พบผลลัพธ์ทั้งหมด 74 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดอำนาจศาล: เรียกร้องเงินเพื่อติดสินบนและค่าดำเนินการปล่อยตัวผู้ต้องหา
ผู้ถูกกล่าวหาเรียกร้องเอาเงินจากว.เพื่อเป็นค่าจ้างในการดำเนินการขอหลักทรัพย์คืนเร็วกว่าปกติ และนำไปติดสินบนแก่ผู้มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว กับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวลงลายมือชื่อในคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยได้ดำเนินการดังกล่าวหน้าห้องควบคุมผู้ต้องหาและร้านขายอาหารซึ่งอยู่ในรั้วเดียวกับศาลชั้นต้น พฤติการณ์เป็นการหลอกลวงเรียกร้องเอาเงินจากประชาชนผู้มาติดต่อศาล ทำให้เกิดความเสียหายแก่สถาบันศาลเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยภายในบริเวณศาลจึงเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 547/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกร้องเงินเพื่อส่งมอบให้ผู้พิพากษาเพื่อประกันตัว เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อย ละเมิดอำนาจศาล
เงินที่ผู้กล่าวหามอบให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาในบริเวณศาลนั้นเป็นเงินที่ผู้ถูกกล่าวหาเรียกร้องอ้างว่าจะเอาไปให้ผู้พิพากษาในการที่อนุญาตให้ประกันตัวการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2594/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้หลักทรัพย์ประกันตัวที่ถูกยึดเป็นประกันอีกครั้ง ถือละเมิดอำนาจศาล
ที่ดินตาม น.ส.3 รายนี้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เคยนำไปยื่นเป็นหลักทรัพย์ประกันตัวจำเลยในคดีอาญา แล้วผิดสัญญาประกันศาลสั่งปรับและยึดที่ดินตาม น.ส.3 ดังกล่าวเพื่อนำออกขายทอดตลาด ต่อมามีผู้ทุจริตลักลอบนำเอา น.ส.3 ฉบับดังกล่าวออกมาในระหว่างดำเนินการเพื่อจะขายทอดตลาด ไปให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นำไปเป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1(ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3) ในอีกคดีหนึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ทราบดีอยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิที่จะไปเกี่ยวข้องกับ น.ส.3 ฉบับนี้อีกแต่ก็ยังฝ่าฝืนนำเอา น.ส.3 ฉบับนี้มายื่นเป็นหลักทรัพย์ประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1(ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3) ต่อศาลอีก โดยอ้างว่าไม่มีภาระผูกพันใด ๆ จนกระทั่งศาลหลงเชื่อและได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาที่ 1(ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3) การกระทำดังกล่าวถือว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอันเป็นการกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดอำนาจศาล: ฎีกาเนื้อหาดูหมิ่น ก้าวร้าว เสียดสีศาล ผู้ลงนามและผู้ยื่นฎีกามีความผิด
ข้อความตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองและสำเนาคำร้องเรียนถึงบุคคลต่าง ๆ แนบท้ายฎีกาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฎีกา ระบุข้อความสำคัญอันมีลักษณะเป็นการก้าวร้าวและดูหมิ่นเสียดสีศาลอย่างรุนแรง เมื่อโจทก์ทั้งสองกับผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งเป็นทนายความได้ร่วมกันลงนามเป็นผู้ฎีกาและผู้เรียง โดยให้ผู้ถูกกล่าวหานำมายื่นต่อศาลชั้นต้น การกระทำของโจทก์ทั้งสองกับผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1),33 ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลเกิดขึ้นตั้งแต่ขณะผู้ถูกกล่าวหานำฎีกามายื่นต่อศาลชั้นต้น ประกอบกับฎีกามีลักษณะท้าทายอำนาจศาลยุติธรรมอย่างรุนแรงและแจ้งชัด ไม่มีข้อที่น่าสงสัยว่าได้กระทำไปโดยเลินเล่อหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ศาลชั้นต้นลงโทษโดยไม่สั่งให้แก้ไขเสียก่อน จึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดอำนาจศาล: การยื่นฎีกาที่มีเนื้อหาดูหมิ่นและท้าทายอำนาจศาลยุติธรรม
