พบผลลัพธ์ทั้งหมด 672 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาขายลดเช็ค: สิทธิเรียกร้องมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164
จำเลยขายลดเช็คผู้ถือแก่โจทก์ โจทก์เก็บเงินตามเช็คไม่ได้ โจทก์ฟ้องจำเลยได้ มีอายุความ 10 ปี ตามมาตรา164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาขายลดเช็ค: การรับสภาพหนี้ทำให้สะดุดอายุความ เริ่มนับใหม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือสัญญารับสภาพหนี้และรับใช้หนี้ให้ไว้กับโจทก์โดยยอมรับว่า ตามที่จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาขายลดเช็คไว้กับโจทก์ 10 ฉบับ และตั๋วสัญญาใช้เงินอีก 1 ฉบับ รวมยอดเงินหลังจากชำระหนี้บ้างแล้วคงเหลือเงินจำนวนหนึ่ง จำเลยขอผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เป็นรายเดือนเดือนละ 20,000 บาท โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน เห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค หาได้ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คและผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินหรือผู้สลักหลังเช็คหรือตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ จำเลยที่ 1 ก็ให้การรับว่าได้ขายลดเช็คและตั๋วสัญญาใช้เงินจริงเท่ากับให้การรับว่าเป็นหนี้โจทก์ในมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คที่โจทก์นำมาฟ้อง
สัญญาขายลดเช็คเป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทหนึ่ง สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164คือมีกำหนดอายุความ 10 ปี สัญญารับสภาพหนี้ทำไว้เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2515 ซึ่งขณะนั้นสิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็คและตั๋วสัญญาใช้เงินยังไม่ขาดอายุความ จึงทำให้อายุความสะดุดหยุดลงเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันนั้น ถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี จึงยังไม่ขาดอายุความ
สัญญาขายลดเช็คเป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทหนึ่ง สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164คือมีกำหนดอายุความ 10 ปี สัญญารับสภาพหนี้ทำไว้เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2515 ซึ่งขณะนั้นสิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็คและตั๋วสัญญาใช้เงินยังไม่ขาดอายุความ จึงทำให้อายุความสะดุดหยุดลงเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันนั้น ถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี จึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาขายลดเช็ค: สัญญาต่างตอบแทน อายุความ 10 ปี เริ่มนับใหม่เมื่อมีหนังสือรับสภาพหนี้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือสัญญารับสภาพหนี้และรับใช้หนี้ให้ไว้กับโจทก์ โดยยอมรับว่า ตามที่จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาขายลดเช็คไว้กับโจทก์ 10 ฉบับ และตั๋วสัญญาใช้เงินอีก 1 ฉบับ รวมยอดเงินหลังจากชำระหนี้บ้างแล้วคงเหลือเงินจำนวนหนึ่ง จำเลยขอผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เป็นรายเดือน เดือนละ 20,000 บาท โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน เห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค หาได้ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คและผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือผู้สลักหลังเช็คหรือตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ จำเลยที่ 1 ก็ให้การรับว่าได้ขายลดเช็คและตั๋วสัญญาใช้เงินจริง เท่ากับให้การรับว่าเป็นหนี้โจทก์ในมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คที่โจทก์นำมาฟ้อง
