คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 39 (4)

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 406 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งซ้ำและการฟ้องซ้ำในความผิดขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
เจ้าพนักงานมีคำสั่งให้จำเลยออกไปจากที่สาธารณประโยชน์จำเลยขัดขืนจนถูกฟ้องศาล ๆ ลงโทษไปแล้ว แต่จำเลยก็ยังคงไม่ยอมออกไปเจ้าพนักงานจะออกคำสั่งใหม่ให้จำเลยออกไปจากที่นั้นแล้วมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยอีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน กรณีจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมที่เคยถูกลงโทษแล้ว
เจ้าพนักงานมีคำสั่งให้จำเลยออกไปจากที่สาธารณประโยชน์จำเลยขัดขืนจนถูกฟ้องศาลๆ ลงโทษไปแล้ว แต่จำเลยก็ยังคงไม่ยอมออกไปเจ้าพนักงานจะออกคำสั่งใหม่ให้จำเลยออกไปจากที่นั้นแล้วมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยอีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดฐานยักย้ายและนำน้ำมันออกนอกประเทศถือเป็นกรรมเดียว ฟ้องซ้ำไม่ได้ตาม ป.วิ.อาญา ม.39(4)
การลักลอบขนน้ำมันออกจากสถานที่เก็บซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 ต่อเนื่องกับการลักลอบขนน้ำมันออกนอกประเทศไทย เมื่อโจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นความผิดสองสำนวนและความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควรศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว ส่วนอีกสำนวนหนึ่งคือฐานนำน้ำมันออกนอกประเทศซึ่งตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าการกระทำทั้งหลายของจำเลยตั้งแต่เริ่มยักย้ายก็ด้วยเจตนาอันเดียวที่จะนำออกนอกราชอาณาจักร จึงถือว่าการกระทำของจำเลยต้องด้วย ก.ม. หลายบทและไม่อาจแยกเป็นกะทงหนึ่งต่างหากได้ เมื่อจำเลยถูกลงโทษแล้ว ก็ลงโทษจำเลยอีกไม่ได้ ตาม ป.วิ.อาญา ม.39 (4) ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ - เจตนาเดียว - การยักย้ายน้ำมันเพื่อออกนอกประเทศ - ลงโทษซ้ำไม่ได้
การลักลอบขนน้ำมันออกจากสถานที่เก็บซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 ต่อเนื่องกับการลักลอบขนน้ำมันออกนอกประเทศไทย เมื่อโจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นความผิดสองสำนวน และความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว ส่วนอีกสำนวนหนึ่งคือฐานนำน้ำมันออกนอกประเทศ ซึ่งตามพฤติการณ์เห็นได้ว่าการกระทำทั้งหลายของจำเลยตั้งแต่เริ่มยักย้ายก็ด้วยเจตนาอันเดียวที่จะนำออกนอกราชอาณาจักร จึงถือว่าการกระทำของจำเลยต้องด้วย กฎหมายหลายบทและไม่อาจแยกเป็นกระทงหนึ่งต่างหากได้ เมื่อจำเลยถูกลงโทษแล้ว ก็ลงโทษจำเลยอีกไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 9(4) ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาซ้ำซ้อนและการพิจารณาองค์ประกอบความผิดฐานบุกรุก ทำร้ายร่างกาย และเสื่อมเสียอิสระภาพ
เดิมโจทก์ผู้เดียวถูกฟ้องฐานวิวาทกับจำเลยในท้องถนนหลวงศาลปรับไปแล้วตามคดีแดงที่ 551/2497
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม มาตรา 329, 254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามคดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่ จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดเดิม และการพิจารณาองค์ประกอบความผิดฐานบุกรุกและเสื่อมเสียอิสสระภาพ
เดิมโจทก์ผู้เดียวถูกฟ้องฐานวิวาทกับจำเลยในท้องถนนหลวงศาลปรับไปแล้วตามคดีแดงที่ 551/2497
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม ม.329,254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามที่คดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในความผิดฐานบุกรุก ทำร้ายร่างกาย และข่มขืนอิสรภาพ แม้เคยถูกปรับในความผิดวิวาทมาก่อน
เดิมโจทก์ผู้เดียวถูกฟ้องฐานวิวาทกับจำเลยในท้องถนนหลวงศาลปรับไปแล้วตามคดีแดงที่ 551/2497
ต่อมาโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในคดีนั้นฐานบุกรุกทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพและทำร้ายร่างกาย เมื่อฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปฉุดโจทก์ออกมาจากห้องโดยใช้กำลังทำร้ายและฉุดคร่า ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่บริบูรณ์ตาม มาตรา 329, 254,338(3),268,63 ส่วนกรณีเดิมตามคดีแดงที่ 551/2497 นั้นเป็นข้อหาว่าวิวาทต่อสู้กันในถนนหลวง แต่ในกรณีบุกรุกทำร้ายและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพในเคหะสถานนั้นยังหาได้มีการฟ้องร้องและพิจารณาพิพากษาไม่ จึงไม่เป็นฟ้องที่ต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีอาญาซ้ำ กรณีศาลแขวงไม่มีอำนาจพิจารณาคดีเดิม
คดีซึ่งศาลแขวงได้พิพากษาจนคดีถึงที่สุดให้ยกฟ้อง เพราะศาลแขวงไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาได้นั้น โจทก์มีสิทธิที่จะนำคดีนั้นมาฟ้องต่อศาลซึ่งมีอำนาจใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีอาญาซ้ำหลังศาลแขวงยกฟ้องเนื่องจากไม่มีอำนาจพิจารณา
คดีซึ่งศาลแขวงได้พิพากษาจนคดีถึงที่สุดให้ยกฟ้องเพราะศาลแขวงไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาได้นั้น โจทก์มีสิทธิที่จะนำคดีนั้นมาฟ้องต่อศาลซึ่งมีอำนาจใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีซ้ำซ้อน: ศาลไม่รับฟ้องคดีเดิม หากมีคดีอาญาเดียวกันถูกพิจารณาและมีคำพิพากษาแล้ว แม้ฟ้องก่อน
เจ้าทุกข์เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าสมคบกันฆ่าบุตรโจทก์ตายโดยไม่เจตนาตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251 ศาลจึงสั่งนัดไต่สวน ในระหว่างนั้นอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีเดียวกันนี้ หาว่าจำเลยกับบุตรเจ้าทุกข์วิวาทกันและ บุตรเจ้าทุกข์ตาย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 253
จำเลยรับสารภาพตามที่อัยการฟ้อง ศาลจึงพิพากษาในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 253 คดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ สำหรับ คดีที่เจ้าทุกข์เป็นโจทก์ฟ้องไว้ก่อนนั้น แม้จะได้ยื่นคำฟ้องไว้ก่อน แต่ศาลก็ยังมิได้ไต่สวนและประทับฟ้อง กรณีจึงต้องด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) ศาลจึงต้องไม่รับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2496)
of 41