คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 890 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802-2805/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการคุ้มครองแรงงาน: องค์การแก้วแสวงหากำไร ไม่ได้รับการยกเว้นตามประกาศมหาดไทย และข้อบังคับกองทุนบำเหน็จไม่ขัดแย้ง
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การแก้ว มาตรา 6 ระบุวัตถุประสงค์ขององค์การแก้วจำเลยไว้ว่า จัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมแก้วและวัตถุทนไฟ ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับหรือต่อเนื่องกับอุตสาหกรรมแก้วและวัตถุทนไฟ มาตรา 7 ยังให้อำนาจแก่จำเลยว่า ทำการค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของจำเลยร่วมการงานหรือสมทบกับบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของจำเลยรวมทั้งการเข้าเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือถือหุ้นในบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใด ๆ และรับเป็นสาขาตัวแทน ตัวแทนค้าต่าง อันเกี่ยวกับกิจการตามวัตถุประสงค์ของจำเลย ดังนี้ องค์การแก้วจำเลยมิได้จัดตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์เฉพาะในทางราชการทหาร หรือเพื่อช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น แต่ยังมีวัตถุประสงค์ประกอบการในทางค้าแสวงหากำไรทางเศรษฐกิจด้วย การจ้างงานของจำเลยจึงมิได้รับการยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดกิจการที่มิให้ใช้บังคับตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2
ข้อบังคับว่าด้วยกองทุนบำเหน็จของจำเลยที่กำหนดว่าพนักงานที่ออกจากงานมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จแต่เพียงอย่างเดียว และถือว่าเป็นเงินค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานด้วย อันเป็นข้อบังคับที่มีผลไม่ให้จ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานซึ่งถือเป็นกฎหมายส่วนหนึ่ง จึงไม่มีผลบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เงินบำเหน็จกับการจ่ายค่าชดเชย: ข้อตกลงที่ขัดต่อกฎหมายแรงงาน
จำเลยมีข้อบังคับให้จ่ายบำเหน็จเมื่อพนักงานมีอายุงานครบ5 ปี หรือกว่านั้นแต่ค่าชดเชยนั้นลูกจ้างประจำซึ่งทำงานติดต่อกันครบหนึ่งร้อยยี่สิบวันก็มีสิทธิได้รับแล้ว การคำนวณบำเหน็จก็อาศัยค่าจ้างสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีของอายุงานและตัวประกอบอื่นอีก และ ยังจ่ายให้ในกรณีลาออกและถึงแก่กรรมอีกด้วย เงินบำเหน็จจึงมีลักษณะเป็นการสงเคราะห์ตอบแทนการที่ลูกจ้างทำงานด้วยดีจนออกจากงานหรือถึงแก่กรรมถือได้ว่าเป็นเงินประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง มิใช่ค่าชดเชย ดังนั้น การที่นายจ้างกับลูกจ้างตกลงกันให้เงินบำเหน็จนี้เป็นค่าชดเชย จึงเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อตกลงนั้นจึงไม่มีผลผูกพันลูกจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2529-2530/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าชดเชยองค์กรของรัฐ: สิทธิลูกจ้าง, อายุความดอกเบี้ย, ศาลรับวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่ยกขึ้น
ค่าชดเชย เป็นบทบัญญัติส่วนหนึ่งของประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ที่ใช้บังคับแก่องค์การของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไรในทางเศรษฐกิจ หาใช่มุ่งหมายจะคุ้มครองเฉพาะแต่ลูกจ้างของเอกชนเท่านั้นไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1568/2523)
จำเลยให้การแต่เพียงว่า 'ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและดอกเบี้ยแก่โจทก์' ดังนี้ไม่แจ้งชัดว่าสิทธิเรียกร้องเอาดอกเบี้ยนั้นมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 ปัญหาเรื่องอายุความตาม มาตรา 166 จึงมิใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2155/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างระยะเวลาไม่แน่นอน: สิทธิเลิกจ้างและการจ่ายค่าชดเชย
