พบผลลัพธ์ทั้งหมด 626 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธการรับมอบรถยนต์ที่ชำระหนี้ไม่ถูกต้องตามคำพิพากษา ศาลมีสิทธิปฏิเสธและบังคับตามคำพิพากษาเดิมได้
ศาลชั้นต้นมีคำวินิจฉัยชัดเจนให้จำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อร่วมกับจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันส่งมอบรถยนต์ในสภาพใช้การได้ดีคืนโจทก์ หากไม่ส่งมอบคืนก็ให้ใช้ราคาแทนพร้อมกับค่าเสียหาย แม้ในตอนท้ายของคำพิพากษาจะมิได้ระบุว่าจำเลยทั้งสองจะต้องส่งมอบรถยนต์แก่โจทก์ในสภาพเช่นไรแต่ก็พึงเข้าใจได้ว่าจะต้องส่งมอบในสภาพที่ใช้การได้ดีดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้แล้วในตอนต้น เพราะการพิจารณาถึงความหมายของคำพิพากษาเพื่อปฏิบัติการชำระหนี้ให้ถูกต้องนั้นต้องพิจารณาจากคำพิพากษาทั้งฉบับ มิใช่เฉพาะแต่ส่วนใดส่วนหนึ่ง การที่จำเลยที่ 1 นำรถยนต์มาส่งมอบแก่โจทก์หลังจากมีคำบังคับแล้วถึง 1 ปีเศษ ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วปรากฏว่าไม่มีทะเบียนทำให้ไม่ทราบว่าเป็นรถยนต์คันเดียวกับที่ศาลมีคำพิพากษาหรือไม่ แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ใช้รถยนต์อย่างไม่ดูแลรักษา เพราะแม้กระทั่งทะเบียนรถก็ไม่มี ฉะนั้น การที่โจทก์ไม่ยอมรับรถยนต์โดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติการชำระหนี้ไม่ถูกต้องตรงตามคำพิพากษาเพราะไม่อยู่ในสภาพใช้การได้ดีจึงมีเหตุผลและเป็นการกระทำโดยชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9668/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตกลงแปลงหนี้จากสัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาซื้อขาย ย่อมมีผลผูกพันจำเลยตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทจากโจทก์ ต่อมาโจทก์พาเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยที่ 1 เนื่องจากจำเลยที่ 1 นำรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปให้ผู้อื่นใช้ ได้มีการเจรจาตกลงกันโดยจำเลยที่ 1 ยินยอมใช้ค่าเสียหายเท่ากับ ค่าเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทที่ค้าง แล้วโจทก์จะไม่ดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยที่ 1 จำเลยทั้งสองจึงตกลงยินยอมทำหนังสือสัญญาซื้อขายรถยนต์คันพิพาทและหนังสือรับสภาพหนี้กับโจทก์ขึ้นใหม่ ถือได้ว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองได้ตกลง แปลงหนี้จากสัญญาเช่าซื้อและค้ำประกันรถยนต์คันพิพาทมาเป็นสัญญาซื้อขายรถยนต์คันพิพาทและหนังสือรับสภาพหนี้แทนจึงมีผลผูกพันจำเลยทั้งสองตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9163/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อ กรณีไม่มีกฎหมายกำหนดเฉพาะ อายุความ 10 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30
การเรียกค่าเสียหายในส่วนของค่าขาดประโยชน์กรณีผิดสัญญาเช่าซื้อและสัญญาเช่าซื้อเลิกกันไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8930/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้ให้เช่าซื้อในการยึดรถคืน แม้จะแจ้งให้ชำระเบี้ยปรับล่าช้าแล้ว
กรณีผู้เช่าซื้อผิดสัญญาชำระค่าซื้อล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นเหตุให้ผู้เช่าซื้อมีภาระต้องชำระเบี้ยปรับให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อ การที่ผู้ให้เช่าซื้อมีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าซื้อชำระเบี้ยปรับพร้อมกับค่าเช่าซื้อในงวด ต่อไปเป็นการใช้สิทธิตามข้อกำหนดของสัญญาและไม่ถือว่าเป็นการลบล้างหรือสละสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ตามสัญญา ผู้ให้เช่าซื้อจึงยังมีสิทธิตามยึดรถคันที่เช่าซื้อคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8508/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีสัญญาประนีประนอมยอมความหลังผิดนัดชำระหนี้ โจทก์มีสิทธิขายทอดตลาดทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้
