พบผลลัพธ์ทั้งหมด 626 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1585/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายจากสัญญาเช่าซื้อ: แยกพิจารณาตามมูลหนี้และประเภทความเสียหาย
ค่าเสียหายจากการที่โจทก์ขาดประโยชน์ที่เอารถไปให้ผู้อื่นเช่าไม่ได้มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 ส่วนค่าเสียหายจากการที่จำเลยใช้รถชำรุดบุบสลายมีอายุความ 6 เดือน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 563 จะนำอายุความตามมาตรา 164 ซึ่งเป็นบททั่วไปมาใช้บังคับไม่ได้ แม้จำเลยยกอายุความตามมาตรา 165 มีกำหนด 2 ปีขึ้นต่อสู้ แต่ในคดีแพ่งเพียงจำเลยยกอายุความขึ้นตัดฟ้อง การจะปรับบทมาตราใด เป็นหน้าที่ของศาลจะยกขึ้นปรับแก่คดี
โจทก์มีรถไว้ให้เช่า การที่รถอยู่ในความครอบครองของจำเลยตลอดเวลาที่จำเลยผิดนัด โจทก์ใช้ประโยชน์ในทรัพย์นั้นไม่ได้ ยิ่งเห็นอยู่ในตัวว่าโจทก์ย่อมเสียหายขาดประโยชน์ที่จะพึงได้จากการให้เช่าทรัพย์นั้น มิใช่ความเสียหายพิเศษซึ่งจำเลยไม่อาจคาดเห็นล่วงหน้าจำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายนั้น
โจทก์มีรถไว้ให้เช่า การที่รถอยู่ในความครอบครองของจำเลยตลอดเวลาที่จำเลยผิดนัด โจทก์ใช้ประโยชน์ในทรัพย์นั้นไม่ได้ ยิ่งเห็นอยู่ในตัวว่าโจทก์ย่อมเสียหายขาดประโยชน์ที่จะพึงได้จากการให้เช่าทรัพย์นั้น มิใช่ความเสียหายพิเศษซึ่งจำเลยไม่อาจคาดเห็นล่วงหน้าจำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1585/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายจากการเช่าซื้อและสภาพรถชำรุด ศาลปรับใช้บทมาตราตามสภาพข้อพิพาท
ค่าเสียหายจากการที่โจทก์ขาดประโยชน์ที่เอารถไปให้ผู้อื่นเช่าไม่ได้ มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ส่วนค่าเสียหายจากการที่จำเลยใช้รถชำรุดบุบสลายมีอายุความ 6 เดือน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563 จะนำอายุความตามมาตรา 164 ซึ่งเป็นบททั่วไปมาใช้บังคับไม่ได้ แม้จำเลยยกอายุความตามมาตรา 165 มีกำหนด 2 ปีขึ้นต่อสู้ แต่ในคดีแพ่งเพียงจำเลยยกอายุความขึ้นตัดฟ้อง การจะปรับบทมาตราใด เป็นหน้าที่ของศาลจะยกขึ้นปรับแก่คดี
โจทก์มีรถไว้ให้เช่า การที่รถอยู่ในความครอบครองของจำเลยตลอดเวลาที่จำเลยผิดนัด โจทก์ใช้ประโยชน์ในทรัพย์นั้นไม่ได้ ยิ่งเห็นอยู่ในตัวว่าโจทก์ย่อมเสียหายขาดประโยชน์ที่จะพึงได้จากการให้เช่าทรัพย์นั้น มิใช่ความเสียหายพิเศษซึ่งจำเลยไม่อาจคาดเห็นล่วงหน้า จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายนั้น
โจทก์มีรถไว้ให้เช่า การที่รถอยู่ในความครอบครองของจำเลยตลอดเวลาที่จำเลยผิดนัด โจทก์ใช้ประโยชน์ในทรัพย์นั้นไม่ได้ ยิ่งเห็นอยู่ในตัวว่าโจทก์ย่อมเสียหายขาดประโยชน์ที่จะพึงได้จากการให้เช่าทรัพย์นั้น มิใช่ความเสียหายพิเศษซึ่งจำเลยไม่อาจคาดเห็นล่วงหน้า จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อที่ผู้เช่าซื้อยังต้องรับผิดแม้รถยนต์สูญหายหรือเสียหายจากเหตุสุดวิสัย
ข้อความในสัญญามีว่า 'แม้สัญญาฉบับนี้จะต้องผ่านการโอน การต่ออายุ หรือการเปลี่ยนมืออย่างใด ๆ หรือตัวยานยนต์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาต้องประสบความสูญเสีย เสียหายหรือย่อยยับประการใดผู้ซื้อก็หาหลุดพ้นจากหน้าที่รับผิดตามสัญญานี้แต่อย่างใดไม่' ข้อความในสัญญาดังกล่าวมีความหมายว่า ผู้ซื้อจะต้องรับผิดใช้ราคาให้แก่ผู้ขาย ไม่ว่ารถยนต์จะสูญหายไปด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามจึงรวมถึงการสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัยด้วย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4,6/2517)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสัญญาเช่าซื้อระบุความรับผิดของผู้ซื้อแม้รถยนต์สูญหายจากเหตุสุดวิสัย ผู้ซื้อยังต้องรับผิดตามสัญญา