สัญญาขายลดเช็คเป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทหนึ่ง สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาขายลดเช็ค ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คือมีกำหนดอายุความ 10 ปี สัญญารับสภาพหนี้ทำไว้เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2515 ซึ่งขณะนั้นสิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็คและตั๋วสัญญาใช้เงินยังไม่ขาดอายุความ จึงทำให้อายุความสะดุดหยุดลงเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันนั้น ถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี จึงยังไม่ขาดอายุความ
สัญญาขายลดเช็คเป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทหนึ่ง สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาขายลดเช็ค ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คือมีกำหนดอายุความ 10 ปี สัญญารับสภาพหนี้ทำไว้เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2515 ซึ่งขณะนั้นสิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็คและตั๋วสัญญาใช้เงินยังไม่ขาดอายุความ จึงทำให้อายุความสะดุดหยุดลงเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันนั้น ถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี จึงยังไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1168/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย ถือเป็นนิติกรรมผูกพันได้ ฟ้องได้อายุความ 10 ปี
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการห้างจำเลยที่ 2 และในฐานะส่วนตัว ได้ทำบันทึกยินยอมซ่อมรถโจทก์ที่ 1 และยินยอมชดใช้ค่ารักษาพยาบาลโจทก์ที่ 2 ในการที่นายสมุทรลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ทำละเมิดโจทก์ทั้งสอง ขอให้บังคับรับผิดตามบันทึก โจทก์มิได้ฟ้องจำเลยฐานละเมิด จึงไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์อย่างไร เป็นฟ้องที่แสดงชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
บันทึกไกล่เกลี่ยที่มีข้อความว่าจำเลยที่ 1 ตัวแทนจำเลยที่ 2 ยินยอมชดใช้ค่าซ่อมรถของโจทก์ที่ 1 และค่ารักษาพยาบาลของโจทก์ที่ 2 โดยจะมอบหมายให้บริษัทประกันภัยมาตกลงกันเองภายหลัง และโจทก์ทั้งสองก็พอใจและไม่ติดใจเอาความ ดังนี้ แม้บันทึกไกล่เกลี่ยจะไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะมิได้เป็นสัญญาที่ระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสร็จสิ้นไป ยังมีเงื่อนไขให้บริษัทประกันภัยตกลงจำนวนเงินค่าซ่อมและค่ารักษาพยาบาล แต่ก็ถือได้ว่าเป็นนิติกรรมอย่างหนึ่งซึ่งสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 367 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยตามบันทึกไกล่เกลี่ยนั้นได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการห้างจำเลยที่ 2 และในฐานะส่วนตัว ได้ทำบันทึกท้ายฟ้องว่าเป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 ยอมชดใช้ค่าซ่อมรถและค่ารักษาพยาบาล ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 2 ฉะนั้นการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนเชิดจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง และการตั้งตัวแทนซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าต้องทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 นั้น ใช้แต่กรณีที่มีการตั้งตัวแทนจริงๆ ไม่รวมถึงการเป็นตัวแทนเชิดตามมาตรา 821 จึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาที่จำเลยยอมรับผิดใช้ค่าซ่อมและรักษาพยาบาลแก่โจทก์ มิใช่เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิดโดยตรง จึงมีอายุความ 10 ปี
