คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 164

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 672 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3332/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเทศบาลต่อหนี้จากสัญญาซื้อขายสินค้าโดยหน่วยงานภายใน และอายุความของหนี้
ตอนต้นของพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 61 บัญญัติบังคับไว้ว่า เทศพานิชย์ของเทศบาลให้ตราเป็นเทศบัญญัติแต่ในตอนลำดับต่อมาบัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ว่า กิจการใดที่เทศบาลมีรายได้หรือผลพลอยได้อันเกิดจากการกระทำตามอำนาจหน้าที่จะไม่ตราเป็นเทศบัญญัติก็ได้เมื่อระเบียบของกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดำเนินงานของสำนักงานปุ๋ยเทศบาลนครกรุงเทพ พ.ศ. 2507 ตราไว้ว่า ผลกำไร อันเป็นรายได้จากการค้าปุ๋ยของสำนักงานปุ๋ย ๆ ส่วนหนึ่งให้ตกเป็นรายได้ ของเทศบาลนครกรุงเทพด้วย และเทศบาลนครกรุงเทพได้ตราเทศบัญญัติงบประมาณค่าใช้จ่ายประจำปีสำหรับสำนักงานปุ๋ย ๆ ไว้อีกด้วยสำนักงานปุ๋ยเทศบาลนครกรุงเทพจึงเป็นเทศพาณิชย์ที่เทศบาลนครกรุงเทพมีรายได้อันเกิดจากการดำเนินกิจการได้รับการยกเว้นไม่ต้องตราเป็นเทศบัญญัติตามมาตรา 61 นอกจากนี้ต่อมาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 224 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2515 ข้อ 1 รองรับเทศพาณิชย์ที่เทศบาลได้จัดตั้งขึ้นก่อนนั้นให้ถือว่าเทศพาณิชย์นั้นได้ตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายว่าด้วย เทศบาลตั้งแต่วันเริ่มก่อตั้งสำนักงานปุ๋ยเทศบาลนครกรุงเทพจึงได้ก่อตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 39 บัญญัติห้ามมิให้ทำการมอบอำนาจให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นพนักงานเทศบาลทำการแทนนายกเทศมนตรีเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวกับการบริหารกิจการของเทศบาลอันเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกเทศมนตรีตามกฎหมายนั้นเท่านั้นส่วนการดำเนินกิจการของสำนักงานปุ๋ยเทศบาลนครกรุงเทพนั้นได้มีระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดำเนินงานของสำนักงานปุ๋ย เทศบาลนครกรุงเทพ พ.ศ. 2507 ตราไว้เป็นระเบียบต่างหากว่าให้ตั้ง คณะกรรมการบริหารขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีผู้อำนวยการฯ เป็นผู้บริหาร สำนักงานปุ๋ยซึ่งการตั้งคณะกรรมการบริหารแยกออกต่างหากจากการ บริการกิจการของนายกเทศมนตรี หรือ คณะเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพ นี้ ได้รับการเห็นชอบของกระทรวงมหาดไทยแล้วรวมทั้งได้มีมติของที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสำนักงานปุ๋ยฯด้วยการอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยให้สำนักงานปุ๋ยฯ โดยผู้อำนวยการ ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการค้าปุ๋ยอันเป็นวัตถุประสงค์ที่ตราไว้ในระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดำเนินงานของสำนักงานปุ๋ย พ.ศ. 2507 นั้นได้ จำเลยที่ 3 ในฐานะนายกเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการควบคุมดูแลกิจการสำนักงานปุ๋ยฯ ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 4 ซึ่งมิได้เป็นพนักงานของเทศบาลนครกรุงเทพดำเนินกิจการดังกล่าวจึงไม่ต้องห้ามหรือขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว
สำนักงานปุ๋ยฯ เป็นเทศพาณิชย์และเป็นหน่วยงานหนึ่งของ เทศบาลนครกรุงเทพ แม้วัตถุประสงค์จะเป็นไปในรูปการค้าปุ๋ยก็ตาม ก็ไม่ถือว่าอยู่นอกวัตถุประสงค์ของเทศบาลนครกรุงเทพเพราะได้ตรา ไว้ แล้วในระเบียบของกระทรวงมหาดไทยซึ่งให้อำนาจเทศบาลนครกรุงเทพ ตั้งสำนักงานปุ๋ยฯ นี้ขึ้น การค้าปุ๋ยจึงไม่ใช่เป็นการดำเนินงานไป นอกวัตถุประสงค์ของเทศบาลนครกรุงเทพ
โจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์มีวัตถุประสงค์ในทางการค้าตามวิธีการของธนาคารพาณิชย์ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติธนาคารพาณิชย์หนี้ตามสัญญาเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต สัญญาทรัสต์รีซีทและตามตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งธนาคารโจทก์ค้ำประกันเป็นอาวัล เป็นการดำเนินธุรกิจการค้าตามวิธีการของธนาคารพาณิชย์อย่างหนึ่งซึ่งแตกต่างกับบุคคลผู้เป็นพ่อค้าหรือผู้ค้าที่ได้ซื้อและขายสินค้าอันเป็นปกติธุระตามนัยที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1)(7) จึงไม่อาจนำเอาอายุความสองปีหรือห้าปีมาใช้บังคับได้ เมื่อหนี้อันเกิดจากสัญญาดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องนำเอาบทบัญญัติว่าด้วยอายุความทั่วไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 164 ซึ่งกำหนดไว้สิบปีมาใช้บังคับ
หนี้เงินซึ่งในสัญญาได้ตกลงให้โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้เพียงแต่ไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ในสัญญา เมื่อจำเลยที่ 1 ยังค้างชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดได้ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 ปรากฏว่านับตั้งแต่วันผิดนัดจำเลยที่ 1 ไม่ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เลย จึงถือว่าดอกเบี้ยที่โจทก์มีสิทธิคิดจากเงินที่ค้างชำระดังกล่าวเป็นดอกเบี้ยที่ค้างชำระให้แก่โจทก์นั้นด้วย ซึ่งตามมาตรา 166 บัญญัติไว้ให้สิทธิเรียกร้องเอาดอกเบี้ยที่ค้างส่งนี้ได้ในอายุความเพียงห้าปี โจทก์หามีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้เกินกว่า 5 ปีไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3332/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทหนี้ธนาคารและเทศพาณิชย์: อายุความ, การมอบอำนาจ, และดอกเบี้ย
ตอนต้นของพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 61 บัญญัติบังคับไว้ว่า เทศพานิชย์ของเทศบาลให้ตราเป็นเทศบัญญัติแต่ในตอนลำดับต่อมาบัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ว่า กิจการใดที่เทศบาลมีรายได้หรือผลพลอยได้อันเกิดจากการกระทำตามอำนาจหน้าที่จะไม่ตราเป็นเทศบัญญัติก็ได้ เมื่อระเบียบของกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดำเนินงานของสำนักงานปุ๋ยเทศบาลนครกรุงเทพ พ.ศ. 2507 ตราไว้ว่า ผลกำไร อันเป็นรายได้จากการค้าปุ๋ยของสำนักงานปุ๋ย ๆ ส่วนหนึ่งให้ตกเป็นรายได้ ของเทศบาลนครกรุงเทพด้วย และเทศบาลนครกรุงเทพได้ตราเทศบัญญัติงบประมาณค่าใช้จ่ายประจำปีสำหรับสำนักงานปุ๋ย ๆ ไว้อีกด้วยสำนักงานปุ๋ยเทศบาลนครกรุงเทพจึงเป็นเทศพาณิชย์ที่เทศบาลนครกรุงเทพมีรายได้อันเกิดจากการดำเนินกิจการได้รับการยกเว้นไม่ต้องตราเป็นเทศบัญญัติตามมาตรา 61 นอกจากนี้ต่อมาได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 224 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2515 ข้อ 1 รองรับเทศพาณิชย์ที่เทศบาลได้จัดตั้งขึ้นก่อนนั้นให้ถือว่าเทศพาณิชย์นั้นได้ตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายว่าด้วย เทศบาลตั้งแต่วันเริ่มก่อตั้งสำนักงานปุ๋ยเทศบาลนครกรุงเทพจึงได้ก่อตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 39 บัญญัติห้ามมิให้ทำการมอบอำนาจให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นพนักงานเทศบาลทำการแทนนายกเทศมนตรีเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวกับการบริหารกิจการของเทศบาลอันเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกเทศมนตรีตามกฎหมายนั้นเท่านั้นส่วนการดำเนินกิจการของสำนักงานปุ๋ยเทศบาลนครกรุงเทพนั้นได้มีระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดำเนินงานของสำนักงานปุ๋ย เทศบาลนครกรุงเทพ พ.