การที่โจทก์ทั้งสองนำเรื่องราวกล่าวโทษผู้พิพากษาซึ่งมีข้อความก้าวร้าวและดูหมิ่นเสียดสีศาลมารวมเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาและลงนามเป็นผู้ฎีกาและผู้เรียงร่วมกับผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นทนายความของโจทก์ทั้งสองนั้น แสดงว่าโจทก์ทั้งสองมีเจตนาให้ข้อความที่ฎีกานั้นปรากฏต่อศาล การที่ผู้ถูกกล่าวหานำฎีกามายื่นต่อศาลชั้นต้นจึงสมเจตนาของโจทก์ทั้งสอง การกระทำของโจทก์ทั้งสองจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลกรณีนี้เกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่ขณะผู้ถูกกล่าวหายื่นฎีกาดังกล่าวต่อศาลชั้นต้น ประกอบกับฎีกาของโจทก์ทั้งสองและผู้ถูกกล่าวหามีลักษณะเป็นการท้าทายอำนาจศาลยุติธรรมอย่างรุนแรงและแจ้งชัดไม่มีข้อที่น่าสงสัยว่าได้กระทำไปโดยเลินเล่อหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การที่ศาลลงโทษไปโดยไม่สั่งให้โจทก์ทั้งสองและผู้ถูกกล่าวหาแก้ไขถ้อยคำเสียก่อน จึงเหมาะสมแก่พฤติการณ์แล้ว เมื่อฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วยชัดเจนอยู่แล้ว ข้อความที่กล่าวไว้ในฎีกาว่าพร้อมจะแก้ไขถ้อยคำใด ๆ ตามคำสั่งศาลทุกประการนั้น ถูกลบล้างโดยการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเองโดยสิ้นเชิง จะฟังว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3818/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติตนไม่เรียบร้อยในศาลและการกล่าวหาผู้พิพากษาที่ไม่เป็นธรรม ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล
คำร้องคัดค้านผู้พิพากษาขอให้เปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาซึ่งทำการพิจารณาพิพากษาคดีนั้น ผู้ถูกกล่าวหาย่อมมีสิทธิโดยชอบ และกรณีความจำเป็นจะต้องกล่าวถึงข้อมูลตามความจริงที่ปรากฏขึ้นในคดีนั้น แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาเรียงข้อความในคำร้องว่า ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนผู้พิจารณาคดีนี้ดำเนินกระบวนพิจารณาไม่เป็นกลางอย่างเที่ยงธรรมแก่คู่ความทุกฝ่ายโดยเฉพาะไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์โดยทุจริตธรรมเพราะมีอคติต่อโจทก์ทำให้โจทก์เสียหายอันมีสภาพร้ายแรง ทำให้การพิจารณาหรือพิพากษาคดีเสียความยุติธรรมไป ฯลฯ ไม่รับบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 อันดับ 2 และ 3 ของโจทก์ด้วยมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ ซึ่งตามทางไต่สวนก็ปรากฏเพียงว่า เดิมศาลสั่งรับบัญชีพยานของโจทก์ไว้แล้ว ต่อมา 2 - 3 วัน ศาลได้แก้ไขคำสั่งเดิมและสั่งใหม่เป็นไม่รับบัญชีพยานอันดับ 2 และ 3 การแก้ไขคำสั่งจึงไม่มีเหตุอันมีสภาพร้ายแรงดังที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้อง และผู้ถูกกล่าวหาเรียงข้อความเกินไปจากความจริงหายผู้ถูกกล่าวหาไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวก็สามารถโต้แย้งคัดค้านคำสั่งดังกล่าวได้ตามกระบวนพิจารณา การที่ผู้ถูกกล่าวหาเรียงข้อความดังกล่าว จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
โทษที่จะรอการลงโทษได้นั้น ต้องเป็นโทษจำคุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 จะรอการลงโทษกักขังไม่ได้
โทษที่จะรอการลงโทษได้นั้น ต้องเป็นโทษจำคุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 จะรอการลงโทษกักขังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2126/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องขอถอนหลักประกันด้วยเจตนาทุจริต ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล
ผู้ถูก กล่าวหาเป็นผู้ประกันตัวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์ ในระหว่าง การพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอถอนหลักประกัน และรับหลักประกันคืนโดยอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 1ปี โทษจำรอในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอถอนหลักประกันนั้นผู้ถูกกล่าวหามิได้นำตัวจำเลยส่งมอบต่อศาลและศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลย อันจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นความรับผิดตามสัญญาประกัน ฉะนั้นการที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องขอถอนหลักประกันคืน โดยอ้างเหตุขอคืนอันเป็นเท็จ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาทราบความจริงอยู่แล้วหาใช่ผู้ถูกกล่าวหาเขียนคำร้องในส่วนที่เกี่ยวกับข้ออ้างขอถอนหลักประกันผิดพลาดไปแต่อย่างใดไม่ พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล และไม่มีเหตุสมควรที่จะลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดอำนาจศาลเกิดจากการแสดงความคิดเห็นต่อผู้พิพากษา แม้จะถอนคำร้องแล้วก็ไม่เป็นเหตุให้ความผิดสิ้นไป
การที่โจทก์ขอถอน คำร้องที่มีข้อความเป็นการละเมิดอำนาจศาลหาทำให้ข้อความตาม คำร้องที่เป็นการละเมิดอำนาจศาลหมดไปไม่ การจะถือ ว่าเป็นความผิดฐาน ละเมิดอำนาจศาลตาม ป.วิ.พ.มาตรา 31(1) ไม่จำต้องเป็นกรณีที่ศาลเดือน แล้ว แต่ยังคงกระทำต่อไปอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดอำนาจศาล: โจทก์ยื่นคำร้องเสียดสีศาล แม้ทนายไม่ได้ตรวจ ก็ต้องรับผิด
โจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์คำร้องซึ่งมีข้อความเสียดสีศาลย่อมตระหนักในข้อความตามคำร้องเป็นอย่างดี จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดตามเนื้อความในคำร้อง การที่ทนายความของโจทก์ไม่ได้ตรวจคำร้องก่อนที่โจทก์จะนำมายื่นต่อศาลไม่เป็นเหตุที่ยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวได้ และไม่อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องผิดพลาดและผิดหลง การที่โจทก์ขอถอนคำร้องซึ่งมีข้อความเสียดสีศาล หาทำให้ข้อความตามคำร้องที่เป็นการละเมิดอำนาจศาลหมดไปโดยการถอนคำร้องไม่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31(1) ไม่ได้บัญญัติว่าความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลจะต้องเป็นกรณีที่ศาลเตือนแล้วจึงจะถือว่ามีเจตนาละเมิดอำนาจศาล.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1130/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดอำนาจศาล: ผู้เรียงคำร้องต้องรับผิดชอบเนื้อหา แม้ทนายไม่ได้ตรวจ และการถอนคำร้องไม่ลบล้างความผิด
โจทก์เป็นผู้เรียงและพิมพ์คำร้องซึ่งมีข้อความเสียดสีศาลย่อมตระหนักในข้อความตามคำร้องเป็นอย่างดี จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดตามเนื้อความในคำร้อง การที่ทนายความของโจทก์ไม่ได้ตรวจคำร้องก่อนที่โจทก์จะนำมายื่นต่อศาลไม่เป็นเหตุที่ยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวได้ และไม่อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องผิดพลาดและผิดหลง
การที่โจทก์ขอถอนคำร้องซึ่งมีข้อความเสียดสีศาล หาทำให้ข้อความตามคำร้องที่เป็นการละเมิดอำนาจศาลหมดไปโดยการถอนคำร้องไม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31(1) ไม่ได้บัญญัติว่าความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลจะต้องเป็นกรณีที่ศาลเตือนแล้วจึงจะถือว่ามีเจตนาละเมิดอำนาจศาล
การที่โจทก์ขอถอนคำร้องซึ่งมีข้อความเสียดสีศาล หาทำให้ข้อความตามคำร้องที่เป็นการละเมิดอำนาจศาลหมดไปโดยการถอนคำร้องไม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 31(1) ไม่ได้บัญญัติว่าความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลจะต้องเป็นกรณีที่ศาลเตือนแล้วจึงจะถือว่ามีเจตนาละเมิดอำนาจศาล