พบผลลัพธ์ทั้งหมด 94 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944-945/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าอาวาสฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ธรณีสงฆ์ และสิทธิวัดในการถือครองที่ดิน
เจ้าอาวาสมีอำนาจมอบฉันทะให้ไวยาวัจกร ฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ธรณีสงฆ์ของวัดได้ ตาม พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 2484 มาตรา 43
วัดเป็นนิติบุคคลตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา72 มีสิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคลธรรมดาตาม มาตรา 70 และ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 2484 มาตรา 40 วัดก็ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้และวัดอาจได้ที่ดินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1382(อ้างฎีกา 1253/2481)
วัดฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ธรณีสงฆ์ข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่านายอำเภอและชาวบ้านได้เอาที่รกร้างว่างเปล่านั้นถวายวัดเพื่อทำเป็นป่าช้า แล้วนายอำเภอกับพวกได้เอาป่าช้าเดิมของวัดปลูกที่ว่าการอำเภอ โรงเรียน ตลาดดั่งนี้ คดีไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยถึงว่า นายอำเภอเอาที่ป่าช้าของวัดไปสร้างที่ว่าการอำเภอนั้นจะเป็นการชอบหรือไม่และการที่นายอำเภอเอาที่พิพาทไปถวายวัดนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนที่ชอบหรือไม่
วัดเป็นนิติบุคคลตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา72 มีสิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคลธรรมดาตาม มาตรา 70 และ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 2484 มาตรา 40 วัดก็ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้และวัดอาจได้ที่ดินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1382(อ้างฎีกา 1253/2481)
วัดฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ธรณีสงฆ์ข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่านายอำเภอและชาวบ้านได้เอาที่รกร้างว่างเปล่านั้นถวายวัดเพื่อทำเป็นป่าช้า แล้วนายอำเภอกับพวกได้เอาป่าช้าเดิมของวัดปลูกที่ว่าการอำเภอ โรงเรียน ตลาดดั่งนี้ คดีไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยถึงว่า นายอำเภอเอาที่ป่าช้าของวัดไปสร้างที่ว่าการอำเภอนั้นจะเป็นการชอบหรือไม่และการที่นายอำเภอเอาที่พิพาทไปถวายวัดนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนที่ชอบหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944-945/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ธรณีสงฆ์ของวัด และการได้มาซึ่งที่ดินของวัดโดยการครอบครอง
เจ้าอาวาสมีอำนาจมอบฉันทะให้ไวยาจักร ฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ธรณีสงฆ์ของวัดได้ ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2484 มาตรา 43
วัดเป็นนิติบุคคลตามป.พ.พ.ม. 72 มีสิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคลธรรมดาตาม ม.70 และ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2484 ม.40 วัดก็ถือกรรมสิทธิที่ดินได้ และวัดอาจได้ที่ดินตาม ป.พ.พ.ม. 1382 ( อ้างฎีกาที่ 1253/2481 )
วัดฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ธรณีสงฆ์ข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่า นายอำเภอและชาวบ้านได้เอาที่รกร้างว่างเปล่านั้นถวายวัดเพื่อทำเป็นป่าช้า แล้วนายอำเภอกับพวกได้เอาป่าช้าเดิมของวัดปลูกที่ว่าการอำเภอ โรงเรียน ตลาด ดั่งนี้ คดีไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยถึงว่า นายอำเภอเอาที่ป้าช้าของวัดไปสร้างที่ว่าการอำเภอนั้น จะเป็นการชอบหรือไม่ และการที่นายอำเภอเอาที่พิพาทไปถวายวัดนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนที่ชอบหรือไม่
วัดเป็นนิติบุคคลตามป.พ.พ.ม. 72 มีสิทธิและหน้าที่เหมือนบุคคลธรรมดาตาม ม.70 และ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2484 ม.40 วัดก็ถือกรรมสิทธิที่ดินได้ และวัดอาจได้ที่ดินตาม ป.พ.พ.ม. 1382 ( อ้างฎีกาที่ 1253/2481 )
วัดฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ธรณีสงฆ์ข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่า นายอำเภอและชาวบ้านได้เอาที่รกร้างว่างเปล่านั้นถวายวัดเพื่อทำเป็นป่าช้า แล้วนายอำเภอกับพวกได้เอาป่าช้าเดิมของวัดปลูกที่ว่าการอำเภอ โรงเรียน ตลาด ดั่งนี้ คดีไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยถึงว่า นายอำเภอเอาที่ป้าช้าของวัดไปสร้างที่ว่าการอำเภอนั้น จะเป็นการชอบหรือไม่ และการที่นายอำเภอเอาที่พิพาทไปถวายวัดนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนที่ชอบหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอคืนที่ดินเวนคืน หากไม่ตกลงค่าทำขวัญภายใน 5 ปี และที่ดินไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์
ที่ดินที่ถูกเวนคืนตาม พ.ร.บ.เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ นั้นเมื่อไม่มีการตกลงเรื่องค่าทำขวัญภายใน 5 ปี โดยมิใช่ความผิดของเจ้าของที่ดิน และทางฝ่ายรัฐบาลก็ยังไม่ได้เคยใช้ หรือกำลังใช้ที่ดินนั้นตามความประสงค์ในการเวนคืนนั้นแล้ว เจ้าของที่ดินนั้นย่อยมีสิทธิได้รับคืนที่ดินนั้น
ที่ดินถูกเวนคืนตาม พ.ร.บ.เวนคืนอหังหาริมทรัพย์ ฯลฯ หลายเจ้าของด้วยกัน ถ้าที่ดินของใครมิได้ถูกใช้หรือถูกใช้แต่บางส่วน ก็ยังของคืนส่วนที่เหลือได้
การฟ้องนิติบุคคลเป็นจำเลยนั้นโจทก์เพียงแต่ระบุชื่อนิติบุคคลเป็นจำเลย ไม่ระบุชื่อบุคคลผู้แทนนิติบุคคลมาด้วย ก็ย่อมใช้ได้ เพราะนิติบุคคลย่อมมีผู้ดำเนินการอยู่ในตัวตามกฏหมาย
ที่ดินถูกเวนคืนตาม พ.ร.บ.เวนคืนอหังหาริมทรัพย์ ฯลฯ หลายเจ้าของด้วยกัน ถ้าที่ดินของใครมิได้ถูกใช้หรือถูกใช้แต่บางส่วน ก็ยังของคืนส่วนที่เหลือได้
การฟ้องนิติบุคคลเป็นจำเลยนั้นโจทก์เพียงแต่ระบุชื่อนิติบุคคลเป็นจำเลย ไม่ระบุชื่อบุคคลผู้แทนนิติบุคคลมาด้วย ก็ย่อมใช้ได้ เพราะนิติบุคคลย่อมมีผู้ดำเนินการอยู่ในตัวตามกฏหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1525/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอคืนที่ดินเวนคืน หากไม่ถูกใช้ประโยชน์ภายใน 5 ปี และการฟ้องนิติบุคคล
ที่ดินที่ถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯนั้น เมื่อไม่มีการตกลงเรื่องค่าทำขวัญภายใน 5 ปีโดยมิใช่ความผิดของเจ้าของที่ดิน และทางฝ่ายรัฐบาลก็ยังไม่ได้เคยใช้ หรือกำลังใช้ที่ดินนั้นตามความประสงค์ในการเวนคืนนั้นแล้ว เจ้าของที่ดินนั้นย่อมมีสิทธิได้รับคืนที่ดินนั้น
ที่ดินถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ หลายเจ้าของด้วยกัน ถ้าที่ดินของใครมิได้ถูกใช้หรือถูกใช้แต่บางส่วน ก็ยังขอคืนส่วนที่เหลือได้
การฟ้องนิติบุคคลเป็นจำเลยนั้นโจทก์เพียงแต่ระบุชื่อนิติบุคคลเป็นจำเลย ไม่ระบุชื่อบุคคลผู้แทนนิติบุคคลมาด้วย ก็ย่อมใช้ได้ เพราะนิติบุคคลย่อมมีผู้ดำเนินการอยู่ในตัวตามกฎหมาย
ที่ดินถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ หลายเจ้าของด้วยกัน ถ้าที่ดินของใครมิได้ถูกใช้หรือถูกใช้แต่บางส่วน ก็ยังขอคืนส่วนที่เหลือได้
