พบผลลัพธ์ทั้งหมด 672 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2517/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าไฟฟ้า-กิจการไฟฟ้าสาธารณูปโภค-ฟ้องเคลือบคลุม: ศาลฎีกาวินิจฉัยเรื่องอายุความและรายละเอียดฟ้อง
ฟ้องเรียกเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่ค้างชำระ แม้ไม่บรรยายว่าจำเลยใช้ไฟฟ้าจากเลขวัดหน่วยที่เท่าใดถึงหน่วยที่เท่าใดก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะเป็นรายละเอียดที่จะนำสืบ
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโจทก์ดำเนินกิจการสาธารณูปโภคซึ่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ประโยชน์ของรัฐและประชาชนดังที่บัญญัติไว้ตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ.2503 มาตรา 6, 8, 41 หาใช่เป็นการประกอบกิจการค้าหากำไรตามปกติไม่ โจทก์จึงมิใช่เป็นพ่อค้าตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) สิทธิเรียกร้องค่ากระแสไฟฟ้าของโจทก์ไม่อยู่ในบังคับอายุความสองปี และโดยที่ค่ากระแสไฟฟ้าประจำเดือนมิใช่จำนวนเงินที่ตกลงไว้แน่นอน แม้จะกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลากรณีก็ไม่ต้องด้วยอายุความห้าปีตามมาตรา 166 จึงต้องนำอายุความทั่วไปซึ่งมีกำหนดสิบปีตามมาตรา 164 มาใช้บังคับ
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโจทก์ดำเนินกิจการสาธารณูปโภคซึ่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ประโยชน์ของรัฐและประชาชนดังที่บัญญัติไว้ตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ.2503 มาตรา 6, 8, 41 หาใช่เป็นการประกอบกิจการค้าหากำไรตามปกติไม่ โจทก์จึงมิใช่เป็นพ่อค้าตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) สิทธิเรียกร้องค่ากระแสไฟฟ้าของโจทก์ไม่อยู่ในบังคับอายุความสองปี และโดยที่ค่ากระแสไฟฟ้าประจำเดือนมิใช่จำนวนเงินที่ตกลงไว้แน่นอน แม้จะกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลากรณีก็ไม่ต้องด้วยอายุความห้าปีตามมาตรา 166 จึงต้องนำอายุความทั่วไปซึ่งมีกำหนดสิบปีตามมาตรา 164 มาใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2296/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่า, การสมรสโมฆะ, และอายุความแบ่งสินสมรส
สามีภริยาตามกฎหมายเก่าหย่ากันเมื่อใช้กฎหมายใหม่แล้วต้องทำตามแบบใน มาตรา 1498 เดิม
ชายจดทะเบียนกับหญิงระหว่างที่ชายยังมีภริยาตามกฎหมายเก่าอยู่ การสมรสตามที่จดทะเบียนเป็นโมฆะตาม มาตรา 1490 ไม่ใช่การสมรสเดิมขาดจากกัน
ประนีประนอมยอมความระหว่างผู้รับพินัยกรรม ซึ่งโจทก์ผู้เป็นภริยาเจ้ามรดกมิได้รับพินัยกรรมและไม่มีข้อพิพาทด้วย แม้ได้ลงชื่อในบันทึกข้อตกลงด้วยก็ในฐานะรับให้ทรัพย์สินบางอย่าง ไม่ตัดสิทธิโจทก์ขอแบ่งสินสมรสระหว่างโจทก์กับเจ้ามรดก
อายุความแบ่งสินสมรสระหว่างภริยากับเจ้ามรดกผู้ตายไม่ใช่ 1 ปี ตาม มาตรา 1754 แต่ 10 ปีตาม มาตรา 164
ชายจดทะเบียนกับหญิงระหว่างที่ชายยังมีภริยาตามกฎหมายเก่าอยู่ การสมรสตามที่จดทะเบียนเป็นโมฆะตาม มาตรา 1490 ไม่ใช่การสมรสเดิมขาดจากกัน
ประนีประนอมยอมความระหว่างผู้รับพินัยกรรม ซึ่งโจทก์ผู้เป็นภริยาเจ้ามรดกมิได้รับพินัยกรรมและไม่มีข้อพิพาทด้วย แม้ได้ลงชื่อในบันทึกข้อตกลงด้วยก็ในฐานะรับให้ทรัพย์สินบางอย่าง ไม่ตัดสิทธิโจทก์ขอแบ่งสินสมรสระหว่างโจทก์กับเจ้ามรดก