การที่จำเลยจ้างโจทก์ตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 12เดือน จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเมื่อใดก็ได้ระหว่างนั้นโจทก์จึงมิใช่ลูกจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนอันจะเป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์เมื่อเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะราชการส่วนกลาง, เกษียณอายุ, การเลิกจ้าง และสิทธิค่าชดเชยของลูกจ้าง
องค์การฟอกหนังของกระทรวงกลาโหม ไม่เป็นราชการส่วนกลางอันไม่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
การที่มีกฎหมายกำหนดให้พนักงานที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์พ้นจากตำแหน่งนั้นเป็นการกำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับอายุของพนักงานไว้เป็นการทั่วไป ไม่เป็นการผูกพันว่าจะจ้างกันเป็นระยะเวลานานเท่าใด จึงมิใช่ลูกจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน
เมื่อนายจ้างมีคำสั่งให้ลูกจ้างประจำพ้นจากตำแหน่งไปฐานะที่เป็นลูกจ้างประจำก็สิ้นสุดลง แม้นายจ้างจะมีคำสั่งจ้างใหม่อีกในทันทีไว้ในฐานะเป็นลูกจ้างชั่วคราวรายเดือนก็ไม่ใช่ลูกจ้างประจำอีกต่อไปแล้ว จึงเป็นการเลิกจ้างที่นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2151/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างเนื่องจากเกษียณอายุ ไม่ใช่เหตุยกเว้นการจ่ายค่าชดเชย และการคำนวณดอกเบี้ย
ตามบทบัญญัติของกฎหมายก็ดี ระเบียบของจำเลยก็ดีที่ให้พนักงานพ้นจากตำแหน่งเมื่อมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์นั้น มิใช่เป็นการกำหนดระยะเวลาการจ้างเพราะมิได้กำหนดให้ผูกพันจ้างกันจนกว่าพนักงานจะมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ แต่เป็นเรื่องกำหนดคุณสมบัติพนักงานของจำเลยเป็นการทั่วไป พนักงานของจำเลยจึงมิใช่ลูกจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายบำนาญแตกต่างกับค่าชดเชยตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ถึงหากคำนวณแล้วจะมีจำนวนมากกว่าค่าชดเชย แต่ก็มีความประสงค์ในการจ่ายและวิธีการคำนวณแตกต่างกัน จึงเข้าลักษณะเป็นเงินประเภทอื่นต่างหากจากค่าชดเชย
จำเลยอุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยเป็นการเกินคำขอของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ระบุมาในคำฟ้องขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยเพียง 2 ปี 5 เดือนไม่ถึงวันฟ้อง ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จจึงไม่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1919/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างผู้อำนวยการรัฐวิสาหกิจ: คำสั่งย้ายช่วยงานไม่ถือเป็นการเลิกจ้าง ต้องเป็นการสั่งถอดถอนหรือพ้นจากตำแหน่ง
โจทก์เป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของจำเลยย่อมจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวตลอดไป จนกว่าผู้มีอำนาจที่จะสั่งได้โดยชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับได้สั่งถอดถอนหรือให้พ้นจากตำแหน่งไป การที่โจทก์เพียงแต่ถูกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสั่งให้ไปช่วยงานกระทรวงคมนาคม เป็นเพียงการที่มิได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมชั่วคราวเท่านั้น หาทำให้พ้นจากตำแหน่งไปทันทีไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างเพราะเกษียณอายุเป็น 'การเลิกจ้าง' ต้องจ่ายค่าชดเชย โรงงานยาสูบไม่อยู่ในข้อยกเว้น
การที่ระเบียบของจำเลยกำหนดให้พนักงานพ้นจากตำแหน่งเมื่อมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์นั้น มิใช่เป็นการกำหนดระยะเวลาการจ้างเพราะมิใช่เป็นการกำหนดว่าให้ผูกพันจ้างกันจนกว่าพนักงานจะมีอายุครบ60 ปีบริบูรณ์ จึงหาทำให้การจ้างนั้นเป็นการจ้างที่มีกำหนดเวลาไม่
แม้ระเบียบของจำเลยและพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจฯ จะกำหนดไว้ว่า พนักงานที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ถือว่าขาดคุณสมบัติและเป็นอันพ้นจากตำแหน่งก็ตาม ก็หมายความถึงให้จำเลยดำเนินการให้พนักงานที่ขาดคุณสมบัติเพราะเหตุดังกล่าวออกจากงานนั่นเอง ฉะนั้น การที่จำเลยให้โจทก์ออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุจึงเป็นการเลิกจ้าง
