พบผลลัพธ์ทั้งหมด 197 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4600/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลในคดีละเมิดอำนาจศาล ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลนั้น เป็นความผิดต่อศาลและการลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลย่อมเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะ การที่จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลว่าโจทก์ฝ่าฝืนคำพิพากษาศาลฎีกา และเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่ามิใช่กรณีละเมิดอำนาจศาลให้ยกคำร้อง ของ จำเลย จำเลยย่อมมิใช่ผู้เสียหายอันจะมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลดังกล่าวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4559/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัวต่างด้าว: ความรับผิดจากความล่าช้าในการรายงานตัว และการลดค่าเสียหายตามพฤติการณ์
จำเลยทำสัญญากับโจทก์ประกันตัวคนต่างด้าว 2 คนตามสัญญาประกัน 2 ฉบับ หากผิดสัญญาจำเลยยอมให้ปรับรายละ 50,000 บาททุนทรัพย์ของคดีจึงต้องแยกตามสัญญาประกันแต่ละฉบับคือไม่เกินรายละ 50,000 บาท แม้โจทก์ฟ้องด้วยทุนทรัพย์รวมกันมา 2 รายเป็นเงิน 100,000 บาท ก็ตาม แต่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ ก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 สัญญาประกันระบุว่า ถ้าจำเลยผิดสัญญาประกันจำเลยยอมให้โจทก์ปรับตามจำนวนเงิน 50,000 บาท จำเลยนำลูกประกันไปรายงานตัวต่อโจทก์เลยกำหนดเป็นการผิดสัญญา จำเลยจึงต้องถูกปรับตามสัญญาแม้โจทก์ จะได้สอบสวนลูกประกันแล้วผ่อนผันแก่ลูกประกันให้อยู่เลยกำหนดได้ ก็หาทำให้สิทธิของโจทก์ที่จะเรียกเอาค่าเสียหายจากจำเลยหมดไปไม่ แต่ความเสียหายที่โจทก์เรียกร้อง ถ้าโจทก์ได้แจ้งจำเลยในทันทีเมื่อนำลูกประกันไปรายงานตัว ความเสียหายหากจะมีตามสัญญาประกันจำเลยย่อมเรียกเอาจากลูกประกันได้ เมื่อโจทก์ดำเนินการสอบสวนลูกประกันและผ่อนผันลูกประกันให้อยู่ต่อไปได้ จากนั้นโจทก์จึงแจ้งจำเลยว่าผิดสัญญา จึงสมควรลดค่าเสียหายลงให้เหมาะสมตามพฤติการณ์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ตกลงยอมชำระเงินแทนทันทีหากว่าจำเลยที่ 1 ผิดสัญญา จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4499/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานในคดีอาญา: การพิสูจน์การจ้างวานฆ่าและคำรับสารภาพที่ไม่สมัครใจ
พยานโจทก์ที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจที่อ้างว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้จ้างวานใช้ให้ฆ่าผู้ตายก็เพียงแต่สืบสวนทราบมาเท่านั้นการสืบสวนจับกุมก็ปรากฏว่านอกจากจำเลยทั้งสองแล้ว ยังได้จับส. มาด้วยอันแสดงถึงความไม่แน่นอน แม้แต่บันทึกการจับกุมก็ปรากฏรายชื่อนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และนายตำรวจชั้นประทวนรวมกันถึง 23 คน ซึ่งไม่ปรากฏจากคำเบิกความของพยานเลย การสืบสวนและการจับกุมดังกล่าวจึงเชื่อถือไม่ได้ และทำให้คำรับชั้นจับกุมของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 นำสืบโต้แย้งอยู่ว่าลงชื่อให้เพราะกลับถูกทำร้ายไม่มีน้ำหนักไปด้วยดุจกัน พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำความผิดตามฟ้อง ลำพังแต่เพียงคำรับชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2ซึ่งจำเลยที่ 2 ก็นำสืบโต้แย้งอยู่ว่ามิได้ให้การด้วยความสมัครใจไม่เพียงพอที่จะรับฟังลงโทษ จำเลยที่ 2 ฐานฆ่าผู้อื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4477/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยมิชอบ แม้เป็นเจ้าของอาคารแต่ต้องใช้สิทธิทางกฎหมาย
เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าและครอบครองอาคารพิพาทค้างชำระค่าเช่าหากจำเลยประสงค์จะขับไล่โจทก์ก็ชอบที่จะดำเนินการตามกฎหมายจำเลยไม่มีอำนาจกระทำโดยพลการใช้กุญแจพร้อมโซ่เหล็กคล้องและปิดประตูเหล็กอันเป็นทางเข้าออกอาคารพิพาท ทำให้โจทก์เข้าไปในอาคารพิพาทไม่ได้ เป็นการล่วงล้ำเข้าไปในอำนาจการครอบครองของโจทก์ถือได้ว่าจำเลยเข้าไปกระทำการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์โดยปกติสุขตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4353/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต: การกระทำเป็นกรรมเดียว แม้ไม้ต่างชนิด
จำเลยมีไม้สักและไม้พลวงซึ่งเป็นไม้แปรรูป 2 จำนวนในคราวเดียวกันโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แม้การมีไม้สักแปรรูปจะเป็นความผิดโดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนปริมาตรของไม้ต่างกับไม้พลวงแปรรูปซึ่งจะต้องมีปริมาตรเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร จึงจะเป็นความผิดก็ตาม การกระทำของจำเลยก็ยังคงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท มิใช่ความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4310/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงสละสิทธิอุทธรณ์: ผลผูกพันและข้อยกเว้นการนำสืบหลักฐานใหม่