ข้อความในสัญญามีว่า "แม้สัญญาฉบับนี้จะต้องผ่านการโอนการต่ออายุ หรือการเปลี่ยนมืออย่างใด ๆ หรือตัวยานยนต์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาต้องประสบความสูญเสีย เสียหายหรือย่อยยับประการใด ผู้ซื้อก็หาหลุดพ้นจากหน้าที่รับผิดตามสัญญานี้แต่อย่างใดไม่" ข้อความในสัญญาดังกล่าวมีความหมายว่า ผู้ซื้อจะต้องรับผิดใช้ราคาให้แก่ผู้ขาย ไม่ว่ารถยนต์จะสูญหายไปด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามจึงรวมถึงการสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัยด้วย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4,6/2517)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินดาวน์เช่าซื้อ, ความรับผิดของผู้ค้ำประกัน, การชำระด้วยเช็ค, ความเสียหายจากการใช้รถ
เงินดาวน์เป็นเงินค่าเช่าซื้อส่วนหนึ่งที่ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระในวันทำสัญญา หาใช่เงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระไม่ ตามสัญญาค้ำประกันระบุไว้ชัดว่าผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในเงินค่าเช่าซื้อทั้งหมดซึ่งรวมทั้งเงินดาวน์ด้วย ตามสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อห้ามการชำระค่าเช่าซื้อด้วยเช็คโจทก์ผู้ให้เช่าย่อมรับชำระเงินดาวน์ด้วยเช็คได้ เมื่อโจทก์รับเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิด
แม้ตามสัญญาเช่าซื้อและใบเสร็จรับเงินจะระบุว่า โจทก์ได้รับเงินดาวน์จำนวน 25,080 บาทไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เช่าชำระเงินดาวน์ด้วยเช็ค โจทก์ก็นำสืบได้ว่าโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ หาเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารไม่
เมื่อจำเลยที่ 2 เอารถคันพิพาทไปใช้ชำรุดเสียหาย จำเลยที่ 2ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตลอดระยะเวลาที่จำเลยที่ 2 ครอบครองรถคันนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 วรรค 3 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 601/2513)
แม้ตามสัญญาเช่าซื้อและใบเสร็จรับเงินจะระบุว่า โจทก์ได้รับเงินดาวน์จำนวน 25,080 บาทไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เช่าชำระเงินดาวน์ด้วยเช็ค โจทก์ก็นำสืบได้ว่าโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ หาเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารไม่
เมื่อจำเลยที่ 2 เอารถคันพิพาทไปใช้ชำรุดเสียหาย จำเลยที่ 2ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตลอดระยะเวลาที่จำเลยที่ 2 ครอบครองรถคันนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 วรรค 3 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 601/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในเงินดาวน์ที่ชำระด้วยเช็คที่โจทก์เรียกเก็บไม่ได้ และต้องรับผิดในค่าเสียหายจากการใช้รถ
เงินดาวน์เป็นเงินค่าเช่าซื้อส่วนหนึ่งที่ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระในวันทำสัญญา หาใช่เงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระไม่ตามสัญญาค้ำประกันระบุไว้ชัดว่าผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในเงินค่าเช่าซื้อทั้งหมดซึ่งรวมทั้งเงินดาวน์ด้วย ตามสัญญาเช่าซื้อไม่มีข้อห้ามการชำระค่าเช่าซื้อด้วยเช็คโจทก์ผู้ให้เช่าย่อมรับชำระเงินดาวน์ด้วยเช็คได้ เมื่อโจทก์รับเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิด
แม้ตามสัญญาเช่าซื้อและใบเสร็จรับเงินจะระบุว่า โจทก์ได้รับเงินดาวน์จำนวน 25,080 บาทไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เช่าชำระเงินดาวน์ด้วยเช็ค โจทก์ก็นำสืบได้ว่า โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ หาเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารไม่
เมื่อจำเลยที่ 2 เอารถคันพิพาทไปใช้ชำรุดเสียหายจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตลอดระยะเวลาที่จำเลยที่ 2 ครอบครองรถคันนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรค 3 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 601/2513)
แม้ตามสัญญาเช่าซื้อและใบเสร็จรับเงินจะระบุว่า โจทก์ได้รับเงินดาวน์จำนวน 25,080 บาทไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้เช่าชำระเงินดาวน์ด้วยเช็ค โจทก์ก็นำสืบได้ว่า โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ หาเป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารไม่
เมื่อจำเลยที่ 2 เอารถคันพิพาทไปใช้ชำรุดเสียหายจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ต้องใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ตลอดระยะเวลาที่จำเลยที่ 2 ครอบครองรถคันนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรค 3 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 601/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2705/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าซื้อในการทำประกันภัยรถยนต์ และอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิด
ผู้เช่าซื้อมีสิทธิที่จะเอาประกันความเสียหายอันอาจเกิดขึ้นแก่รถที่เช่าซื้อมากับบริษัทประกันภัยได้ และอยู่ในฐานะผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ทำละเมิดได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2672/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาตัวแทนชดใช้ค่าเช่าซื้อ: อายุความ 10 ปี ไม่ถือเป็นเบี้ยปรับนอกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญาตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่กำหนดให้จำเลยซึ่งเป็นตัวแทนต้องรับผิดต่อโจทก์ ในเมื่อผู้เช่าซื้อไม่ชำระค่าเช่าซื้อ จำเลยก็มีหน้าที่ชดใช้ให้โจทก์ตามสัญญา
โจทก์ฟ้องอ้างสิทธิตามสัญญาตัวแทน มีอายุความ 10 ปี
ข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น และยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะเป็นตัวแทน การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์โดยถือว่าข้อตกลงให้จำเลยชดใช้ค่าเช่าซื้อที่ค้างแทนผู้เช่าซื้อเท่ากับเป็นเบี้ยปรับฐานผิดสัญญาตัวแทน เป็นการวินิจฉัยให้โจทก์รับผิดชดใช้ตามที่ฟ้องไม่ใช่เรื่องนอกฟ้องนอกคำขอ
โจทก์ฟ้องอ้างสิทธิตามสัญญาตัวแทน มีอายุความ 10 ปี
ข้อที่จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น และยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานะเป็นตัวแทน การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์โดยถือว่าข้อตกลงให้จำเลยชดใช้ค่าเช่าซื้อที่ค้างแทนผู้เช่าซื้อเท่ากับเป็นเบี้ยปรับฐานผิดสัญญาตัวแทน เป็นการวินิจฉัยให้โจทก์รับผิดชดใช้ตามที่ฟ้องไม่ใช่เรื่องนอกฟ้องนอกคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2272/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องตัวแทนรับผิดตามสัญญาตัวแทน ไม่ใช่การเรียกค่าของตามปพพ.มาตรา 165(1)
จำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของโจทก์ โดยหาผู้เช่าซื้อมาทำสัญญากับโจทก์โดยตรงและรับรถยนต์ไป ในการนี้จำเลยมีสิทธิได้รับเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 1,000 บาท ต่อรถ 1 คัน และจำเลยหาผู้ใดมาเช่าซื้อ จำเลยต้องทำสัญญาค้ำประกันชดใช้เงินให้แก่โจทก์ในเมื่อผู้เช่าซื้อผิดสัญญาทุกกรณี ส่วนการเก็บเงินค่าเช่าซื้อตามงวด จำเลยเป็นผู้เก็บส่งโจทก์ หากผู้เช่าซื้อผิดสัญญา จำเลยก็ยึดรถที่เช่าซื้อนั้นคืนโจทก์หรือใช้ราคาให้ตามสัญญา ในการนี้โจทก์คิดค่าตอบแทนให้จำเลย 7 เปอร์เซ็นต์ของราคารถ ต่อมาผู้เช่าซื้อรถยนต์บางรายชำระเงินค่าเช่าซื้อไม่ครบ โจทก์ทวงถามอยู่เสมอ จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ที่จำเลยติดค้างโจทก์ 2 ฉบับ ฉบับแรกเป็นสัญญาชดใช้ค่าสินค้าที่ผู้เช่าซื้อรถยนต์ค้างชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์รวมเป็นเงิน 210,500 บาท ฉบับที่ 2 เป็นสัญญารับผิดชดใช้ค่าเสียหายในการที่จำเลยไปยึดรถยนต์คืนจากผู้เช่าซื้อที่ผิดสัญญาเช่าซื้อมาแล้วปล่อยให้รถตากแดดตากฝนจนได้รับความเสียหายเป็นเงิน 28,500 บาทกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยยอมรับผิดชำระค่าเช่าซื้อแทนผู้เช่าซื้อที่ค้างชำระอยู่รวมทั้งยอมชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ ในฐานะเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์การฟ้องจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวเป็นการฟ้องตัวแทนให้รับผิดตามสัญญาตัวแทน หาใช่เป็นเรื่องที่พ่อค้าเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของซึ่งมีอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1366/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเช่าซื้อระบุทายาท: สิทธิตกเป็นของทายาทตามสัญญา ไม่ใช่กองมรดก
สัญญาเช่าซื้อก็คือสัญญาเช่าทรัพย์บวกด้วยคำมั่นจะขายทรัพย์สินนั้นสัญญาเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวผู้เช่า คำมั่นจะขายทรัพย์สินที่ให้เช่าเป็นสิทธิในทรัพย์สินซึ่งอาจตกเป็นมรดกของคู่สัญญาที่ถึงแก่กรรมได้
คู่สัญญาทำสัญญาเช่าซื้อโดยมีข้อสัญญาระบุว่า ให้ผู้เช่าซื้อระบุตัวทายาทผู้รับสิทธิในการเช่าซื้อแทนได้เมื่อผู้เช่าซื้อถึงแก่กรรมและผู้เช่าซื้อได้ระบุตัวทายาทผู้รับสิทธิในการเช่าซื้อไว้แล้วข้อสัญญาดังกล่าวนี้เป็นข้อสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 ฉะนั้นเมื่อผู้เช่าซื้อถึงแก่กรรม และทายาทผู้รับสิทธิดังกล่าวได้แสดงเจตนาเข้าถือเอาประโยชน์จากสัญญานี้ต่อผู้ให้เช่าซื้อตามมาตรา 374 วรรค 2 แล้วสิทธิในการเช่าซื้อจึงตกเป็นของทายาทผู้รับสิทธิดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ตกเป็นมรดกของผู้ตายต่อไป
คู่สัญญาทำสัญญาเช่าซื้อโดยมีข้อสัญญาระบุว่า ให้ผู้เช่าซื้อระบุตัวทายาทผู้รับสิทธิในการเช่าซื้อแทนได้เมื่อผู้เช่าซื้อถึงแก่กรรมและผู้เช่าซื้อได้ระบุตัวทายาทผู้รับสิทธิในการเช่าซื้อไว้แล้วข้อสัญญาดังกล่าวนี้เป็นข้อสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 ฉะนั้นเมื่อผู้เช่าซื้อถึงแก่กรรม และทายาทผู้รับสิทธิดังกล่าวได้แสดงเจตนาเข้าถือเอาประโยชน์จากสัญญานี้ต่อผู้ให้เช่าซื้อตามมาตรา 374 วรรค 2 แล้วสิทธิในการเช่าซื้อจึงตกเป็นของทายาทผู้รับสิทธิดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ตกเป็นมรดกของผู้ตายต่อไป