ศ. 2507 ตราไว้เป็นระเบียบต่างหากว่าให้ตั้ง คณะกรรมการบริหารขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีผู้อำนวยการฯ เป็นผู้บริหาร สำนักงานปุ๋ยซึ่งการตั้งคณะกรรมการบริหารแยกออกต่างหากจากการ บริการกิจการของนายกเทศมนตรี หรือ คณะเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพ นี้ ได้รับการเห็นชอบของกระทรวงมหาดไทยแล้วรวมทั้งได้มีมติของที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสำนักงานปุ๋ยฯด้วยการอนุมัติจากกระทรวงมหาดไทยให้สำนักงานปุ๋ยฯ โดยผู้อำนวยการ ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการค้าปุ๋ยอันเป็นวัตถุประสงค์ที่ตราไว้ในระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดำเนินงานของสำนักงานปุ๋ย พ.ศ. 2507 นั้นได้ จำเลยที่ 3 ในฐานะนายกเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการควบคุมดูแลกิจการสำนักงานปุ๋ยฯ ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 4 ซึ่งมิได้เป็นพนักงานของเทศบาลนครกรุงเทพดำเนินกิจการดังกล่าวจึงไม่ต้องห้ามหรือขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว
สำนักงานปุ๋ยฯ เป็นเทศพาณิชย์และเป็นหน่วยงานหนึ่งของ เทศบาลนครกรุงเทพ แม้วัตถุประสงค์จะเป็นไปในรูปการค้าปุ๋ยก็ตาม ก็ไม่ถือว่าอยู่นอกวัตถุประสงค์ของเทศบาลนครกรุงเทพเพราะได้ตราไว้แล้วในระเบียบของกระทรวงมหาดไทยซึ่งให้อำนาจเทศบาลนครกรุงเทพ ตั้งสำนักงานปุ๋ยฯ นี้ขึ้น การค้าปุ๋ยจึงไม่ใช่เป็นการดำเนินงานไป นอกวัตถุประสงค์ของเทศบาลนครกรุงเทพ
โจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์มีวัตถุประสงค์ในทางการค้าตามวิธีการของธนาคารพาณิชย์ตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติธนาคารพาณิชย์หนี้ตามสัญญาเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิต สัญญาทรัสต์รีซีทและตามตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งธนาคารโจทก์ค้ำประกันเป็นอาวัล เป็นการดำเนินธุรกิจการค้าตามวิธีการของธนาคารพาณิชย์อย่างหนึ่งซึ่งแตกต่างกับบุคคลผู้เป็นพ่อค้าหรือผู้ค้าที่ได้ซื้อและขายสินค้าอันเป็นปกติธุระตามนัยที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1)(7) จึงไม่อาจนำเอาอายุความสองปีหรือห้าปีมาใช้บังคับได้ เมื่อหนี้อันเกิดจากสัญญาดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องนำเอาบทบัญญัติว่าด้วยอายุความทั่วไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 164 ซึ่งกำหนดไว้สิบปีมาใช้บังคับ
หนี้เงินซึ่งในสัญญาได้ตกลงให้โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้เพียงแต่ไม่ได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ในสัญญา เมื่อจำเลยที่ 1 ยังค้างชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดได้ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 ปรากฏว่านับตั้งแต่วันผิดนัดจำเลยที่ 1 ไม่ได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เลยจึงถือว่าดอกเบี้ยที่โจทก์มีสิทธิคิดจากเงินที่ค้างชำระดังกล่าวเป็นดอกเบี้ยที่ค้างชำระให้แก่โจทก์นั้นด้วย ซึ่งตามมาตรา 166 บัญญัติไว้ให้สิทธิเรียกร้องเอาดอกเบี้ยที่ค้างส่งนี้ได้ในอายุความเพียงห้าปี โจทก์หามีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้เกินกว่า 5 ปีไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิไล่เบี้ยจากการชำระหนี้แทนและการไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
จำเลยซื้อเครื่องพิมพ์จากบริษัท ส. แล้วนำมาขายให้โจทก์ โจทก์นำเครื่องพิมพ์ดังกล่าวไปแลกเปลี่ยนเครื่องตัดกระดาษลกับบริษัท อ. เครื่องพิมพ์ดังกล่าวบริษัท ส. เช่าซื้อจาก บริษัท ก. แล้วผิดสัญญาเช่าซื้อบริษัท ก. ฟ้องเรียกเครื่องพิมพ์คืนและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเครื่องพิมพ์คืนจากบริษัท อ. บริษัท อ. จึงฟ้องเรียกค่าเครื่องพิมพ์จากโจทก์ ศาลพิพากษาให้โจทก์ชำระการที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ให้ชดใช้ราคาเครื่องพิมพ์เป็นการฟ้องเพื่อใช้สิทธิไล่เบี้ย ไม่ใช่ให้รับผิดเพื่อการรอนสิทธิต้องนำอายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 มาใช้บังคับจะนำอายุความ 3 เดือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 481มาใช้บังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไล่เบี้ยหนี้จากการซื้อขายเครื่องพิมพ์ที่ถูกยึดคืนจากสัญญาเช่าซื้อ: อายุความ 10 ปี หรือ 3 เดือน