อายุความแบ่งสินสมรสระหว่างภริยากับเจ้ามรดกผู้ตายไม่ใช่ 1 ปี ตาม มาตรา 1754 แต่ 10 ปีตาม มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1753/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค่าเลี้ยงดูบุตรหลังหย่า: สิทธิฟ้อง, อายุความ, และขอบเขตความรับผิด
โจทก์ซึ่งหย่าขาดจากจำเลยฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรค่าเล่าเรียน ตลอดจนอุปกรณ์การเรียนและค่ารักษาพยาบาลบุตรตามสัญญาที่ทำกันไว้ ไม่ใช่คดีเกี่ยวกับสิทธิในครอบครัว
เมื่อโจทก์และจำเลยทำสัญญากันว่าจำเลยยอมยกให้โจทก์เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูบุตรและยอมส่งค่าเลี้ยงดูบุตรจนกว่าบุตรจะบรรลุนิติภาวะ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องให้จำเลยจ่ายเงินดังกล่าวให้โจทก์ตามสัญญาได้ และคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็ก
การนับอายุความฟ้องร้องเรียกเงินค่าเลี้ยงดูบุตรที่จำเลยต้องจ่ายแก่โจทก์เป็นรายเดือน และเงินค่าเล่าเรียนและค่าอุปกรณ์การเรียนเป็นรายปีนั้น ย่อมต้องแยกนับดูว่ารายใดเกิน 10 ปีหรือไม่ ส่วนที่ยังไม่เกิน 10 ปีก็ไม่ขาดอายุความ
เมื่อโจทก์และจำเลยทำสัญญากันว่าจำเลยยอมยกให้โจทก์เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูบุตรและยอมส่งค่าเลี้ยงดูบุตรจนกว่าบุตรจะบรรลุนิติภาวะ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องให้จำเลยจ่ายเงินดังกล่าวให้โจทก์ตามสัญญาได้ และคดีไม่อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็ก
การนับอายุความฟ้องร้องเรียกเงินค่าเลี้ยงดูบุตรที่จำเลยต้องจ่ายแก่โจทก์เป็นรายเดือน และเงินค่าเล่าเรียนและค่าอุปกรณ์การเรียนเป็นรายปีนั้น ย่อมต้องแยกนับดูว่ารายใดเกิน 10 ปีหรือไม่ ส่วนที่ยังไม่เกิน 10 ปีก็ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรมที่ดินต้องรับผิดค่าเสียหายจากความผิดของช่างตรี แต่มีสิทธิไล่เบี้ยเรียกค่าเสียหายจากช่างตรีได้
ช่างตรีเจ้าพนักงานกรมที่ดินโจทก์รายงานไม่ตรงตามความจริงฝ่าฝืนระเบียบ ทำให้เจ้าพนักงานที่ดินสั่งแก้รูปโฉนดที่ดินเจ้าของโฉนดเสียหาย กรมที่ดินต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าของโฉนดกรมที่ดินไล่เบี้ยเอาแก่ช่างตรีผู้เป็นต้นเหตุแห่งความเสียหายได้ อายุความการไล่เบี้ยมี 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 ไม่ใช่ช่างตรีทำละเมิดต่อกรมที่ดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนเงินภาษีการค้าที่ชำระเกินเนื่องจากโจทก์ไม่ใช่ผู้ประกอบการค้าตามกฎหมาย
แม้โจทก์จดทะเบียนประกอบการค้าไว้ในฐานะผู้นำเข้าและผู้ผลิตก็ตามแต่เมื่อได้ความว่าโจทก์นำวัตถุดิบต่าง ๆ เข้ามาเพื่อใช้ผลิตเป็นสินค้าเพื่อขาย มิได้นำมาเพื่อขายในขณะที่เป็นวัตถุดิบ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ประกอบการค้าตามความหมายในประมวลรัษฎากร มาตรา 77 คือโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าตามที่ระบุไว้ในบัญชีอัตราภาษีการค้าและรายการที่ประกอบการค้าตามมาตรา 78 วรรคแรก และโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าในกรณีที่ให้ถือว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าเป็นผู้ประกอบการค้าตามมาตรา 78 วรรคสอง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1606/2512) และเมื่อโจทก์มิได้เป็นผู้ประกอบการค้าวัตถุดิบต่างๆ เพื่อขายโดยเฉพาะ ก็จะถือว่าการที่โจทก์นำวัตถุดิบต่างๆ เข้ามาเพื่อใช้ผลิตสินค้าเป็นการขายสินค้าตามมาตรา 79 ทวิ (3) ไม่ได้ด้วย โจทก์จึงไม่ต้องเสียภาษีการค้าสำหรับวัตถุดิบในฐานะผู้นำเข้า
โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้า แต่โจทก์ได้นำส่งเงินเป็นภาษีการค้าสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้านั้นไว้ต่อกรมสรรพากรจำเลยดังนี้ถือว่าโจทก์ได้ชำระไปโดยการเก็บภาษีการค้าของจำเลยซึ่งเป็นการเก็บโดยอาศัยกฎหมายบัญญัติให้เก็บ หาใช่เก็บโดยไม่มีมูลที่จะอ้างได้ตามกฎหมายไม่ จึงไม่อยู่ในลักษณะลาภมิควรได้ทั้งกรณีเช่นนี้ไม่มีการประเมินเรียกเก็บ โจทก์จึงไม่ต้องอุทธรณ์การประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกคืนเงินภาษีการค้าที่ชำระไปได้ภายในอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 และเมื่อมิใช่ลาภมิควรได้กรณีจึงไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412, 419 กรมสรรพากรจำเลยจึงจะอ้างว่าภาษีที่โจทก์ชำระไปแล้วเป็นรายได้ของรัฐ รัฐได้ใช้จ่ายหมดไปทุกปีตามงบประมาณโดยสุจริตไม่มีสิทธิเรียกคืนหาได้ไม่
โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้า แต่โจทก์ได้นำส่งเงินเป็นภาษีการค้าสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้านั้นไว้ต่อกรมสรรพากรจำเลยดังนี้ถือว่าโจทก์ได้ชำระไปโดยการเก็บภาษีการค้าของจำเลยซึ่งเป็นการเก็บโดยอาศัยกฎหมายบัญญัติให้เก็บ หาใช่เก็บโดยไม่มีมูลที่จะอ้างได้ตามกฎหมายไม่ จึงไม่อยู่ในลักษณะลาภมิควรได้ทั้งกรณีเช่นนี้ไม่มีการประเมินเรียกเก็บ โจทก์จึงไม่ต้องอุทธรณ์การประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกคืนเงินภาษีการค้าที่ชำระไปได้ภายในอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 และเมื่อมิใช่ลาภมิควรได้กรณีจึงไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412, 419 กรมสรรพากรจำเลยจึงจะอ้างว่าภาษีที่โจทก์ชำระไปแล้วเป็นรายได้ของรัฐ รัฐได้ใช้จ่ายหมดไปทุกปีตามงบประมาณโดยสุจริตไม่มีสิทธิเรียกคืนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1164/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนภาษีการค้าสำหรับวัตถุดิบนำเข้าที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการค้าตามประมวลรัษฎากร
แม้โจทก์จดทะเบียนประกอบการค้าไว้ในฐานะผู้นำเข้าและผู้ผลิตก็ตามแต่เมื่อได้ความว่าโจทก์นำวัตถุดิบต่าง ๆ เข้ามาเพื่อใช้ผลิตเป็นสินค้าเพื่อขาย มิได้นำมาเพื่อขายในขณะที่เป็นวัตถุดิบ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ประกอบการค้าตามความหมายในประมวลรัษฎากร มาตรา 77 คือโจทก์ไม่ต้องเสียการค้าตามที่ระบุไว้ในบัญชีอัตราภาษีการค้าและรายการที่ประกอบการค้าตามมาตรา 78 วรรคแรก และโจทก์ไม่ต้องเสียภาษีการค้าในกรณีที่ให้ถือว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าเป็นผู้ประกอบการค้าตามมาตรา 78 วรรคสอง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1606/2512) และเมื่อโจทก์มิได้เป็นผู้ประกอบการค้าวัตถุดิบต่าง ๆ เพื่อขายโดยเฉพาะ ก็จะถือว่าการที่โจทก์นำวัตถุดิบต่าง ๆ เข้ามาเพื่อใช้ผลิตสินค้าเป็นการขายสินค้าตามมาตรา 79 ทวิ (3) ไม่ได้ด้วย โจทก์จึงไม่ต้องเสียภาษีการค้าสำหรับวัตถุดิบในฐานะผู้นำเข้า
โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้า แต่โจทก์ได้นำส่งเงินเป็นภาษีการค้าสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้านั้นไว้ต่อกรมสรรพากรจำเลย ดังนี้ถือว่าโจทก์ได้ชำระไปโดยการเก็บภาษีการค้าของจำเลยซึ่งเป็นการเก็บโดยอาศัยกฎหมายบัญญัติให้เก็บ หาใช่เก็บโดยไม่มีมูลที่จะอ้างได้ตามกฎหมายไม่ จึงไม่อยู่ในลักษณะลาภมิควรได้ ทั้งกรณีเช่นนี้ไม่มีการประเมินเรียกเก็บ โจทก์จึงไม่ต้องอุทธรณ์การประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกคืนเงินภาษีการค้าที่ชำระไปได้ภายในอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 และเมื่อมิใช่ลาภมิควรได้กรณีจึงไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412, 419 กรมสรรพากรจำเลยจึงจะอ้างว่ากรณีที่โจทก์ชำระไปแล้วเป็นรายได้ของรัฐ รัฐได้ใช้จ่ายหมดไปทุกปีตามงบประมาณโดยสุจริตไม่มีสิทธิเรียกคืนหาได้ไม่
โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้า แต่โจทก์ได้นำส่งเงินเป็นภาษีการค้าสำหรับวัตถุดิบที่นำเข้านั้นไว้ต่อกรมสรรพากรจำเลย ดังนี้ถือว่าโจทก์ได้ชำระไปโดยการเก็บภาษีการค้าของจำเลยซึ่งเป็นการเก็บโดยอาศัยกฎหมายบัญญัติให้เก็บ หาใช่เก็บโดยไม่มีมูลที่จะอ้างได้ตามกฎหมายไม่ จึงไม่อยู่ในลักษณะลาภมิควรได้ ทั้งกรณีเช่นนี้ไม่มีการประเมินเรียกเก็บ โจทก์จึงไม่ต้องอุทธรณ์การประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกคืนเงินภาษีการค้าที่ชำระไปได้ภายในอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 และเมื่อมิใช่ลาภมิควรได้กรณีจึงไม่เข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412, 419 กรมสรรพากรจำเลยจึงจะอ้างว่ากรณีที่โจทก์ชำระไปแล้วเป็นรายได้ของรัฐ รัฐได้ใช้จ่ายหมดไปทุกปีตามงบประมาณโดยสุจริตไม่มีสิทธิเรียกคืนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีตามสัญญาขายลดเช็ค: สัญญาไม่มีกำหนดอายุความเฉพาะ ใช้กฎหมายทั่วไป (10 ปี)
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสลักหลังเช็คพิพาทนำมาขายลดให้แก่โจทก์ โดยตกลงกับโจทก์ว่าเมื่อถึงกำหนดชำระเงินแล้วให้โจทก์นำเช็คไปขึ้นได้ หากขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยยอมรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย ครั้นเมื่อถึงกำหนดวันชำระเงินตามเช็คพิพาท โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงินตามเช็คและหนังสือสัญญาขายลดเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ย ดังนี้ เห็นได้ว่าโจทก์หาได้ฟ้องจำเลยผู้สลักหลังเช็คให้รับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์ในฐานะโจทก์เป็นผู้ทรงเช็ค แต่อย่างเดียวไม่ แต่โจทก์ยังได้ฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาขายลดเช็คที่จำเลยทำกับโจทก์อีกด้วย สิทธิเรียกร้องของโจทก์ของโจทก์ตามสัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คือมีอายุความ 10 ปี แม้โจทก์ฟ้องเกิน 1 ปี นับแต่วันที่ลงในเช็คพิพาท คดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีสัญญาซื้อขายลดเช็ค: สิทธิเรียกร้องตามสัญญามีอายุความ 10 ปี
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสลักหลังเช็คพิพาทนำมาขายลดให้แก่โจทก์โดยตกลงกับโจทก์ว่าเมื่อถึงกำหนดชำระเงินแล้วให้โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินได้ หากขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยยอมรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย ครั้นเมื่อถึงกำหนดวันชำระเงินตามเช็คพิพาทโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงินตามเช็คและหนังสือสัญญาขายลดเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ย ดังนี้ เห็นได้ว่าโจทก์หาได้ฟ้องจำเลยผู้สลักหลังเช็คให้รับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์ในฐานะโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คแต่อย่างเดียวไม่แต่โจทก์ยังได้ฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาขายลดเช็คที่จำเลยทำกับโจทก์อีกด้วย สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คือมีอายุความ 10 ปีแม้โจทก์ฟ้องเกิน 1 ปี นับแต่วันที่ลงในเช็คพิพาทคดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินหลังหย่า: อายุความเริ่มนับจากวันทำข้อตกลง
ข้อตกลงที่บิดามารดาทำไว้ในเมื่อจดทะเบียนหย่าว่า จะจดทะเบียนยกที่ดินสินสมรสให้แก่บุตร ไม่ได้กำหนดเวลาโอนกรรมสิทธิ์ไว้มารดาซึ่งเป็นเจ้าหนี้เรียกให้โอนได้ทันที อายุความเริ่มนับตั้งแต่วันทำข้อตกลง ขาดอายุความเมื่อครบ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้รับฝากทรัพย์ กรณีรถยนต์สูญหาย และอายุความฟ้องคดี
บ. เอารถยนต์ของ บ. ประกันภัยการสูญหายไว้กับโจทก์และฝากรถยนต์นั้นไว้กับจำเลย รถหาย โจทก์ได้จ่ายเงินค่าประกันภัยให้ บ. แล้วจึงรับช่วงสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย กรณีมิใช่เป็นการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671 ซึ่งเป็นอายุความใช้สิทธิเรียกร้องในความรับผิดเพื่อใช้เงินค่าบำเหน็จ ค่าใช้จ่ายและค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวแก่การฝากทรัพย์ หากเป็นกรณีเกี่ยวกับเรื่องฟ้องเรียกร้องให้ชดใช้ราคาทรัพย์ซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
โจทก์จำเลยท้ากันข้อหนึ่งว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องเกี่ยวกับรถยนต์ซึ่ง บ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือไม่ ตามคำท้าดังกล่าวมีความหมายชัดตามตัวอักษรว่ารับกันว่า บ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ จำเลยจะอ้างว่าไม่มีเจตนาให้เป็นดังข้อท้าหาได้ไม่ แม้เอกสารที่รับกันจะมีข้อความว่า ส. เป็นผู้เอาประกันภัยและเป็นผู้ฝากรถ ก็ต้องฟังว่า บ. เป็นเจ้าของรถที่แท้จริงตามที่คู่ความรับกันและ ส. มีชื่อตามเอกสารดังกล่าวแต่ในนามแทน บ. เท่านั้น
โจทก์จำเลยท้ากันข้อหนึ่งว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องเกี่ยวกับรถยนต์ซึ่ง บ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือไม่ ตามคำท้าดังกล่าวมีความหมายชัดตามตัวอักษรว่ารับกันว่า บ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ จำเลยจะอ้างว่าไม่มีเจตนาให้เป็นดังข้อท้าหาได้ไม่ แม้เอกสารที่รับกันจะมีข้อความว่า ส. เป็นผู้เอาประกันภัยและเป็นผู้ฝากรถ ก็ต้องฟังว่า บ. เป็นเจ้าของรถที่แท้จริงตามที่คู่ความรับกันและ ส. มีชื่อตามเอกสารดังกล่าวแต่ในนามแทน บ. เท่านั้น