การฟ้องนิติบุคคลเป็นจำเลยนั้นโจทก์เพียงแต่ระบุชื่อนิติบุคคลเป็นจำเลย ไม่ระบุชื่อบุคคลผู้แทนนิติบุคคลมาด้วย ก็ย่อมใช้ได้ เพราะนิติบุคคลย่อมมีผู้ดำเนินการอยู่ในตัวตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดชอบของกระทรวงกลาโหมต่อความเสียหายจากคำสั่งมอบหมายหน้าที่ให้ผู้อื่น
กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้เสนาธิการทหาร และข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นผู้อำนวยการรับรองเลี้ยงดูทหารสัมพันธมิตรส่วนภูมิภาค เมื่อเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดได้ปฏิบัติการไปตามหน้าที่แล้ว เกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่บุคคลอื่นขึ้น กระทรวงกลาโหมก็ต้องรับผิดชอบตามความในป.ม.แพ่งฯ มาตรา 76 วรรคต้น ส่วนเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดไม่ต้องรับผิดชอบ ตามนัยของวรรค 2 แห่งมาตรา 76 นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของกระทรวงกลาโหมต่อความเสียหายจากหน้าที่ของเสนาธิการและข้าหลวง
กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้เสนาธิการทหาร และข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นผู้อำนวยการรับรองเลี้ยงดูทหารสัมพันธมิตรส่วนภูมิภาคเมื่อเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดได้ปฏิบัติการไปตามหน้าที่แล้ว เกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่บุคคลอื่นขึ้นกระทรวงกลาโหมก็ต้องรับผิดชอบตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 วรรคต้น ส่วนเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดไม่ต้องรับผิดชอบตามนัยของวรรคสอง แห่งมาตรา 76 นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาของนิติบุคคล: กรรมการ/ผู้จัดการไม่ต้องรับผิดหากบริษัทกระทำผิดเอง
บริษัทจำกัดมีลวดเก็บไว้ในโกดังของบริษัท โดยมีแขกยามเฝ้ารักษา ย่อมถือว่าลวดอยู่ในความครอบครองของบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคล เมื่อไม่มีการแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯลฯ ในกรณีเช่นนี้ต้องถือว่า บริษัทเป็นผู้กระทำผิดกรรมการหรือผู้จัดการไม่มีความผิดเป็นส่วนตัว
ข้อเท็จจริงได้ความไม่ตรงกับที่บรรยายฟ้องหรือไม่นำสืบให้สมฟ้อง ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยในเรื่องของกลางและเรื่องจ่ายเงินรางวัล ให้คืนของกลางไป
ข้อเท็จจริงได้ความไม่ตรงกับที่บรรยายฟ้องหรือไม่นำสืบให้สมฟ้อง ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยในเรื่องของกลางและเรื่องจ่ายเงินรางวัล ให้คืนของกลางไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของกระทรวงพาณิชย์เมื่อทำสัญญาผ่านองค์การจัดซื้อฯ ที่ไม่ใช่ นิติบุคคล
กระทรวงพาณิชย์สั่งให้ผู้อำนวยการองค์การจัดซื้อสิ่งของ ๆ จัดหาช่างทำเคียว จำเลยประมูลได้กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งผู้อำนวยการองค์การนี้เป็นตัวแทนกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการในเรื่องนี้ ต่อไปได้ ผู้อำนวยการจึงทำสัญญากับจำเลยโดย "องค์การจัดซื้อสิ่งของ ๆ กระทรวงพาณิชย์" กับจำเลยและผู้อำนวยการองค์การเป็นผู้ลงนามในช่องผู้จ้าง ดังนี้เมื่อองค์การจัดซื้อสิ่งของไม่ใช่นิติบุคคล ก็ต้องถือว่าผู้อำนวยการทำสัญญาในฐานะเป็นตัวแทนกระทรวงพาณิชย์