แม้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 5 จะระบุไว้ว่า เมื่อจำเลยทั้งสองชำระหนี้ให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว ให้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันพิพาทโอนไปยังจำเลยที่ 1 ทันที และโจทก์จะดำเนินการจดทะเบียนโอนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรายการสมุดคู่มือจดทะเบียนให้แก่จำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ผิดนัดผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเสียก่อน โดยเช็คที่ออกชำระหนี้ให้แก่โจทก์ถูกธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงิน 4 ฉบับ โจทก์จึงได้ใช้สิทธิของตนเพื่อการบังคับชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 4ซึ่งระบุว่า หากจำเลยทั้งสองผิดนัดงวดใด งวดหนึ่ง ให้ถือว่าจำเลยทั้งสองผิดนัดทั้งหมดและยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที โดยหักส่วนที่ชำระมาแล้วออกก่อนคงบังคับเอาเฉพาะส่วนที่เหลือพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินที่ค้างชำระ พร้อมทั้งยินยอมให้โจทก์กลับเข้าครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้อได้ทันที นอกจากนี้แล้วข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาก็ปรากฏว่าหลังจากผิดนัดชำระหนี้แล้ว จำเลยทั้งสองได้ยินยอมให้โจทก์นำรถยนต์ดังกล่าวกลับคืนไปอยู่ในความครอบครองของโจทก์ด้วย ฉะนั้นเมื่อโจทก์ได้รับรถยนต์ซึ่งยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของตนกลับคืนมาแล้วโจทก์จึงสามารถนำรถยนต์นั้นออกขายทอดตลาดและโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้แก่ผู้ซื้อได้โดยไม่อาจถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 5 แต่อย่างใด โจทก์ได้นำรถยนต์ออกขายทอดตลาดและโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้แก่ผู้ซื้อไป ซึ่งการขายและการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ดังกล่าวได้กระทำภายหลังที่จำเลยทั้งสองตกเป็นผู้ผิดนัดผิดสัญญาแล้ว การกระทำของโจทก์ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นผลให้หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระงับไปดังที่จำเลยทั้งสองกล่าวอ้างเมื่อโจทก์ยังได้รับชำระหนี้ไม่ครบถ้วน โจทก์จึงบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6944/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผิดสัญญาเช่าซื้อ การวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกคำให้การ และการกำหนดค่าเสียหายที่เหมาะสม
จำเลยให้การว่าสัญญาเช่าซื้อระงับแล้วตั้งแต่วันที่จำเลยชำระค่าเช่าซื้องวดที่ 17 เนื่องจากโจทก์แจ้งว่าไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เช่าซื้อให้แก่จำเลยได้เพราะโจทก์ผิดสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวกับบริษัท พ. โดยจำเลยมิได้ให้การว่าโจทก์ผิดสัญญาเช่าซื้อเนื่องจากโจทก์ไม่ต่อทะเบียนรถยนต์ให้จำเลยทำให้จำเลยไม่สามารถนำรถยนต์ออกใช้ได้ตามทางนำสืบของจำเลยแต่ประการใด ทางนำสืบของจำเลยจึงนอกเหนือจากคำให้การของจำเลยแม้ศาลล่างทั้งสองจะรับวินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6789-6790/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์ส่วนกลางอาคารชุด: ข้อจำกัดตามสัญญาเช่าซื้อ และหน้าที่จัดเตรียมของจำเลย
