พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5457/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ในการไม่อนุญาตถอนอุทธรณ์ และการพิจารณาคดีอาญาโดยยกประโยชน์แห่งความสงสัย
การถอนฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จะอนุญาตหรือไม่ประการใดแล้วแต่ ศาลอุทธรณ์จะพิจารณาเห็นสมควร ที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้จำเลย ถอนฟ้องอุทธรณ์นั้น เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะทำได้ (อ้างฎีกาที่775/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4093/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีจำเลยอื่น แม้จำเลยหนึ่งถอนอุทธรณ์ โดยอาศัยลักษณะคดีตามมาตรา 213
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ แต่ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 แล้ว ส่วนโจทก์มิได้อุทธรณ์ แม้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมเด็ดขาดเฉพาะจำเลยที่ 1 ผู้ถอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 202 ก็ตาม แต่ในการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานเดียวกัน ถ้าศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ลงโทษจำเลยที่ 2 และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์ยังมีอำนาจพิจารณาพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วยตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213บัญญัติให้อำนาจไว้
คำว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมเด็ดขาดเฉพาะผู้ถอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 202 หมายความเพียงว่าจำเลยที่ถอนอุทธรณ์แล้วจะยื่นอุทธรณ์อีกไม่ได้ หาได้ห้ามศาลอุทธรณ์ใช้อำนาจตามมาตรา 213 ไม่.
คำว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมเด็ดขาดเฉพาะผู้ถอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 202 หมายความเพียงว่าจำเลยที่ถอนอุทธรณ์แล้วจะยื่นอุทธรณ์อีกไม่ได้ หาได้ห้ามศาลอุทธรณ์ใช้อำนาจตามมาตรา 213 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4093/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์ในการพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยถอนอุทธรณ์บางส่วน และการรับฟังพยานหลักฐาน
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอน อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดีเฉพาะ จำเลยที่ 1 โจทก์ไม่อุทธรณ์ คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเฉพาะ จำเลยที่ 1 ย่อมเด็ดขาดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 202หมายความว่า จำเลยที่ถอน อุทธรณ์แล้วจะยื่นอุทธรณ์อีกไม่ได้ แต่ในการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หากจำเลยผู้หนึ่งคัดค้านคำพิพากษาซึ่งให้ลงโทษจำเลยหลายคนในความผิดฐานเดียวกัน ถ้า ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ลงโทษจำเลยและเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ด้วยตามที่ ป.วิ.อ. มาตรา 213 บัญญัติให้อำนาจไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4093/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีจำเลยอื่น แม้จำเลยหนึ่งถอนอุทธรณ์ โดยอาศัยเหตุในลักษณะคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 จำเลยทั้งสองอุทธรณ์แต่ต่อมาจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตและให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 แล้ว ส่วนโจทก์มิได้อุทธรณ์ แม้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมเด็ดขาดเฉพาะจำเลยที่ 1 ผู้ถอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 202ก็ตาม แต่ในการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานเดียวกัน ถ้าศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ลงโทษจำเลยที่ 2 และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์ยังมีอำนาจพิจารณาพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วยตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213บัญญัติให้อำนาจไว้
คำว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมเด็ดขาดเฉพาะผู้ถอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 202 หมายความเพียงว่าจำเลยที่ถอนอุทธรณ์แล้วจะยื่นอุทธรณ์อีกไม่ได้ หาได้ห้ามศาลอุทธรณ์ใช้อำนาจตามมาตรา213 ไม่.
คำว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นย่อมเด็ดขาดเฉพาะผู้ถอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 202 หมายความเพียงว่าจำเลยที่ถอนอุทธรณ์แล้วจะยื่นอุทธรณ์อีกไม่ได้ หาได้ห้ามศาลอุทธรณ์ใช้อำนาจตามมาตรา213 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3183/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาที่ยอมความได้ และผลกระทบต่อคดีแพ่ง
โจทก์ฟ้องจำเลยว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา341ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้กับขอให้จำเลยชำระเงินคืนเมื่อโจทก์ขอถอนฟ้องและจำเลยไม่คัดค้านสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(2)สำหรับคดีส่วนแพ่งศาลฎีกาไม่อาจอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องในชั้นฎีกาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1339/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาในชั้นฎีกาหลังตกลงกันได้ คดีความผิดต่อส่วนตัว
คดีความผิดต่อส่วนตัวซึ่งศาลชั้นต้นลงโทษจำเลย โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์แล้วทั้งสองฝ่ายขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตและจำหน่ายคดี โจทก์จำเลยฎีกาว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ตรงตามความประสงค์เพราะคำสั่งนั้นมีผลให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นยังคงอยู่ โจทก์จำเลยประสงค์เลิกคดีกัน และโจทก์ฎีกาขอให้มีคำสั่งให้โจทก์ถอนฟ้องด้วยดังนี้ ศาลฎีกาอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ โดยถือว่าโจทก์ขอถอนฟ้องคดีนี้ในชั้นฎีกาซึ่งจำเลยไม่คัดค้าน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบสวนของคณะปฏิวัติมีอำนาจตามกฎหมายหรือไม่ และการหักเงินจากผู้รับเหมาเข้าลักษณะความผิดอาญาอย่างไร
สมุห์บัญชีและพนักงานเทศบาลผู้มีหน้าที่ตรวจและควบคุมงานจ้างหักเงินที่จ่ายแก่ผู้รับเหมาไว้ร้อยละ 10 แบ่งกัน เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149
ประกาศคณะปฏิวัติเป็นกฎหมาย ผู้ได้รับอำนาจสอบสวนตามประกาศทำการสอบสวนแล้ว อัยการฟ้องได้
จำเลยที่ 5 ถอนอุทธรณ์ก่อนส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตและออกหมายแจ้งโทษเด็ดขาดแล้วจำเลยอื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 5 คนเดียวไม่ชอบ ให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ประกาศคณะปฏิวัติเป็นกฎหมาย ผู้ได้รับอำนาจสอบสวนตามประกาศทำการสอบสวนแล้ว อัยการฟ้องได้
จำเลยที่ 5 ถอนอุทธรณ์ก่อนส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตและออกหมายแจ้งโทษเด็ดขาดแล้วจำเลยอื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 5 คนเดียวไม่ชอบ ให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2248/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ศาลเมื่อจำเลยถอนอุทธรณ์: ต้องส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต จำเลยฝ่ายเดียวยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้แล้ว ต่อมาก่อนที่ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์จำเลยได้ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนอุทธรณ์ได้ ดังนี้ ศาลชั้นต้นยังมีหน้าที่ต้องส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245วรรคสอง และปัญหาข้อนี้แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2518)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2248/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ศาลชั้นต้นส่งสำนวนคดีอาญาหลังจำเลยถอนอุทธรณ์ แม้ไม่มีการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต จำเลยฝ่ายเดียวยื่นอุทธรณ์ คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้แล้ว ต่อมาก่อนที่ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์จำเลยได้ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยถอนอุทธรณ์ได้ ดังนี้ ศาลชั้นต้นยังมีหน้าที่ต้องส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง และปัญหาข้อนี้แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2518)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์เฉพาะกระทง ศาลยกฟ้องเฉพาะกระทงที่อุทธรณ์ กระทงที่ไม่ได้รับการอุทธรณ์คำพิพากษาเดิมยังคงมีผล
ศาลลงโทษจำเลย 2 กระทง จำเลยอุทธรณ์กระทงเดียวศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องกระทงที่ไม่มีอุทธรณ์ไม่ได้