ธนาคารจ่ายเงินให้แก่จำเลยไปก่อนที่จะมีคำสั่งอายัดทรัพย์ในคดีนี้ จะถือว่าเป็นความผิดของธนาคารเป็นเหตุให้โจทก์คดีนี้ต้องเสียหายหาได้ไม่.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทรัพย์สินของมูลนิธิ การเบิกจ่ายเงินจากบัญชีธนาคารต้องเป็นไปตามข้อตกลง และการกระทำละเมิดของกรรมการ
โจทก์จดทะเบียนเป็นมูลนิธิถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย บรรดาทรัพย์สินต่างๆรวมทั้งองค์เซียนแป๊ะโค้วย่อมตกเป็นทรัพย์สินของมูลนิธิตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลได้ เงินที่ประชาชนบริจาคในการจัดงานฉลององค์เซียนแป๊ะโค้วและนำไปฝากไว้ในบัญชีนั้นถือว่าเป็นเงินที่บริจาคให้แก่องค์เซียนแป๊ะโค้ว จึงตกเป็นของโจทก์ผู้เป็นเจ้าขององค์เซียนแป๊ะโค้ว
เงินในบัญชีซึ่งเป็นเงินรายได้จากการจัดงานฉลององค์เซียนแป๊ะโค้วนั้น คู่ความทราบในคดีก่อนแล้วว่าได้มีการตกลงกันให้นำไปฝากไว้ที่ธนาคารโดยมีเงื่อนไขให้เบิกจ่ายได้ตามมติของคณะกรรมการจัดงาน และให้จำเลยที่2 ที่ 3 และบ.เป็นผู้ลงลายมือชื่อร่วมกันในเช็คเพื่อเบิกจ่ายเงินจากบัญชี ดังนั้นการเบิกจ่ายเงินจากบัญชีดังกล่าว จึงต้องปฏิบัติตามข้อตกลงนี้เรื่อยไปจนกว่าคดีจะเสร็จหรือถึงที่สุด หาใช่ข้อตกลงนี้เป็นวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนศาลพิพากษาซึ่งจะถูกยกเลิกไปเมื่อศาลชั้นต้นตัดสินคดีนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 260 ไม่
เมื่อระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุด จำเลยที่ 3 ซึ่งพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าเขตลาดกระบังแล้ว กลับมีหนังสือแจ้งธนาคารขอเปลี่ยนแปลงยกเลิกกรรมการผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินตามข้อตกลงเดิมทั้งหมด แล้วให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 คนใดคนหนึ่งออกเช็คสั่งจ่ายเงินในบัญชีแทนโดยไม่บอกกล่าวแถลงศาลก่อนหรือแจ้งบอกกล่าวแก่คู่ความในคดีนั้นซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง นอกจากจะเป็นการไม่ถูกต้องแล้วยังเรียกไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 กระทำโดยสุจริต จำเลยที่ 1 ออกเช็คสั่งจ่ายเงินในบัญชีโดยควรรู้ดีว่าตนไม่มีอำนาจเบิกถอนเพราะขัดกับข้อตกลง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 1จึงทำละเมิดต่อโจทก์โดยจำเลยที่ 3 มีส่วนทำละเมิดดังกล่าวด้วยส่วนจำเลยที่ 2 ออกเช็คสั่งจ่ายเงินในบัญชีโดยควรรู้ดีว่าตนไม่มีอำนาจและเบิกถอนก่อนที่จำเลยที่ 3 จะมีหนังสือแจ้งธนาคารขอเปลี่ยนแปลงยกเลิกกรรมการผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงิน จึงเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์ตามลำพัง
of 7