คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 201

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 151 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อจำเลยไม่ติดใจดำเนินคดี
โจทก์ทราบนัดแล้วไม่มาศาลในวันเวลานัดสืบพยานโจทก์ โดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ถือได้ว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาตามบทบัญญัติมาตรา 197 วรรค 2 แห่ง ป.วิ.พ.เมื่อจำเลยมิได้ขอให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ศาลชั้นต้นย่อมต้องสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสียจากสารบบความ ตามมาตรา 201 ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดที่ผิดระเบียบ จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องของโจทก์เพราะไม่มีการพิจารณาที่ผิดระเบียบอย่างใดที่จะต้องเพิกถอน ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอไต่สวนของโจทก์จึงชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ โดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนคดี
ศาลนัดสืบพยานโจทก์เวลา 9 นาฬิกา และรอโจทก์อยู่จนถึงเวลา 9.35 นาฬิกา โจทก์และพยานโจทก์ก็ยังไม่มาศาลโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ การที่ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและสั่งจำหน่ายคดีจึงมิได้เป็นการเข้าใจผิด เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสองบัญญัติว่าเมื่อโจทก์ไม่มาศาลโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ไม่ว่าจะเป็นประการใด ถือได้ว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา เมื่อจำเลยมิได้ขอให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป การที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสียจากสารบบความจึงมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดที่ผิดระเบียบ ที่ศาลยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่ว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและสั่งจำหน่ายคดีโดยไม่ไต่สวนคำ ร้องชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3933/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลต้องไต่สวนเพื่อวินิจฉัยเหตุผลที่แท้จริง
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยไม่ติดใจสืบพยานศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษาก่อนถึงวันนัดฟังคำพิพากษา1วันโจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณาดังนี้การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียวศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา205วรรคสองให้ได้ความว่าการขาดนัดของโจทก์เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควรหรือไม่การที่ศาลชั้นต้นไม่ทำการไต่สวนแต่มีคำสั่งว่าให้โจทก์ยื่นคำร้องเข้ามาเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนก็เป็นการไม่ชอบศาลฎีกาจึงต้องพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3933/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลต้องไต่สวนเหตุผลก่อนมีคำสั่งตัดสิน
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษา ก่อนถึงวันนัดฟังคำพิพากษา 1 วัน โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณา ดังนี้การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง ให้ได้ความว่าการขาดนัดของโจทก์เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควรหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นไม่ทำการไต่สวนแต่มีคำสั่งว่าให้โจทก์ยื่นคำร้องเข้ามาเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงต้องพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์ แล้วมีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3933/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการไต่สวนเหตุผล ศาลต้องพิจารณาเหตุผลการขาดนัดก่อนมีคำพิพากษา
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณาและนัดฟังคำพิพากษา ก่อนถึงวันนัดฟังคำพิพากษา 1 วัน โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณา ดังนี้การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง ให้ได้ความว่าการขาดนัดของโจทก์เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควรหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นไม่ทำการไต่สวนแต่มีคำสั่งว่า ให้โจทก์ยื่นคำร้องเข้ามาเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตาม บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงต้องพิพากษายก คำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้อง ของโจทก์ แล้วมีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่มาศาลของโจทก์ในวันนัดสืบพยาน ถือเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
การที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์หลังจากที่ได้สืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วนั้นศาลชอบที่จะยกฟ้องโจทก์ได้ตามป.วิ.อ.มาตรา166ประกอบมาตรา181เพราะไม่ว่าจะเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์นัดใดโจทก์ย่อมมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติต่อศาลคือนำพยานเข้าสืบอีกหากไม่ติดใจสืบก็ต้องแถลงให้ศาลทราบและการที่โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดนี้ป.วิ.อ.ได้บัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้วว่าให้ศาลยกฟ้องเสียจะนำป.วิ.พ.เรื่องการพิจารณาโดยขาดนัดมาอนุโลมใช้บังคับหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 634/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณา & ผลกระทบต่อการดำเนินคดี: ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำสั่งจำหน่ายคดีตามความประสงค์จำเลย
ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน และโจทก์ทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโดยชอบแล้ว การที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ถือได้ว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา ปกติศาลย่อมมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ แต่คดีนี้เมื่อศาลสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา แล้วสอบถามจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 แถลงขอให้ยกฟ้องย่อมมีความหมายว่าจำเลยที่ 2 ประสงค์ให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคสองการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความจึงเป็นการไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้จำหน่ายคดีแล้วให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1997/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสั่งคืนค่าธรรมเนียมเมื่อโจทก์ขาดนัด – ศาลมีอำนาจแก้ไขคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ขาดนัดพิจารณาเป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201ประกอบด้วยมาตรา 132 ซึ่งมิได้เป็นบทบังคับให้ต้องสั่งคืนค่าธรรมเนียมเช่นบทบัญญัติในมาตรา 151 การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้คืนค่าฤชาธรรมเนียมตามระเบียบ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาศาลชั้นต้นย่อมใช้อำนาจตามมาตรา 27 เพิกถอนคำสั่งเดิมและสั่งใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แม้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ไว้ ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการเสียเวลา
คดีโจทก์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์อ้างเหตุว่า โจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์ภายใน 10 วันศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์อุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดแล้วจึงให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์มุ่งผลขอให้มีการสืบพยานโจทก์ต่อไปเท่านั้น จึงไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของโจทก์และเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายที่ไร้สาระไม่สมควรที่ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีที่ขัดต่อข้อห้ามตามกฎหมาย และอุทธรณ์ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
คดีโจทก์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์อ้างเหตุว่า โจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์ภายใน 10 วัน ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์อุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดแล้วจึงให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์มุ่งผลขอให้มีการสืบพยานโจทก์ต่อไปเท่านั้น จึงไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของโจทก์และเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายที่ไร้สาระ ไม่สมควรที่ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้
of 16