ตามสัญญาเช่าซื้อระบุว่า ผู้ให้เช่าซื้อตกลงให้เช่าซื้อ และผู้เช่าซื้อตกลงเช่าซื้อทรัพย์สินที่ผู้ให้เช่าซื้อจัดสร้างขึ้นอันประกอบด้วยห้องแฟลต ทรัพย์ส่วนกลางของอาคารแฟลตหลังที่ห้องแฟลตตั้งอยู่ ที่ดินที่ตั้งอาคารแฟลต หลังที่ห้องแฟลตที่เช่าซื้อตั้งอยู่ ตามสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวได้ให้คำจำกัดความคำว่า "ทรัพย์ส่วนกลาง" ไว้ว่าหมายถึง ส่วนต่าง ๆ ของอาคารแฟลตภายนอกห้องแฟลต รวมทั้งส่วนควบอุปกรณ์ภายนอกห้องแฟลตของอาคารแฟลตหลังนั้นที่ผู้เช่าซื้อใช้ร่วมกัน เช่น หลังคา บันได ระเบียง ทางเดินเข้าห้องแฟลต ประปา ไฟฟ้า ภายนอกห้องแฟลต ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งคำว่า ฯลฯ เป็นต้น ย่อมมีความหมายว่านอกจากทรัพย์ที่ระบุไว้โดยชัดแจ้งแล้วยังหมายถึงทรัพย์อย่างอื่นที่มีลักษณะในการใช้สอยทำนองเดียวกันด้วย ฉะนั้น โรงจอดรถมีหลังคา อาคารสำนักงานชุมชนและสระว่ายน้ำ หาใช่ทรัพย์ที่มีลักษณะการใช้สอยทำนองเดียวกันกับทรัพย์ข้างต้นไม่ ส่วนคำว่าที่ดินที่ตั้งอาคารแฟลต ข้อความในสัญญาเช่าซื้อได้ระบุชัดเจนว่า หมายถึง ที่ดินเฉพาะเนื้อที่ที่อาคารแฟลตทั้งหลังตั้งอยู่ซึ่งหมายความว่าเฉพาะที่ดินที่เป็นที่ตั้งอาคารแฟลตหลังที่ห้องแฟลตที่เช่าซื้อตั้งอยู่เท่านั้น ไม่รวมที่ดินส่วนอื่นๆด้วย ดังนั้น อาคารจอดรถมีหลังคา สำนักงานที่ทำ การชุมชน และสระว่ายน้ำรวมทั้งที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งทรัพย์ดังกล่าว ไม่ใช่ทรัพย์ที่ให้เช่าซื้อ แต่เป็นทรัพย์ที่จำเลยมีหน้าที่จัดให้มีตามที่โฆษณาไว้เท่านั้น โจทก์จึงฟ้องบังคับจำเลยให้จดทะเบียนทรัพย์ดังกล่าวเป็นทรัพย์ส่วนกลางของ อาคารชุดที่เช่าซื้อไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6720/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือ การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่ไม่มีสัญญาบังคับใช้ไม่เป็นความผิด พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์ฟ้องและนำสืบว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อไปจาก ผู้เสียหาย แต่สัญญาเช่าซื้อต้องทำเป็นหนังสือมิฉะนั้นย่อมตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 572 วรรคสอง เมื่อโจทก์ไม่มีสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยมาแสดง จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้ผู้เสียหาย เพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่บังคับได้ตามกฎหมาย แม้รถยนต์ที่จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อจากบริษัท ธ. ผู้ให้เช่าซื้อเป็นรถยนต์ยี่ห้อ สี หมายเลขเครื่องและหมายเลขตัวถังอย่างเดียวกันกับรถยนต์ที่จำเลยขอเช่าซื้อจากผู้เสียหายก็ตาม แต่ผู้เสียหาย ก็มิได้เป็นคู่สัญญาเช่าซื้อกับจำเลย ข้อตกลงระหว่างผู้เสียหายกับบริษัท ธ. ผู้ให้เช่าซื้อ จะมีอยู่อย่างไร ก็ไม่ทำให้ ผู้เสียหายกลายเป็นคู่สัญญาเช่าซื้อกับจำเลยไปได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2683/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: ความเสียหายจากการไม่ชำระค่าเช่าซื้อ และการกำหนดค่าเสียหายที่เหมาะสม
สัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาต่างตอบแทน