การที่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยทำเคียวเกี่ยวข้าวนั้นไม่เป็นการค้าอันเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของกระทรวง พาณิชย์ดังเช่น การรับจ้างขนส่งน้ำตาล ตามที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 950/2491 และจำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าอยู่นอกวัตถุประสงค์ฉะนั้นเพียงแต่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยเช่นนี้ จะว่าเป็นการกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้ ถ้าจำเลยผิดสัญญา กระทรวงพาณิชย์ก็มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
การที่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยทำเคียวเกี่ยวข้าวนั้นไม่เป็นการค้าอันเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของกระทรวง พาณิชย์ดังเช่น การรับจ้างขนส่งน้ำตาล ตามที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 950/2491 และจำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าอยู่นอกวัตถุประสงค์ฉะนั้นเพียงแต่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยเช่นนี้ จะว่าเป็นการกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้ ถ้าจำเลยผิดสัญญา กระทรวงพาณิชย์ก็มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของกระทรวงพาณิชย์ในสัญญาที่ทำโดยองค์การจัดซื้อฯ ที่มิได้มีฐานะเป็นนิติบุคคล
กระทรวงพาณิชย์สั่งให้ผู้อำนวยการองค์การจัดซื้อสิ่งของ จัดหาช่างทำเคียว จำเลยประมูลได้ กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งผู้อำนวยการองค์การนี้ เป็นตัวแทนกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปได้ ผู้อำนวยการจึงทำสัญญากับจำเลยโดย "องค์การจัดซื้อสิ่งของๆ กระทรวงพาณิชย์" กับจำเลยและผู้อำนวยการองค์การเป็นผู้ลงนามในช่องผู้จ้าง ดังนี้ เมื่อองค์การจัดซื้อสิ่งของไม่ใช่นิติบุคคลก็ต้องถือว่าผู้อำนวยการองค์การทำสัญญาในฐานะเป็นตัวแทนกระทรวงพาณิชย์
การที่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยทำเคียวเกี่ยวข้าวนั้นไม่เป็นการแจ้งชัดในตัวว่าเป็นการค้าอันเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของกระทรวงพาณิชย์ ดังเช่น การรับจ้างขนส่งน้ำตาลตามที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 950/2491และจำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่า อยู่นอกวัตถุประสงค์ ฉะนั้นเพียงแต่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยเช่นนี้ จะว่าเป็นการกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้ ถ้าจำเลยผิดสัญญา กระทรวงพาณิชย์ก็มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
การที่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยทำเคียวเกี่ยวข้าวนั้นไม่เป็นการแจ้งชัดในตัวว่าเป็นการค้าอันเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของกระทรวงพาณิชย์ ดังเช่น การรับจ้างขนส่งน้ำตาลตามที่ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ 950/2491และจำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่า อยู่นอกวัตถุประสงค์ ฉะนั้นเพียงแต่กระทรวงพาณิชย์จ้างจำเลยเช่นนี้ จะว่าเป็นการกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์กระทรวงพาณิชย์ยังไม่ได้ ถ้าจำเลยผิดสัญญา กระทรวงพาณิชย์ก็มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 538/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของนายกเทศมนตรี และผลของการสิ้นสุดสัญญาเช่า
เทศบาลเป็นนิติบุคคลนายกเทศมนตรีมีอำนาจฟ้องคดีซึ่งเทศบาลเป็นโจทก์ และลงชื่อแต่งทนายได้
สัญญาเช่าที่มีกำหนดเมื่อครบกำหนด สัญญาย่อมระงับโดยมิพักต้องบอกล่าวก่อน
สัญญาเช่าที่มีกำหนดเมื่อครบกำหนด สัญญาย่อมระงับโดยมิพักต้องบอกล่าวก่อน