พบผลลัพธ์ทั้งหมด 406 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงตาม พ.ร.บ.ศาลแขวงฯ พ.ศ.2499: บทบาทผู้ว่าคดีและอัยการ
คดีเกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ใช้บังคับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 ส่วนพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2503 ยังมิได้ออกใช้บังคับ เมื่อผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงธนบุรี ศาลแขวงธนบุรีไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่า คดีมีมูลฐานวิ่งราวทรัพย์(ซึ่งอยู่ในอำนาจศาลอาญา) และให้ประทับฟ้องไว้ อัยการได้รับสำนวนจากศาลแขวงธนบุรีและพิจารณาแล้วสั่งไม่ฟ้องฐานวิ่งราวคงสั่งฟ้องฐานลักทรัพย์ (ซึ่งเป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวง) เช่นนี้เมื่ออัยการฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์ต่อศาลอาญาศาลอาญาจำต้องรับคดีนี้ไว้พิจารณา (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2503)
ความในพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(2) ที่ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลจังหวัดที่จะไม่ยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีที่เกิดขึ้นในศาลแขวงและอยู่ในอำนาจของศาลแขวงนั้น ใช้ได้แต่ในระบบที่ศาลแขวงมิได้เป็นศาลไต่สวนความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้น
นอกจากราษฎรฟ้องกันเองแล้วย่อมเป็นหน้าที่ของผู้ว่าคดีตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 เท่านั้นที่จะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีในศาลแขวงตามพระราชบัญญัตินี้ได้ อัยการหาอาจเป็นโจทก์ในศาลแขวงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 นี้ได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)
ความในพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(2) ที่ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลจังหวัดที่จะไม่ยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีที่เกิดขึ้นในศาลแขวงและอยู่ในอำนาจของศาลแขวงนั้น ใช้ได้แต่ในระบบที่ศาลแขวงมิได้เป็นศาลไต่สวนความผิดอาญาทั่วไปเท่านั้น
นอกจากราษฎรฟ้องกันเองแล้วย่อมเป็นหน้าที่ของผู้ว่าคดีตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 เท่านั้นที่จะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีในศาลแขวงตามพระราชบัญญัตินี้ได้ อัยการหาอาจเป็นโจทก์ในศาลแขวงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ.2499 นี้ได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องระงับเมื่อคดีเดียวกันถูกฟ้องและมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ผู้ว่าคดีได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงฯ ศาลแขวงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299 ผู้เสียหายได้มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 297 อีก ดังนี้เมื่อกรณีเป็นเรื่องเดียวกันและวาระเดียวกันสิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297,299 แม้มาตรา 297 ศาลแขวงจะไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาแต่ก็มีอำนาจไต่สวนมูลฟ้องอยู่ เมื่อปรากฏว่าโจทก์นำคดีที่ศาลพิพากษาแล้วมาฟ้องใหม่ ศาลก็ย่อมรับฟ้องของโจทก์ไว้มิได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297,299 แม้มาตรา 297 ศาลแขวงจะไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาแต่ก็มีอำนาจไต่สวนมูลฟ้องอยู่ เมื่อปรากฏว่าโจทก์นำคดีที่ศาลพิพากษาแล้วมาฟ้องใหม่ ศาลก็ย่อมรับฟ้องของโจทก์ไว้มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำซ้อนในความผิดเดียวกัน สิทธิฟ้องระงับตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ผู้ว่าคดีได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวง ฯ ศาลแขวงลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา299 ผู้เสียหายได้มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 297 อีก ดังนี้ เมื่อกรณีเป็นเรื่องเดียวกัน และวาระเดียวกันสิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 29 (4)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 299 แม้ มาตรา 297 ศาลแขวงจะไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา แต่ก็มีอำนาจไต่สวนมูลฟ้องอยู่ เมื่อปรากฏว่าโจทก์นำคดีที่ศาลพิพากษาแล้วมาฟ้องใหม่ ศาลก็ย่อมรับฟ้องของโจทก์ไว้มิได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 299 แม้ มาตรา 297 ศาลแขวงจะไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา แต่ก็มีอำนาจไต่สวนมูลฟ้องอยู่ เมื่อปรากฏว่าโจทก์นำคดีที่ศาลพิพากษาแล้วมาฟ้องใหม่ ศาลก็ย่อมรับฟ้องของโจทก์ไว้มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง การรื้อฟื้นคดีในประเด็นเคยต้องโทษขัดต่อกฎหมาย
ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง ย่อมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง
ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยรับว่า จำเลยเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องทุกครั้ง เมื่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และลงโทษกักกันจำเลยจนคดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาในปัญหาที่ว่า ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องมิใช่ใบแดงแจ้งโทษความผิดของจำเลยหาได้ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยรับว่า จำเลยเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องทุกครั้ง เมื่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และลงโทษกักกันจำเลยจนคดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาในปัญหาที่ว่า ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องมิใช่ใบแดงแจ้งโทษความผิดของจำเลยหาได้ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง การรื้อฟื้นคดีในประเด็นความถูกต้องของใบแดงแจ้งโทษจึงต้องห้ามตามกฎหมาย
ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง ย่อมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง
ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยรับว่า จำเลยรับว่าจำเลยเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องทุกครั้ง เมื่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และลงโทษกักกันจำเลยจนคดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาในปัญหาที่ว่า ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องมิใช่ใบแดงแจ้งโทษความผิดของจำเลยหาได้ไม่ ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4)
ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยรับว่า จำเลยรับว่าจำเลยเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องทุกครั้ง เมื่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และลงโทษกักกันจำเลยจนคดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยจะมาร้องขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาในปัญหาที่ว่า ใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้องมิใช่ใบแดงแจ้งโทษความผิดของจำเลยหาได้ไม่ ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในความผิดพยายามฆ่า: ศาลยกฟ้องแล้ว อัยการไม่มีสิทธิฟ้องอีก
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยพยายามฆ่าคน ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องไม่สมบูรณ์ เพราะมิกล่าวเวลาและสถานที่ซึ่งจำเลยกระทำผิด ศาลให้โจทก์แก้ฟ้องเสียให้ถูกต้อง โจทก์ยืนยันไม่แก้ ศาลมีคำสั่งให้ยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 161,185 ดังนี้ อัยการจะฟ้องจำเลยคนเดียวกันฐานพยายามฆ่าคนอีกไม่ได้ เพราะศาลได้ยกฟ้องเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ฟ้องแล้วตามมาตรา 39(4)(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในความผิดเดิม: ศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องไม่สมบูรณ์ อัยการไม่มีสิทธิฟ้องซ้ำ
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยพยายามฆ่าคน ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องไม่สมบูรณ์ เพราะมิกล่าวเวลาและสถานที่ซึ่งจำเลยกระทำผิด ศาลให้โจทก์แก้ฟ้องเสียให้ถูกต้อง โจทก์ยืนยันไม่แก้ ศาลมีคำสั่งให้ยกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 161, 185 ดังนี้ อัยการจะฟ้องจำเลยคนเดียวกันฐานพยายามฆ่าคนอีกไม่ได้ เพราะศาลได้ยกฟ้องเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ฟ้องแล้ว ตามมาตรา 39 (4)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2502)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยยังไม่มีฐานะเป็นจำเลย จึงไม่มีสิทธิฎีกาในชั้นนี้ เป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์
ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องว่าเป็นฟ้องซ้ำ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ไต่สวนต่อไป ดังนี้จำเลยจะฎีกายังไม่ได้ เพราะจำเลยยังไม่มีฐานะเป็นจำเลย เป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์เท่านั้น
(เทียบฎีกาที่ 1674/2494)
(เทียบฎีกาที่ 1674/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยยังไม่มีฐานะเป็นจำเลย จึงไม่มีสิทธิฎีกา จนกว่าศาลจะประทับฟ้อง
ในคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องว่าเป็นฟ้องซ้ำ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ไต่สวนต่อไป ดังนี้ จำเลยจะฎีกายังไม่ได้ เพราะจำเลยยังไม่มีฐานะเป็นจำเลย เป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์เท่านั้น (เทียบฎีกาที่ 1674/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1037/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดได้หลายฐาน: สิทธิฟ้องระงับเมื่อศาลตัดสินลงโทษไปแล้ว
บุตรผู้ตายเป็นผู้เสียหายฟ้องจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาไว้ก่อนแล้วอัยการฟ้องจำเลยฐานฆ่าคนโดยประมาทในมูลกรณีเดียวกัน ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปตามฟ้องอัยการ คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธิของผู้เสียหายที่ได้ฟ้องไว้แล้วย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 39(4)