คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 197

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 237 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4631/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และการคิดดอกเบี้ยจากค่าสินไหมทดแทน
จำเลยที่ 3 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้จากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา และจำเลยที่ 3 มิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 และกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ดังนั้นจำเลยที่ 3 จะฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจากจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์นั้นไม่ได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ผู้รับประกันภัยฟ้องจำเลยผู้ทำละเมิดให้รับผิดต่อโจทก์ในฐานะโจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 สิทธิของโจทก์ย่อมเกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่โจทก์ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นต้นไปโดยมิต้องบอกกล่าว จึงชอบที่จะคิดดอกเบี้ยได้นับแต่วันที่โจทก์ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นต้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4631/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการขับรถประมาทและการรับประกันภัย การคิดดอกเบี้ยจากค่าสินไหมทดแทน
จำเลยที่ 3 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุไว้จากจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1ที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา และจำเลยที่ 3มิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 และกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ดังนั้นจำเลยที่ 3 จะฎีกาว่า จำเลยที่ 2ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจากจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์นั้นไม่ได้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ผู้รับประกันภัยฟ้องจำเลยผู้ทำละเมิดให้รับผิดต่อโจทก์ในฐานะโจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 880 สิทธิของโจทก์ย่อมเกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่โจทก์ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นต้นไปโดยมิต้องบอกกล่าว จึงชอบที่จะคิดดอกเบี้ยได้นับแต่วันที่โจทก์ชำระค่าสินไหมทดแทนเป็นต้นไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4626-4629/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกที่ถูกต้องตามกฎหมายและการเลื่อนคดีเมื่อจำเลยขาดทนาย
เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ที่บ้านจำเลยที่ 3 ขณะที่จำเลยทั้งสี่กำลังช่วยกันปลูกบ้านจำเลยที่ 3 อยู่ เมื่อจำเลยทั้งสี่ไม่ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง เจ้าพนักงานศาลจึงได้ส่งโดยวิธีวางหมายต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจ ณ ที่นั้น โดยจำเลยทั้งสี่มีบ้านอยู่ติดกัน แม้เป็นคนละแห่งกับภูมิลำเนาของจำเลยที่ปรากฏในคำฟ้อง ก็เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาหลายแห่ง ถือได้ว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีการวางหมายถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยทั้งสี่มิได้ยื่นคำให้การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงเป็นการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์และนัดสอบถามเรื่องทนายจำเลยขอถอนตน ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จโดยมิได้สอบถามจำเลยถึงการถอนตนของทนายความ จำเลยจึงยังไม่ได้หาทนายใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนาย การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงมีเหตุผลอันสมควร ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตเลื่อนคดี ศาลฎีกาย่อมให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานโจทก์ใหม่โดยให้โอกาสจำเลยถามค้านพยานโจทก์ แล้วจึงสืบจำเลยทั้งสี่ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4626-4629/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกที่ชอบด้วยกฎหมายและการเลื่อนคดีเพื่อหาทนายใหม่
เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ที่บ้านจำเลยที่ 3 ขณะที่จำเลยทั้งสี่กำลังช่วยกันปลูกบ้านจำเลยที่ 3 อยู่ เมื่อจำเลยทั้งสี่ไม่ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง เจ้าพนักงานศาลจึงได้ส่งโดยวิธีวางหมายต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจ ณ ที่นั้น โดยจำเลยทั้งสี่มีบ้านอยู่ติดกัน แม้เป็นคนละแห่งกับภูมิลำเนาของจำเลยที่ปรากฏในคำฟ้อง ก็เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาหลายแห่ง ถือได้ว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีการวางหมายถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยทั้งสี่มิได้ยื่นคำให้การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงเป็นการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์และนัดสอบถามเรื่องทนายจำเลยขอถอนตน ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จโดยมิได้สอบถามจำเลยถึงการถอนตนของทนายความ จำเลยจึงยังไม่ได้หาทนายใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนาย การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงมีเหตุผลอันสมควร ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตเลื่อนคดี ศาลฎีกาย่อมให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานโจทก์ใหม่โดยให้โอกาสจำเลยถามค้านพยานโจทก์ แล้วจึงสืบจำเลยทั้งสี่ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2867/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมาย การถึงศาลกับถึงห้องพิจารณา