ระหว่างระยะเวลาที่คู่ความอาจอุทธรณ์คดีแพ่งได้ โจทก์กับจำเลยตกลงกันในการพิจารณาคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาโกงเจ้าหนี้ และเบิกความเท็จว่าโจทก์ยอมถอนฟ้องคดีดังกล่าวแลกกับการที่จำเลยงดเว้นการใช้สิทธิอุทธรณ์คดีแพ่ง จำเลยยืนยันรับข้อตกลงดังกล่าว เมื่อโจทก์ถอนฟ้องคดีอาญาตามข้อตกลงแล้ว ก็ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธิอุทธรณ์คดีนี้ไปแล้วตามข้อตกลงดังกล่าว จำเลยจะกลับมาใช้สิทธิอุทธรณ์คดีแพ่งไม่ได้ ศาลฎีการับฟังสำเนารายงานกระบวนพิจารณาของศาลในอีกคดีหนึ่งซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้ได้ เพราะโจทก์ย่อมไม่อาจนำสืบถึงรายงานกระบวนพิจารณาดังกล่าวในศาลชั้นต้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4298/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการรับฟังพยานหลักฐานเสริมความน่าเชื่อถือของจำเลย และการลงโทษตามความเหมาะสม
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษในสถานเบาหรือรอการลงโทษโดยอ้างถึงพฤติการณ์ต่าง ๆ ในคดีและความประพฤติของจำเลยข้อเท็จจริงในเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงสนับสนุนข้ออ้างตามที่จำเลยอุทธรณ์ โจทก์มิได้แก้อุทธรณ์คัดค้านเอกสารดังกล่าวว่าไม่ถูกต้อง ดังนี้ จึงเป็นดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ที่จะรับฟังหรือไม่รับฟังข้อเท็จจริงในเอกสารดังกล่าวทั้งไม่มีกฎมหายห้ามศาลใช้ดุลพินิจให้เป็นคุณแก่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4295/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความให้ข้อมูลเท็จในคดีเลิกบริษัท ทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง อาจเข้าข่ายหมิ่นประมาท
จำเลยเบิกความเป็นพยานในคดีที่ ซ. กับพวกยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเลิกบริษัทน.เพื่อสนับสนุนให้เห็นว่าบริษัทน.ประสบภาวะขาดทุนเพราะการบริหารงานของบริษัทหละหลวมไม่เป็นระเบียบ กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทไม่สุจริต และกรรมการบริหารของบริษัททุจริตทำให้การดำเนินงานของบริษัทไม่มีโอกาสจะฟื้นตัวเป็นการยืนยันว่าโจทก์ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท น.ไม่ปฏิบัติตามระเบียบของบริษัทโดยสุจริต และกระทำการทุจริตเป็นเหตุให้บริษัทขาดทุน จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวในฐานะพยาน มิใช่คู่ความ จำเลยมิได้เป็นผู้ถือหุ้นหรือกรรมการบริษัทน.อันจะถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งบริษัทน.ก็เป็นบริษัทเอกชน มิใช่ส่วนราชการหรือองค์การสาธารณะ จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4215/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วง: สิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าช่วงต่อเจ้าของทรัพย์เมื่อสัญญาเช่าหลักสิ้นสุด
โจทก์ให้ บ. เช่าโรงภาพยนตร์และเครื่องอุปกรณ์การฉายภาพยนตร์ต่อมา บ. นำทรัพย์สินดังกล่าวไปให้จำเลยเช่าช่วงโดยได้รับความยินยอมจากโจทก์ จำเลยจึงเป็นผู้เช่าช่วงทรัพย์สินของโจทก์โดยชอบ หาใช่เป็นบริวารของ บ. ไม่ จำเลยต้องรับผิดชำระค่าเช่าให้โจทก์โดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 545และเมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับ บ. สิ้นสุดลงก็ทำให้สัญญาเช่าช่วงระหว่างจำเลยกับ บ. สิ้นสุดลงด้วย จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระค่าเช่าให้โจทก์นับแต่นั้น แต่เมื่อจำเลยยังคงครอบครองทรัพย์สินที่เช่าช่วงอยู่ จำเลยก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จนถึงวันที่ส่งมอบทรัพย์สินคืนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4215/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วง: ความรับผิดของผู้เช่าช่วงต่อเจ้าของทรัพย์สินเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุด และการชดใช้ค่าเสียหายจากการครอบครองทรัพย์สิน
โจทก์ให้ บ. เช่าโรงภาพยนตร์และเครื่องอุปกรณ์การฉายภาพยนตร์ ต่อมา บ. นำทรัพย์สินดังกล่าวไปให้จำเลยเช่าช่วงโดยได้รับความยินยอมจากโจทก์ จำเลยจึงเป็นผู้เช่าช่วงทรัพย์สินของโจทก์โดยชอบ หาใช่เป็นบริวารของ บ. ไม่ จำเลยต้องรับผิดชำระค่าเช่าให้โจทก์โดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 545 และเมื่อสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับ บ. สิ้นสุดลงก็ทำให้สัญญาเช่าช่วงระหว่างจำเลยกับ บ. สิ้นสุดลงด้วย จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ชำระค่าเช่าให้โจทก์นับแต่นั้น แต่เมื่อจำเลยยังคงครอบครองทรัพย์สินที่เช่าช่วงอยู่ จำเลยก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์จนถึงวันที่ส่งมอบทรัพย์สินคืนโจทก์