จำเลยซื้อเครื่องพิมพ์จากบริษัท ส. แล้วนำมาขายให้โจทก์ โจทก์นำเครื่องพิมพ์ดังกล่าวไปแลกเปลี่ยนเครื่องตัดกระดาษลกับบริษัทอ.เครื่องพิมพ์ดังกล่าวบริษัทส. เช่าซื้อจาก บริษัท ก. แล้วผิดสัญญาเช่าซื้อบริษัท ก. ฟ้องเรียกเครื่องพิมพ์คืนและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเครื่องพิมพ์คืนจากบริษัท อ.บริษัทอ. จึงฟ้องเรียกค่าเครื่องพิมพ์จากโจทก์ ศาลพิพากษาให้โจทก์ชำระ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ให้ชดใช้ราคาเครื่องพิมพ์เป็นการฟ้องเพื่อใช้สิทธิไล่เบี้ย ไม่ใช่ให้รับผิดเพื่อการรอนสิทธิต้องนำอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 มาใช้บังคับ จะนำอายุความ 3 เดือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 481มาใช้บังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3313/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิต 10 ปี และสิทธิเรียกร้องบังคับชำระหนี้ ไม่ใช่เรียกค่าเสียหาย
กรณีที่โจทก์ฟ้องเป็นเรื่องจำเลยละเลยเสียไม่ชำระหนี้ของตนตามมูลหนี้สัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ทำไว้กับโจทก์โจทก์ย่อมจะฟ้องศาลขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เต็มตามมูลหนี้นั้นได้ กรณีหาใช่เป็นเรื่องฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดแต่การไม่ชำระหนี้แต่อย่างใดไม่โจทก์จึงไม่จำเป็นต้องเอาสินค้าที่ส่งเข้ามาออกขายเพื่อใช้ค่าเสียหายนั้นก่อน
อายุความสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิต ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น อายุความจึงมีกำหนด 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2514/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสัญญาซื้อขาย: ศาลฎีกาวินิจฉัยได้แม้ไม่เคยวินิจฉัยในศาลล่าง ตราบเท่าที่ฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี
กรณีจำเลยผิดสัญญาและโจทก์มีสิทธิเรียกค่าปรับได้ตามสัญญามีกำหนดอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
จำเลยยกเรื่องอายุความขึ้นต่อสู้และศาลชั้นต้นได้กำหนดเป็นประเด็นไว้แล้ว แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องเพราะเห็นว่าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับได้โดยที่มิได้วินิจฉัยไปถึงประเด็นเรื่องอายุความเลยดังนั้น แม้ในชั้นอุทธรณ์จำเลยมิได้ยกเรื่องอายุความขึ้นกล่าวในคำแก้อุทธรณ์ ศาลฎีกาก็วินิจฉัยถึงเรื่องอายุความได้และไม่จำต้องย้อนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1665/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนส่งหลายทอดทางทะเล ผู้ขนส่งร่วมรับผิดชอบความเสียหายต่อสินค้า
บริษัทผู้ขนส่งไม่มีสำนักงานสาขาในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศปลายทางการขนส่งรายนี้จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้องโดยดำเนินการแจ้งวันมาถึงของเรือสินค้าแก่ผู้รับตราส่งขออนุมัติให้เรือเข้าเทียบท่าขอเช่าเครื่องมืออุปกรณ์การขนถ่ายสินค้ารับคืนใบตราส่งแลกกับใบปล่อยสินค้าเพื่อให้เจ้าของใบตราส่งนำไปขอรับสินค้าจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยการดำเนินงานของจำเลยในช่วงนี้เป็นขั้นตอนสำคัญของการขนส่งและจำเลยได้รับบำเหน็จทางการค้าตามปกติของตนพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นลักษณะร่วมกันขนส่งสินค้าและเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเล ฉะนั้น เมื่อมีการบุบสลายและสูญหายในสินค้าที่รับขนส่ง จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 ซึ่งเป็นบทกฎหมายใกล้เคียงกับกฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเล
การรับขนของจากต่างประเทศมายังประเทศไทยทางทะเล แม้ของจะมาถึงประเทศไทยแล้ว ก็ยังเป็นสัญญาในการรับขนของทางทะเลปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการรับขนของทางทะเลโดยเฉพาะการเรียกค่าเสียหายจึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามมาตรา 164 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งมีกำหนด 10ปีส่วนอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624ไม่ใช่กฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเลจะนำมาใช้บังคับไม่ได้และจะถือว่าเป็นกฎหมายใกล้เคียงก็ไม่ได้ เพราะมาตรา164 บังคับไว้ชัดแจ้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1665/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขนส่งร่วมในสัญญาขนส่งทางทะเลและการกำหนดอายุความ
บริษัทผู้ขนส่งไม่มีสำนักงานสาขาในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศปลายทางการขนส่งรายนี้จำเลยเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยดำเนินการแจ้งวันมาถึงของเรือสินค้าแก่ผู้รับตราส่งขออนุมัติให้เรือเข้าเทียบท่า ขอเช่าเครื่องมืออุปกรณ์การขนถ่ายสินค้า รับคืนใบตราส่งแลกกับใบปล่อยสินค้าเพื่อให้เจ้าของใบตราส่งนำไปขอรับสินค้าจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยการดำเนินงานของจำเลยในช่วงนี้เป็นขั้นตอนสำคัญของการขนส่งและจำเลยได้รับบำเหน็จทางการค้าตามปกติของตน พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นลักษณะร่วมกันขนส่งสินค้าและเป็นการขนส่งหลายทอดตามวิธีการขนส่งทางทะเล ฉะนั้น เมื่อมีการบุบสลายและสูญหายในสินค้าที่รับขนส่ง จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 618 ซึ่งเป็นบทกฎหมายใกล้เคียงกับกฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเล
การรับขนของจากต่างประเทศมายังประเทศไทยทางทะเล แม้ของจะมาถึงประเทศไทยแล้ว ก็ยังเป็นสัญญาในการรับขนของทางทะเลปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการรับขนของทางทะเลโดยเฉพาะการเรียกค่าเสียหายจึงต้องใช้อายุความทั่วไปตามมาตรา 164 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งมีกำหนด 10 ปีส่วนอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 ไม่ใช่กฎหมายว่าด้วยการรับขนของทางทะเลจะนำมาใช้บังคับไม่ได้และจะถือว่าเป็นกฎหมายใกล้เคียงก็ไม่ได้เพราะมาตรา 164 บังคับไว้ชัดแจ้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยจากการชำระค่าเสียหายแทนลูกหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ผู้ค้ำประกันได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน เพราะเหตุลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าหนี้อันเป็นการผิดสัญญานั้น เป็นดอกเบี้ยที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดชดใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 วรรคแรก และเป็นดอกเบี้ยที่กำหนดแทนค่าเสียหายดอกเบี้ยในกรณีเช่นนี้ไม่ใช่ดอกเบี้ยค้างส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 จึงมีอายุความ 10ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยจากสัญญาค้ำประกันเมื่อลูกหนี้ผิดนัด: เป็นค่าเสียหาย มีอายุความ 10 ปี
ดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ผู้ค้ำประกันได้ชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามสัญญาค้ำประกัน เพราะเหตุลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้กับเจ้าหนี้อันเป็นการผิดสัญญานั้น เป็นดอกเบี้ยที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดชดใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224 วรรคแรก และเป็นดอกเบี้ยที่กำหนดแทนค่าเสียหาย ดอกเบี้ยในกรณีเช่นนี้ไม่ใช่ดอกเบี้ยค้างส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 จึงมีอายุความ 10 ปี
of 68