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์เวลา 8.30 นาฬิกา โจทก์ทราบนัดแล้วศาลออกนั่งพิจารณาเวลา 8.45 นาฬิกา ไม่ปรากฏต่อศาลในขณะนั้นว่าโจทก์มาถึงศาลแล้วหรือร้องขอเลื่อนคดี หรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งจำหน่ายคดี การที่ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาให้ยกฟ้องแล้วมีคำสั่งใหม่ว่าให้จำหน่ายคดี จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
การถึงที่ทำการของศาลกับการถึงห้องพิจารณาคดีนั้นต่างกันแม้โจทก์ไปถึงศาลก่อนเวลาแต่ไม่เข้าห้องพิจารณาก็ถือได้ว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 มิได้บังคับให้ศาลต้องสอบถามจำเลย เป็นเรื่องที่จำเลยต้องแจ้งต่อศาลว่าตนตั้งใจจะดำเนินการพิจารณาต่อไป จำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเพื่อจะได้มีโอกาสซักค้านพยานโจทก์เป็นคนละกรณีกับการตั้งใจจะให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2225/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การ: หลักฐานรายงานเจ้าพนักงานศาลมีน้ำหนักกว่าคำกล่าวอ้างที่ไม่โต้แย้ง
การที่จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายหลังวันที่เจ้าพนักงานศาลผู้ส่งหมายระบุไว้ในรายงาน โดยมิได้โต้แย้งคัดค้านหรือให้เหตุผลว่ารายงานดังกล่าวขัดต่อความเป็นจริงหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใดนั้นเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ปราศจากเหตุผลอ้างอิงที่อาจจะหักล้างหลักฐานรายงานของเจ้าพนักงานศาลได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเพื่อรับคำให้การไว้พิจารณาต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2225/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การ: หลักฐานรายงานเจ้าพนักงานศาลมีน้ำหนักกว่าคำกล่าวอ้างของจำเลยที่ไม่โต้แย้งความถูกต้อง
การที่จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องภายหลังวันที่เจ้าพนักงานศาลผู้ส่งหมายระบุไว้ในรายงาน โดยมิได้โต้แย้งคัดค้านหรือให้เหตุผลว่ารายงานดังกล่าวขัดต่อความเป็นจริงหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใดนั้นเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ปราศจากเหตุผลอ้างอิงที่อาจจะหักล้างหลักฐานรายงานของเจ้าพนักงานศาลได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเพื่อรับคำให้การไว้พิจารณาต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาหลายแห่ง การส่งหมายที่ชอบด้วยกฎหมาย และผลของการขาดนัดยื่นคำให้การ/ขาดนัดพิจารณา
จำเลยอ้างว่ามีภูมลำเนาอยู่ ณ บ้านที่ปรากฏตามสำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งไม่ใช่บ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง แต่ตามนามบัตรที่จำเลยพิมพ์ไว้ใช้เองระบุว่าบ้านตามสำเนาทะเบียนบ้านเป็นสำนักงานของจำเลยและบ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัย ทั้งเมื่อพนักงานเดินหมายนำส่งหมายต่าง ๆ ให้แก่จำเลยที่บ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาในคำฟ้อง แม้บุคคลในบ้านไม่ยอมรับหมายไว้แทนจนต้องปิดหมายไว้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ ดังนั้นจึงถือได้ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่ง ซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไป บ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องเป็นภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของจำเลย พนักงานเดินหมายนำส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้อง และหมายนัดสืบพยานโจทก์ตามคำสั่งศาลชอบแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และไม่ไปศาลในวันสืบพยาน ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาหลายแห่ง, การส่งหมาย, ขาดนัดยื่นคำให้การ, ขาดนัดพิจารณา, ไม่มีสิทธิขอพิจารณาใหม่
จำเลยอ้างว่ามีภูมลำเนาอยู่ ณ บ้านที่ปรากฏตามสำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งไม่ใช่บ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง แต่ตามนามบัตรที่จำเลยพิมพ์ไว้ใช้เองระบุว่าบ้านตามสำเนาทะเบียนบ้านเป็นสำนักงานของจำเลยและบ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัย ทั้งเมื่อพนักงานเดินหมายนำส่งหมายต่าง ๆ ให้แก่จำเลยที่บ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาในคำฟ้อง แม้บุคคลในบ้านไม่ยอมรับหมายไว้แทนจนต้องปิดหมายไว้แต่ก็ไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ ดังนั้นจึงถือได้ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่ง ซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไป บ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องเป็นภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของจำเลย พนักงานเดินหมายนำส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้อง และหมายนัดสืบพยานโจทก์ตามคำสั่งศาลชอบแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและไม่ไปศาลในวันสืบพยาน ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและการปฏิบัติตามหน้าที่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่จำเลยซึ่งมิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตให้ยื่นคำให้การและศาลสั่งไต่สวนคำร้องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องระหว่างศาลกับจำเลย และมิใช่เหตุที่จะทำให้โจทก์ได้รับยกเว้นหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ในอันที่จะต้องมีคำขอต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทั้งโจทก์จะถือว่าระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลงในวันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การไม่ได้
of 24