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อและรับมอบรถที่เช่าซื้อไปจากโจทก์ โดยมีข้อตกลงว่า จำเลยที่ 1 จะชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์เป็นรายเดือน 24 งวด จำเลยที่ 1 ก็มีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าซื้อเป็นการตอบแทน แต่เช็คที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายชำระค่าเช่าซื้อก่อนเลิกสัญญาในงวดที่ 1 ถึงที่ 3 และงวดที่ 5 ถึงที่ 7 ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ในฐานะผู้ให้เช่าซื้อย่อมได้รับความเสียหายที่ไม่ได้รับชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญา ส่วนที่โจทก์ได้รับชำระค่าเช่าซื้อไปแล้วเพียงใด และโจทก์นำรถที่เช่าซื้อไปให้บุคคลภายนอกเช่าซื้อในราคาเท่าใด เป็นข้อพิจารณาในชั้นกำหนดค่าเสียหายให้เป็นจำนวนที่พอสมควร
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากค่าเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระและนำสืบว่าค่าเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระ 6 งวดเป็นเงิน 900,000 บาท ที่โจทก์นำสืบด้วยว่าหากโจทก์นำรถที่เช่าซื้อออกให้เช่าจะได้ค่าเช่าเดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท เป็นการนำสืบให้เห็นถึงทางได้เสียในเชิงทรัพย์สินของโจทก์อีกทางหนึ่ง จึงหาเป็นการนำสืบนอกคำฟ้องไม่
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อและรับมอบรถที่เช่าซื้อไปจากโจทก์ โดยมีข้อตกลงว่า จำเลยที่ 1 จะชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์เป็นรายเดือน 24 งวด จำเลยที่ 1 ก็มีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าซื้อเป็นการตอบแทน แต่เช็คที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายชำระค่าเช่าซื้อก่อนเลิกสัญญาในงวดที่ 1 ถึงที่ 3 และงวดที่ 5 ถึงที่ 7 ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ในฐานะผู้ให้เช่าซื้อย่อมได้รับความเสียหายที่ไม่ได้รับชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญา ส่วนที่โจทก์ได้รับชำระค่าเช่าซื้อไปแล้วเพียงใด และโจทก์นำรถที่เช่าซื้อไปให้บุคคลภายนอกเช่าซื้อในราคาเท่าใด เป็นข้อพิจารณาในชั้นกำหนดค่าเสียหายให้เป็นจำนวนที่พอสมควร
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากค่าเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระและนำสืบว่าค่าเช่าซื้อที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระ 6 งวดเป็นเงิน 900,000 บาท ที่โจทก์นำสืบด้วยว่าหากโจทก์นำรถที่เช่าซื้อออกให้เช่าจะได้ค่าเช่าเดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท เป็นการนำสืบให้เห็นถึงทางได้เสียในเชิงทรัพย์สินของโจทก์อีกทางหนึ่ง จึงหาเป็นการนำสืบนอกคำฟ้องไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1698/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อรถแทรกเตอร์: การคิดดอกเบี้ยรวมในราคารถ ไม่ขัดกฎหมาย
ราคาค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ตามสัญญาเช่าซื้อได้รวมค่าเช่ากับราคารถแทรกเตอร์ที่เช่าซื้อเข้าไว้ด้วยกัน การกำหนดราคาค่าเช่าซื้อดังกล่าวไม่มีกฎหมายห้ามไว้และไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ของประชาชน แม้ราคาค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ดังกล่าวโจทก์จะกำหนดโดยวิธีหักเงินชำระล่วงหน้าออกไปก่อน แล้วนำส่วนที่เหลือไปคิดดอกเบี้ย คำนวณเป็นดอกเบี้ยเท่าใด บวกเข้ากับเงินที่ค้างชำระ จากนั้นจึงกำหนดเป็นค่างวด ซึ่งเป็นวิธีการกำหนดราคาค่าเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ของโจทก์โดยชอบ มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์คิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ และไม่เป็นการขัดต่อ พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475