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 46มีหลักการให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้าง และในวรรคสามยกเว้นไว้ให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยในกรณีเลิกจ้างลูกจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน กับกรณีเลิกจ้างลูกจ้างทดลองปฏิบัติงานแสดงว่ามิได้ประสงค์ให้ยกเว้นถึงการเลิกจ้างที่ลูกจ้างรู้ตัวล่วงหน้าทั่วไปทุกกรณี จึงจะถือว่าการที่ลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ลูกจ้างรู้ตัวล่วงหน้าเหมือนกับกรณีดังกล่าวและไม่อยู่ในขอบเขตแห่งเจตนารมณ์ที่จะให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยเช่นเดียวกันหาได้ไม่
โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง มิได้เป็นส่วนราชการของกรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรมซึ่งสังกัดกระทรวงการคลังจึงมิใช่ราชการส่วนกลาง หาได้รับยกเว้นมิให้ใช้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ บังคับไม่ ฉะนั้น กระทรวงการคลังในฐานะเป็นนิติบุคคลผู้เป็นเจ้าของโรงงานยาสูบฯ ซึ่งเป็นนายจ้างโจทก์ จึงต้องรับผิดจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ ถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้ประกาศฯ ดังกล่าวบังคับแก่กระทรวงการคลังในฐานะเป็นราชการส่วนกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม: สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมจากค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน
ในกรณีที่มีการเลิกจ้างโดยการกระทำอันไม่เป็นธรรมนั้นนอกจากค่าชดเชยที่นายจ้างจะต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างโดยลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิดตามข้อ 47 แล้ว ลูกจ้างมีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายได้ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ76 และคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ มีอำนาจตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 41(4) ที่จะกำหนดค่าเสียหายให้แก่ลูกจ้าง.ในกรณีนายจ้างกระทำการอันไม่เป็นธรรมเป็นอีกส่วนหนึ่ง นอกเหนือจากค่าชดเชยที่นายจ้างจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว
การเลิกจ้างในกรณีที่สัญญาจ้างมิได้กำหนดว่าจ้างนานเท่าใดจะต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582 เมื่อนายจ้างมิได้บอกกล่าวล่วงหน้า นายจ้างจะต้องรับผิดในจำนวนค่าเสียหายดังกล่าวนี้ซึ่งเป็นคนละส่วนกับค่าชดเชยด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างฐานทุจริตตอกบัตรเวลา ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบร้ายแรง ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
บริษัทจำเลยมีลูกจ้างถึง 2000 กว่าคน ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานมีการทำงานตามปกติในวันจันทร์ถึงวันเสาร์และมีการทำงานล่วงเวลาทุกวัน สำหรับวันเสาร์เลิกงาน 13 นาฬิกา หลังจากนั้นเป็นการทำงานล่วงเวลาวันอาทิตย์เป็นวันหยุดแต่มีการทำงานในวันหยุดมีกำหนดไม่เกิน 8 ชั่วโมง ลูกจ้างที่มาทำงานมีสิทธิได้รับค่าจ้างทำงานวันหยุดไม่เกิน 8 ชั่วโมง การเบิกค่าจ้างจะตรวจสอบเวลาทำงานตามใบเบิกกับบัตรตอกเวลาทำงานของลูกจ้าง เมื่อเห็นว่าใบเบิกมีเวลาทำงานไม่เกินไปกว่าเวลาทำงานในบัตรตอกเวลาทำงานก็จ่ายค่าจ้างให้ตามใบเบิกเงินนั้นข้อบังคับการทำงานดังกล่าวเกี่ยวกับตอกบัตรเวลาทำงานนอกจากจะเป็นหลักฐานแสดงถึงระยะเวลาที่ลูกจ้างของจำเลยแต่ละคนปฏิบัติงานในแต่ละวันแล้ว ยังเป็นหลักฐานในการเบิกจ่ายค่าจ้างและค่าทำงานล่วงเวลา ในกรณีมีการทำงานล่วงเวลาด้วย บริษัทจำเลยเคยมีปัญหาเรื่องการตอกบัตรเวลาทำงานไม่ตรงตามความจริงมาแล้ว จึงได้ประกาศเตือนลูกจ้างว่าหากมีการทุจริตเกี่ยวกับการตอกบัตรเวลาบริษัทจำเป็นจะต้องเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย โจทก์ตอกบัตรเวลาทำงานฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของจำเลย โดยกลับจากทำงาน 12 นาฬิกาแต่ตอกบัตรเวลากลับ 21 นาฬิกาในวันเสาร์และได้ออกไปจากที่ทำงานตั้งแต่เวลา 9 นาฬิกา แต่ตอกบัตรเวลากลับจากทำงาน 19.02 นาฬิกา จึงเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวเป็นกรณีร้ายแรงจำเลยเลิกจ้างโจทก์เสียได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้
of 89