บันทึกไกล่เกลี่ยที่มีข้อความว่าจำเลยที่ 1 ตัวแทนจำเลยที่ 2 ยินยอมชดใช้ค่าซ่อมรถของโจทก์ที่ 1 และค่ารักษาพยาบาลของโจทก์ที่ 2 โดยจะมอบหมายให้บริษัทประกันภัยมาตกลงกันเองภายหลัง และโจทก์ทั้งสองก็พอใจและไม่ติดใจเอาความ ดังนี้ แม้บันทึกไกล่เกลี่ยจะไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะมิได้เป็นสัญญาที่ระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสร็จสิ้นไป ยังมีเงื่อนไขให้บริษัทประกันภัยตกลงจำนวนเงินค่าซ่อมและค่ารักษาพยาบาล แต่ก็ถือได้ว่าเป็นนิติกรรมอย่างหนึ่งซึ่งสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 367 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยตามบันทึกไกล่เกลี่ยนั้นได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการห้างจำเลยที่ 2 และในฐานะส่วนตัว ได้ทำบันทึกท้ายฟ้องว่าเป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 ยอมชดใช้ค่าซ่อมรถและค่ารักษาพยาบาล ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 2 ฉะนั้นการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนเชิดจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง และการตั้งตัวแทนซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าต้องทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 นั้น ใช้แต่กรณีที่มีการตั้งตัวแทนจริงๆ ไม่รวมถึงการเป็นตัวแทนเชิดตามมาตรา 821 จึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาที่จำเลยยอมรับผิดใช้ค่าซ่อมและรักษาพยาบาลแก่โจทก์ มิใช่เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากมูลละเมิดโดยตรง จึงมีอายุความ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่ากระแสไฟฟ้า: การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่ใช่พ่อค้า, ใช้ อายุความ 10 ปี
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินกิจการสาธารณูปโภคตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ.2503 มิใช่เป็นพ่อค้าตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) การเรียกเก็บค่ากระแสไฟฟ้าจึงไม่ใช่มีอายุความเพียง 2 ปี และโดยที่ค่ากระแสไฟฟ้าประจำเดือนมิใช่จำนวนเงินที่ตกลงกันไว้แน่นอน แม้จะกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลา กรณีก็ไม่ต้องด้วยอายุความ 5 ปี ตามมาตรา 166 จึงต้องนำอายุความทั่วไปมีกำหนด 10 ปี ตามมาตรา 164 มาใช้บังคับในเรื่องสิทธิเรียกร้องค่ากระแสไฟฟ้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีซื้อขายตามสัญญาซื้อขายตามเงื่อนไขประกวดราคา ไม่ใช่การขายตามคำพรรณา
โจทก์ทำสัญญาซื้อเครื่องรับส่งวิทยุ วีเอชเอฟ/เอฟเอ็มแบบกระเป๋าหิ้วยี่ห้อเทเลคอมแบบพี 161 จำนวน 21 ชุด จากบริษัทจำเลยมีรายละเอียดดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 ตามสัญญาซื้อขายข้อ 2 มีความว่า "สิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญานี้ผู้ขายจะยอมขายให้ตามราคาดังกล่าวในข้อ 1 และรับรองว่าจะส่งสิ่งของให้เหมือนตามแคตตาลอคและรายละเอียดท้ายสัญญาทุกประการ ฯลฯ" และข้อ 3 มีว่า "ลักษณะของสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญานี้นอกจากให้เหมือนตามรายการละเอียดและแค๊ตตาล๊อกดังกล่าวในข้อ 2 ผู้ขายยอมรับรองอีกว่าเมื่อตรวจทดลองคุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ประการหนึ่งประการใดต้องให้เหมือนตามรายการละเอียดทุกประการ" และก่อนทำสัญญาซื้อขายฝ่ายโจทก์จัดให้มีการประกวดราคาระบุแต่ชนิดเครื่องรับส่งวิทยุ วีเอชเอฟ/เอฟเอ็ม แบบกระเป๋าหิ้วจำนวน 21 ชุด ต่อเมื่อบริษัทจำเลยประมูลได้แล้วจึงได้ทำสัญญาซื้อขายหมาย จ.1 ขึ้น และได้กำหนดรายการสิ่งของที่ตกลงจะซื้อขายและแค๊ตตาล๊อกแนบไว้ท้ายสัญญา การซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุรายนี้เป็นการซื้อขายตามเงื่อนไขเรียกประกวดราคาของโจทก์ ไม่ใช่บริษัทจำเลยพรรณนาถึงเครื่องรับส่งวิทยุที่เสนอขายให้โจทก์แล้วโจทก์ยอมรับซื้อ นอกจากนี้การซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุรายนี้บริษัทจำเลยยังกำหนดให้โจทก์ตรวจทดลองคุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ให้เหมือนตามรายการละเอียดและชนิดของๆ ที่จะซื้อนั้นก่อนโดยบริษัทจำเลยให้โอกาสโจทก์ตรวจสอบทดลองคุณสมบัติของเครื่องรับส่งวิทยุตามประกาศประกวดราคาของโจทก์ก่อนการส่งมอบว่าตรงตามรายละเอียดและชนิดของเครื่องรับส่งวิทยุที่โจทก์ซื้อหรือไม่ รายการละเอียดและแค๊ตตาล๊อกที่แนบไว้ในสัญญาจึงเป็นรายละเอียดประกอบสัญญาซื้อขายเท่านั้น การซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุดังกล่าวจึงเป็นการซื้อขายธรรมดาหาใช่เป็นการขายตามคำพรรณาไม่ ซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีกำหนดสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้นำเครื่องรับส่งวิทยุมาส่งมอบเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2512 นับถึงวันฟ้องคือวันที่ 23 กันยายน 2517 ยังไม่เกินสิบปีนับแต่วันส่งมอบ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2521)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้นำเครื่องรับส่งวิทยุมาส่งมอบเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2512 นับถึงวันฟ้องคือวันที่ 23 กันยายน 2517 ยังไม่เกินสิบปีนับแต่วันส่งมอบ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2521)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการฟ้องคดีซื้อขายตามสัญญาประกวดราคา: ไม่ใช่การซื้อขายตามคำพรรณา ใช้ อายุความ 10 ปี
โจทก์ทำสัญญาซื้อเครื่องรับส่งวิทยุ วี เอชเอฟ/ เอฟ เอ็ม แบบกระเป๋าหิ้วยี่ห้อเทเลคอม แบบ ที 161 จำนวน 21 ชุด จากบริษัทจำเลยมีรายละเอียดดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.1 ตามสัญญาซื้อขายข้อ 2 มีความว่า "สิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญานี้ ผู้ขายจะยอมขายให้ตามราคาดังกล่าวในข้อ 1 และรับรองว่าจะส่งสิ่งของให้เหมือนตามแค๊ตตาล๊อกและรายละเอียดท้ายสัญญาทุกประการ ฯลฯ" และข้อ 3 มีว่า "ลักษณะของสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญานี้ นอกจากให้เหมือนตามรายการละเอียดและแค๊ตตาล๊อกดังกล่าวในข้อ 2 ผู้ขายยอมรับรองอีกว่าเมื่อตรวจทดลองคุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ประการหนึ่งประการใด ต้องให้เหมือนตามรายการละเอียดทุกประการ" และก่อนทำสัญญาซื้อขายฝ่ายโจทก์จัดให้มีการประกวดราคาระบุแต่ชนิดเครื่องรับส่งวิทยุ วี เอช เอฟ/ เอฟ เอ็ม แบบกระเป๋าหิ้ว จำนวน 21 ชุด ต่อเมื่อบริษัทจำเลยประมูลได้แล้วจึงได้ทำสัญญาซื้อขายหมาย จ.1 ขึ้น และได้กำหนดรายการสิ่งของที่ตกลงจะซื้อขายและแค๊ตตาล๊อกแนบไว้ท้ายสัญญา การซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุรายนี้ เป็นการซื้อขายตามเงื่อนไขเรียกประกวดราคาของโจทก์ ไม่ใช่บริษัทจำเลยพรรณาถึงเครื่องรับส่งวิทยุที่เสนอขายให้โจทก์แล้วโจทก์ยอมรับซื้อ นอกจากนี้การซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุรายนี้บริษัทจำเลยยังกำหนดให้โจทก์ตรวจทดลองคุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ให้เหมือนตามรายการละเอียดและชนิดของ ๆ ที่จะซื้อนั้นก่อน โดยบริษัทจำเลยให้โอกาสโจทก์ตรวจสอบทดลองคุณสมบัติของเครื่องรับส่งวิทยุตามประกาศประกวดราคาของโจทก์ ก่อนการส่งมอบว่าตรงตามรายละเอียดและชนิดของเครื่องรับส่งวิทยุที่โจทก์ซื้อหรือไม่ รายการละเอียดและแค๊ตตาล๊อกที่แนบไว้ในสัญญาจึงเป็นรายละเอียดประกอบสัญญาซื้อขายเท่านั้น การซื้อขายเครื่องรับส่งวิทยุดังกล่าวจึงเป็นการซื้อขายธรรมดา หาใช่เป็นการขายตามคำพรรณาไม่ ซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอ่างอื่น จึงมีกำหนดสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้นำเครื่องรับส่งวิทยุมาส่งมอบเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2512 นับถึงวันฟ้องคือวันที่ 23 กันยายน 2517 ยังไม่เกิดสิบปีนับแต่วันส่งมอบ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2521)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้นำเครื่องรับส่งวิทยุมาส่งมอบเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2512 นับถึงวันฟ้องคือวันที่ 23 กันยายน 2517 ยังไม่เกิดสิบปีนับแต่วันส่งมอบ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2521)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาจองเช่า: สิทธิเรียกร้องนอกเหนือจากมาตรา 165(1) มีอายุความ 10 ปี
โจทก์ลงทุนปลูกตึกแถวในที่ดินของ ส. แล้วจำเลยจองเช่า2 คูหาโดยยอมจะให้เงินค่าก่อสร้างแก่โจทก์ ไม่ใช่ลักษณะสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา165(1)แต่มีอายุความเรียกเงินค่าก่อสร้างที่ค้างใน 10 ปี ตาม มาตรา164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อรถยนต์: อายุความ 10 ปี และความรับผิดของผู้เช่าซื้อต่อเจ้าของรถ
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์ โจทก์เอาประกันภัยรถคันนี้ไว้โดยจำเลยเป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัย รถยนต์ถูกลัก โจทก์เรียกรถและราคาคืนจากจำเลยได้โดยมีอายุความ 10 ปี ตาม มาตรา 164 จำเลยจะเกี่ยงให้โจทก์เรียกเอาจากผู้รับประกันภัยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีรับขนของทางทะเล: ใช้ 10 ปี หากไม่มีกฎหมายเฉพาะ
คดีเกี่ยวกับกฎหมายทะเลต้องบังคับตามกฎหมายและกฏข้อบังคับว่าด้วยการนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 609 วรรคท้าย แต่ปัจจุบันนี้กฎหมายและกฎข้อบังคับของประเทศไทยว่าด้วยการรับขนของทางทะเลยังไม่มี อายุความฟ้องร้องจึงมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 จะยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 มาใช้บังคับหาได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1295/2516)
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเกี่ยวกับการขนสินค้าทางทะเลเนื่องจากถุงบรรจุสินค้าฉีกขาดสินค้าสูญหาย จำเลยให้การด้วยว่า ตามเงื่อนไขในใบตราส่งมีข้อยกเว้นให้จำเลยไม่ต้องรับผิดในกรณีสินค้าสูญหายเกิดจากการรั่วของภาชนะที่บรรจุศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ข้อยกเว้นความผิดตามใบตราส่งเป็นโมฆะ แต่เมื่อคดีโจทก์ขาดอายุความโจทก์ต้องแพ้ พิพากษายกฟ้อง เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น และแม้จะว่ากล่าวโต้แย้งประเด็นข้อนี้ไว้ในคำแก้อุทธรณ์ แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำแก้อุทธรณ์ เพราะเหตุจำเลยมิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงต้องห้ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเกี่ยวกับการขนสินค้าทางทะเลเนื่องจากถุงบรรจุสินค้าฉีกขาดสินค้าสูญหาย จำเลยให้การด้วยว่า ตามเงื่อนไขในใบตราส่งมีข้อยกเว้นให้จำเลยไม่ต้องรับผิดในกรณีสินค้าสูญหายเกิดจากการรั่วของภาชนะที่บรรจุศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ข้อยกเว้นความผิดตามใบตราส่งเป็นโมฆะ แต่เมื่อคดีโจทก์ขาดอายุความโจทก์ต้องแพ้ พิพากษายกฟ้อง เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น และแม้จะว่ากล่าวโต้แย้งประเด็นข้อนี้ไว้ในคำแก้อุทธรณ์ แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำแก้อุทธรณ์ เพราะเหตุจำเลยมิได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงต้องห้ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย