พบผลลัพธ์ทั้งหมด 672 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการเรียกคืนเงินค่าจ้าง และการอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์
เมื่อเลิกสัญญาจ้างทำของผู้ว่าจ้างเรียกเงินที่ผู้รับจ้างรับล่วงหน้าไปคืน ไม่ใช่กรณีผู้รับจ้างเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) มีอายุความ 10 ปี ตาม มาตรา 164
จำเลยขอให้เรียกคนภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์คำสั่งแต่ศาลไม่รับอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์คำสั่งนี้เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ศาลไม่รับนั้นเป็นการโต้แย้งคำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226 จึงอุทธรณ์ไม่ได้
จำเลยขอให้เรียกคนภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลยกคำร้องจำเลยอุทธรณ์คำสั่งแต่ศาลไม่รับอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์คำสั่งนี้เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ศาลไม่รับนั้นเป็นการโต้แย้งคำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา226 จึงอุทธรณ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2829/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิประทานบัตรทำเหมืองแร่และการคุ้มครองสิทธิจากการบุกรุก รวมถึงประเด็นอายุความฟ้องร้อง
เดิมบิดาโจทก์ได้รับประทานบัตรให้ทำเหมืองแร่ในที่พิพาทบิดาโจทก์ถึงแก่กรรม โจทก์ได้รับมรดกสิทธิตามประทานบัตรโดยถูกต้องตามกฎหมายเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2499 ประทานบัตรนี้สิ้นอายุในวันที่ 31 มีนาคม 2507 วันที่ 9 มกราคม 2507 โจทก์ขอต่ออายุ ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ต่ออายุประทานบัตรให้โจทก์12 ปีตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2507 เป็นต้นไปประทานบัตรของโจทก์จึงมิได้ขาดต่ออายุ จำเลยอ้างว่าพ. เข้าแผ้วถางปลูกพืชพันธ์ในที่พิพาทอยู่ 9 ปีแล้วขายให้จำเลยเมื่อปี พ.ศ. 2513 ดังนี้สิทธิของโจทก์ตามประทานบัตรจึงมีอยู่ก่อน พ. เข้าไปยึดถือครอบครอง และขณะฟ้องโจทก์ก็ยังมีสิทธิตามประทานบัตรนั้นอยู่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องด้วยว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่ในที่พิพาท โจทก์เสียภาษีและค่าธรรมเนียมประทานบัตรตลอดมา จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกต้นผลอาสินทำรั้วในที่พิพาท ขอให้ขับไล่ ฟ้องเช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยตามสิทธิประทานบัตรตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ. 2510 ด้วย
พ. ผู้ที่จำเลยอ้างว่าได้ขายหรือมอบที่พิพาทให้จำเลยก็ดี จำเลยก็ดีเข้าไปปลูกต้นผลอาสิน สร้างรั้ว หรืออาคารลงในที่พิพาท เป็นการยึดถือครอบครองในเขตพื้นที่ประทานบัตรของโจทก์ โดยไม่ปรากฏว่ามีสิทธิที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนสิทธิของโจทก์ผู้ถือประทานบัตร โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
การได้รับประทานบัตรให้ทำเหมืองแร่ ไม่ทำให้โจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินเขตประทานบัตร กรณีไม่ใช่เรื่องฟ้องเรียกคืนสิทธิครอบครองจากผู้แย่งการครอบครองจะนำเอาสิทธิฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาปรับแก่คดีหาได้ไม่ ต้องปรับด้วยอายุความทั่วไปตามมาตรา 164 และการพ้นอายุความก็ต้องนับแต่มีการบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่พิพาท เมื่อจำเลยเข้าไปครอบครองที่พิพาทยังไม่ถึง 10 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
โจทก์บรรยายฟ้องด้วยว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยได้รับประทานบัตรทำเหมืองแร่ในที่พิพาท โจทก์เสียภาษีและค่าธรรมเนียมประทานบัตรตลอดมา จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกต้นผลอาสินทำรั้วในที่พิพาท ขอให้ขับไล่ ฟ้องเช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยตามสิทธิประทานบัตรตามพระราชบัญญัติแร่พ.ศ. 2510 ด้วย
พ. ผู้ที่จำเลยอ้างว่าได้ขายหรือมอบที่พิพาทให้จำเลยก็ดี จำเลยก็ดีเข้าไปปลูกต้นผลอาสิน สร้างรั้ว หรืออาคารลงในที่พิพาท เป็นการยึดถือครอบครองในเขตพื้นที่ประทานบัตรของโจทก์ โดยไม่ปรากฏว่ามีสิทธิที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนสิทธิของโจทก์ผู้ถือประทานบัตร โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
การได้รับประทานบัตรให้ทำเหมืองแร่ ไม่ทำให้โจทก์ได้สิทธิครอบครองที่ดินเขตประทานบัตร กรณีไม่ใช่เรื่องฟ้องเรียกคืนสิทธิครอบครองจากผู้แย่งการครอบครองจะนำเอาสิทธิฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาปรับแก่คดีหาได้ไม่ ต้องปรับด้วยอายุความทั่วไปตามมาตรา 164 และการพ้นอายุความก็ต้องนับแต่มีการบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่พิพาท เมื่อจำเลยเข้าไปครอบครองที่พิพาทยังไม่ถึง 10 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการฟ้องขอชำระเงินค่าซื้อบ้านตามสัญญาซื้อขาย
การฟ้องขอให้ชำระเงินค่าซื้อบ้านที่ค้างอยู่ตามสัญญาไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปีตามมาตรา 164 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2768/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการฟ้องขอชำระหนี้ค่าซื้อบ้าน สัญญาไม่มีกำหนดอายุความใช้ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
การฟ้องขอให้ชำระเงินค่าซื้อบ้านที่ค้างอยู่ตามสัญญา ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2657/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกเงินกู้: เริ่มนับเมื่อผิดนัดชำระดอกเบี้ย แม้สัญญาจะกำหนดวันใช้เงินต้นในภายหลัง
โจทก์ให้จำเลยกู้เงิน สัญญากู้ข้อ 3 กำหนดให้ใช้ต้นเงินคืนวันที่ 4 มิถุนายน 2508 สัญญาข้อ 4 กำหนดให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ทุกเดือน และในสัญญาข้อ 6 มีความว่า "แม้ว่าข้าพเจ้า (จำเลย) ประพฤติผิดสัญญานี้แต่ข้อหนึ่งข้อใดก็ดี ยอมให้ท่าน (โจทก์) ฟ้องร้องเรียก6 นี้ ถ้าจำเลยไม่ชำระดอกเบี้ยในเดือนใด นับแต่วันนั้นโจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องต้นเงินคืนได้แล้ว ไม่จำต้องรอจนครบกำหนดวันใช้ต้นเงินคืนตามสัญญาข้อ 3 จำเลยผิดนัดไม่นำดอกเบี้ยมาชำระให้โจทก์ตั้งแต่วันที่ 4กรกฎาคม 2507 โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยในวันที่ 9 กันยายน 2517 จึงเกิน 10 ปี นับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2453/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสิทธิเรียกร้องจากสัญญาเช่าและการโอนสิทธิเช่า: สิทธิเรียกร้องลักษณะสัญญาต่างตอบแทนมีอายุความ 10 ปี
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาโอนสิทธิการเช่าตึกแถวซึ่งโจทก์ทำการก่อสร้างในที่ดินของผู้อื่นให้แก่จำเลย เพื่อเป็นค่าตอบแทน จำเลยยอมจ่ายเงินให้โจทก์จำนวนหนึ่งโดยจ่ายบางส่วนในวันทำสัญญาและในวันเข้าอยู่ในตึกแถวส่วนที่เหลือตกลงแบ่งชำระกันเป็น 2 งวด งวดแรกชำระแล้ว คงค้างชำระงวดหลังซึ่งนานเกิน 5 ปีแล้ว ดังนี้เงินตามสัญญาที่จำเลยจะต้องจ่ายให้โจทก์นั้นเป็นค่าตอบแทนในการที่โจทก์ยอมตกลงทำสัญญาให้จำเลยได้รับโอนสิทธิการเช่าตึกแถวซึ่งตามปกติธรรมดาแล้วจำเลยจะต้องชำระให้โจทก์ทั้งหมด แต่เพื่อผ่อนผันแบ่งเบาภาระให้จำเลย จึงได้ทำสัญญาเป็นแบ่งงวดชำระ จำนวนเงินดังกล่าวเป็นผลประโยชน์ที่โจทก์ควรจะได้รับจากการที่ยอมให้จำเลยเข้าทำสัญญาเช่าตึกแถว มิใช่เงินอันพึงส่งเพื่อผ่อนทุนคืนโดยตรงเป็นงวดๆ และไม่ใช่การเรียกเอาเงินค้างจ่าย เช่น เงินปีเงินเดือน หรือเงินอื่นๆ ที่เป็นทำนองเดียวกันที่มีกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลา จึงไม่เป็นสิทธิเรียกร้องที่กำหนดอายุความไว้ 5 ปี ตามความในมาตรา 166 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิเรียกร้องของโจทก์เข้าลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้เฉพาะเป็นอย่างอื่น จึงต้องใช้อายุความทั่วไปกำหนด 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2453/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาโอนสิทธิ์เช่า: เงินค่าตอบแทนไม่ใช่เงินผ่อนทุน แต่เป็นผลประโยชน์จากการทำสัญญา ใช้ อายุความ 10 ปี
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาโอนสิทธิ์การเช่าตึกแถวซึ่งโจทก์ทำการก่อสร้างในที่ดินของผู้อื่นให้แก่จำเลย เพื่อเป็นค่าตอบแทน จำเลยยอมจ่ายเงินให้โจทก์จำนวนหนึ่งโดยจ่ายบางส่วนในวันทำสัญญา และในวันเข้าอยู่ในตึกแถว ส่วนที่เหลือตกลงแบ่งชำระกันเป็น 2 งวด งวดแรกชำระแล้ว คงค้างชำระงวดหลังซึ่งนานเกิน 5 ปีแล้ว ดังนี้ เงินตามสัญญาที่จำเลยจะต้องจ่ายให้โจทก์นั้นเป็นค่าตอบแทนในการที่โจทก์ยอมตกลงทำสัญญาให้จำเลยได้รับโอนสิทธิ์การเช่าตึกแถวซึ่งตามปกติธรรมดาแล้วจำเลยจะต้องชำระให้โจทก์ทั้งหมด แต่เพื่อผ่อนผันแบ่งเบาภาระให้จำเลย จึงได้ทำสัญญาเป็นแบ่งงวดชำระ จำนวนเงินดังกล่าวเป็นผลประโยชน์ที่โจทก์ควรจะได้รับจากการที่ยอมให้จำเลยเข้าทำสัญญาเช่าตึกแถว มิใช่เงินอันพึงส่งเพื่อผ่อนทุนคืนโดยตรงเป็นงวด ๆ และไม่ใช่การเรียกเอาเงินค้างจ่าย เช่น เงินปี เงินเดือนหรือเงินอื่น ๆ ที่เป็นทำนองเดียวกันที่มีกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลา จึงไม่เป็นสิทธิ์เรียกร้องที่กำหนดอายุความไว้ 5 ปี ตามความในมาตรา 166 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สิทธิ์เรียกร้องของโจทก์เข้าลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทน ซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้เฉพาะเป็นอย่างอื่น จึงต้องใช้อายุความทั่วไปกำหนด 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2081-2082/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัด ค่าเสียหายเรียกได้ภายใน 10 ปี แม้โจทก์รับชำระหนี้หลังผิดนัด
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ 3 ครั้ง ตามสัญญา 3 ฉบับ รวม 21 คันโดยชำระเงินในวันทำสัญญาแต่ละฉบับจำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลือนั้นผ่อนชำระเป็นงวดค่าเช่าซื้อที่จำเลยส่งชำระให้แก่โจทก์นั้นไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ระบุให้ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถคันใดโดยเฉพาะ จึงเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 328 ซึ่งถ้าลูกหนี้ไม่ได้ระบุว่าชำระหนี้รายใด ก็ให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดชำระเงินค่าเช่าซื้อโดยไม่ชำระตรงตามวันและเดือนที่กำหนดไว้มาแต่เริ่มแรกและในระยะหลังๆ ก็ผิดนัดกว่า 2 เดือน ถึง 7 เดือน ซึ่งตามสัญญาเช่าซื้อให้ถือว่าโจทก์มีสิทธิริบเงินค่าเช่าซื้อได้ทันที และจำเลยต้องส่งรถคืนโจทก์ แต่โจทก์ก็ยอมผ่อนผันไม่ติดตามเอารถคืน ยังคงรับเงินจากจำเลยแบ่งเฉลี่ยชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อทั้ง 3 ฉบับ ยิ่งกว่านั้นเมื่อโจทก์ออกใบรับเงินให้จำเลย จำเลยก็มิได้ทักท้วงหรือโต้แย้ง จึงต้องถือว่าการแบ่งเฉลี่ยหนี้ของโจทก์เป็นไปตามความประสงค์ของจำเลยแล้ว จำเลยจะมาระบุว่าชำระหนี้สินรายใด ให้หนี้สินรายนั้นได้เปลื้องไปอีกหาได้ไม่
จำเลยชำระหนี้ค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามกำหนดเวลา โจทก์ก็ยอมผ่อนผันให้จำเลยชำระไม่บังคับตามสัญญาทันที ทั้ง ๆที่สัญญาเช่าซื้อกำหนดไว้ว่า เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดหนึ่งงวดใด หรือผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ให้ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นอันมีผลบังคับทันที บรรดาเงินที่ชำระแล้วให้โจทก์ริบทั้งสิ้น และจำเลยต้องส่งรถคืนแล้วจำเลยก็ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซื้อเกิน 2 ครั้งแล้วแต่ยังคงครอบครองและใช้รถเหล่านั้นตลอดมา โจทก์จึงได้ติดตามยึดรถคืน แต่หลังจากจำเลยผิดสัญญาแล้ว โจทก์ยังยอมรับชำระเงินจากจำเลยทั้งๆ ที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้ว โดยโจทก์ไม่ใช้สิทธิกลับเข้าครอบครองรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อจึงต้องถือว่าโจทก์ยอมรับเงินจากจำเลยเป็นค่าเสียหายในการที่จำเลยใช้รถที่เช่าซื้อนั่นเอง ดังนี้ โจทก์จะเรียกค่าเสียหายในระหว่างผิดนัดถึงวันที่จำเลยชำระเงินครั้งสุดท้ายซ้ำอีกไม่ได้คงเรียกค่าเสียหายได้ตั้งแต่วันชำระเงินครั้งสุดท้ายจนถึงวันที่โจทก์กลับเข้าครอบครองรถที่เช่าซื้อนั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ว่าด้วยเช่าซื้อมิได้บัญญัติเรื่องอายุความสำหรับฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาและยังใช้ทรัพย์ที่เช่าซื้อนั้นอยู่ไว้โดยตรง ผู้ให้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิเรียกร้องได้ภายในอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164 เพราะมิใช่ค่าเสียหายฐานละเมิด ส่วนการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและเรียกให้ผู้เช่าซื้อส่งทรัพย์คืนหากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนนั้น ก็เป็นเรื่องที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ใช้สิทธิติดตามเรียกเอาทรัพย์สินคืน ย่อมมีอายุความ 10 ปีเช่นกัน
จำเลยชำระหนี้ค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามกำหนดเวลา โจทก์ก็ยอมผ่อนผันให้จำเลยชำระไม่บังคับตามสัญญาทันที ทั้ง ๆที่สัญญาเช่าซื้อกำหนดไว้ว่า เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดหนึ่งงวดใด หรือผิดสัญญาข้อหนึ่งข้อใด ให้ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นอันมีผลบังคับทันที บรรดาเงินที่ชำระแล้วให้โจทก์ริบทั้งสิ้น และจำเลยต้องส่งรถคืนแล้วจำเลยก็ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ เมื่อจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซื้อเกิน 2 ครั้งแล้วแต่ยังคงครอบครองและใช้รถเหล่านั้นตลอดมา โจทก์จึงได้ติดตามยึดรถคืน แต่หลังจากจำเลยผิดสัญญาแล้ว โจทก์ยังยอมรับชำระเงินจากจำเลยทั้งๆ ที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกันแล้ว โดยโจทก์ไม่ใช้สิทธิกลับเข้าครอบครองรถยนต์ที่ให้เช่าซื้อจึงต้องถือว่าโจทก์ยอมรับเงินจากจำเลยเป็นค่าเสียหายในการที่จำเลยใช้รถที่เช่าซื้อนั่นเอง ดังนี้ โจทก์จะเรียกค่าเสียหายในระหว่างผิดนัดถึงวันที่จำเลยชำระเงินครั้งสุดท้ายซ้ำอีกไม่ได้คงเรียกค่าเสียหายได้ตั้งแต่วันชำระเงินครั้งสุดท้ายจนถึงวันที่โจทก์กลับเข้าครอบครองรถที่เช่าซื้อนั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ว่าด้วยเช่าซื้อมิได้บัญญัติเรื่องอายุความสำหรับฟ้องเรียกค่าเสียหายที่ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาและยังใช้ทรัพย์ที่เช่าซื้อนั้นอยู่ไว้โดยตรง ผู้ให้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิเรียกร้องได้ภายในอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164 เพราะมิใช่ค่าเสียหายฐานละเมิด ส่วนการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและเรียกให้ผู้เช่าซื้อส่งทรัพย์คืนหากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนนั้น ก็เป็นเรื่องที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ใช้สิทธิติดตามเรียกเอาทรัพย์สินคืน ย่อมมีอายุความ 10 ปีเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อผิดนัด: ค่าเสียหายตามสัญญา อายุความ 10 ปี การครอบครองรถไม่ใช่ละเมิด
ผู้เช่าซื้อผิดสัญญาแล้วไม่คืนรถในสภาพเรียบร้อย ต้องใช้ค่าเสียหายตามสัญญา ซึ่งมีอายุความ 10 ปี ข้อสัญญาที่ถือการครอบครองรถเมื่อผิดนัดแล้วว่าเป็นการครอบครองโดยมิชอบ ไม่ทำให้หนี้กลายเป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้จากการเบิกจ่ายเงินทดรองก่อสร้าง: ไม่ใช่หนี้สองปี แต่เป็นหนี้สิบปี
เงินที่บริษัทผู้ล้มละลายมอบให้ผู้ร้องซึ่งเป็นคนของบริษัทเองนำไปใช้จ่ายในการก่อสร้างที่บริษัทรับเหมาทำ หาเข้าลักษณะเป็นค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) ไม่ จึงมิใช่หนี้ที่มีอายุความสองปี หรือห้าปีตามที่บัญญัติไว้ในบทมาตราดังกล่าว หากเป็นหนี้ที่มีอายุความสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 เมื่อนับจากวันที่บริษัทผู้ล้มละลายจ่ายเงินให้ผู้ร้องจนถึงวันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์เรียกร้องให้ผู้ร้องชำระหนี้ ยังไม่ถึงสิบปี สิทธิเรียกร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงยังไม่ขาดอายุความ