พบผลลัพธ์ทั้งหมด 79 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3690/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม, อายุความ, การละเสียซึ่งอายุความ, เบี้ยปรับ, และการลดจำนวนเบี้ยปรับ
โจทก์บรรยายฟ้องโดยกล่าวรวบยอดจำนวนหนี้ที่จำเลยค้างชำระแม้หนี้ดังกล่าวเป็นค่าซื้อสินค้าหลายครั้งหลายคราว แต่โจทก์ก็ได้อ้างเอกสารรายการสินค้าที่จำเลยสั่งซื้อแต่ละครั้งตลอดจนราคาแนบมาท้ายฟ้องแล้ว ทั้งตามคำให้การตลอดจนการดำเนินคดีของจำเลยก็ปรากฏชัดอยู่ในตัวว่าจำเลยมิได้ผิดหลงต่อคำฟ้องของโจทก์ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ส่งหนังสือแจ้งรายการหนี้ให้จำเลยชำระ จำเลยไม่ได้ยกอายุความขึ้นปฏิเสธความรับผิด แต่ได้ลงนามรับรองที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขในหนังสือนั้น ดังนี้ แม้จะฟังว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์บางรายการน่าจะขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวย่อมถือเป็นการแสดงออกโดยปริยายว่าได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความนั้นแล้ว จำเลยจึงไม่อาจอ้างอายุความมาเป็นข้อตัดฟ้องเพื่อปฏิเสธความรับผิด
การละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความของลูกหนี้ชั้นต้นไม่ลบล้างสิทธิของผู้ค้ำประกันในอันที่จะหยิบยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ แต่เมื่อผู้ค้ำประกันมิได้อ้างอายุความเป็นประเด็นต่อสู้ ไว้ในคำให้การ ศาลฎีกาจึงไม่อาจวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่ผู้ค้ำประกัน ได้
ข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยเรื่องความรับผิดในค่าบริการติดตามทวงถามนั้น เป็นการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าในกรณีที่จำเลยตกเป็นผู้ผิดนัด มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ มีผลใช้บังคับได้ไม่ตกเป็นโมฆะ แต่หากสูงเกินส่วนศาลอาจลดจำนวนลงได้ตามความเหมาะสม
โจทก์ส่งหนังสือแจ้งรายการหนี้ให้จำเลยชำระ จำเลยไม่ได้ยกอายุความขึ้นปฏิเสธความรับผิด แต่ได้ลงนามรับรองที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขในหนังสือนั้น ดังนี้ แม้จะฟังว่าสิทธิเรียกร้องของโจทก์บางรายการน่าจะขาดอายุความแล้วก็ตาม แต่พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวย่อมถือเป็นการแสดงออกโดยปริยายว่าได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความนั้นแล้ว จำเลยจึงไม่อาจอ้างอายุความมาเป็นข้อตัดฟ้องเพื่อปฏิเสธความรับผิด
การละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความของลูกหนี้ชั้นต้นไม่ลบล้างสิทธิของผู้ค้ำประกันในอันที่จะหยิบยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ แต่เมื่อผู้ค้ำประกันมิได้อ้างอายุความเป็นประเด็นต่อสู้ ไว้ในคำให้การ ศาลฎีกาจึงไม่อาจวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่ผู้ค้ำประกัน ได้
ข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยเรื่องความรับผิดในค่าบริการติดตามทวงถามนั้น เป็นการกำหนดค่าเสียหายไว้ล่วงหน้าในกรณีที่จำเลยตกเป็นผู้ผิดนัด มีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ มีผลใช้บังคับได้ไม่ตกเป็นโมฆะ แต่หากสูงเกินส่วนศาลอาจลดจำนวนลงได้ตามความเหมาะสม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3376/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้แม้ขาดอายุความแล้ว ถือเป็นการละเสียซึ่งอายุความ จำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ไม่ได้
หลังจากหนี้ที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ขาดอายุความแล้วจำเลยได้ทำหนังสือรับว่าเป็นหนี้โจทก์ แล้วโจทก์และจำเลยลงลายมือชื่อในหนังสือนั้น จึงเป็นเรื่องคู่กรณีทำหนังสือรับสภาพความผิดโดยสัญญา ถือว่าจำเลยละเสียซึ่งอายุความจำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์อีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2863/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาประกันวินาศภัย: การชำระหนี้เกิน 2 ปี หลังเกิดเหตุวินาศภัย ทำให้จำเลยละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ
โจทก์ได้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย ในระหว่างอายุสัญญาลูกจ้างโจทก์กระทำละเมิดต่อ ป. จำเลยมิได้เป็นผู้กระทำละเมิดต่อ ป. การที่จำเลยยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่ ป. ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้โจทก์ชำระค่าเสียหายแก่ ป. จึงเป็นการที่จำเลยยอมรับปฏิบัติตามความผูกพันที่มีอยู่ในสัญญาประกันวินาศภัยที่โจทก์ได้ทำไว้กับจำเลยปรากฏว่าเหตุวินาศภัยรายนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2521 แต่จำเลยยอมชำระค่าเสียหายให้แก่ ป.เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2525 เป็นเวลาเกินกว่า 2 ปีนับแต่ที่วินาศภัยเกิดขึ้น จึงเป็นการชำระหนี้ในขณะที่สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันวินาศภัยที่เกี่ยวกับวินาศภัยครั้งนี้ขาดอายุความแล้วถือได้ว่าจำเลยละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 192ดังนั้น เมื่อโจทก์คดีนี้ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันวินาศภัยส่วนที่ยังขาดอยู่ จำเลยจึงจะยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความในจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนที่ยังขาดอยู่อีกนั้น หาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2863/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ประกันภัยเกินอายุความ จำเลยมิอาจยกข้อต่อสู้ได้
โจทก์เอาประกันวินาศภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย ต่อมาโจทก์ถูกบุคคลภายนอกฟ้องให้รับผิดในมูลละเมิดอันเกิดจากการที่ลูกจ้างของโจทก์ขับรถยนต์โดยประมาทเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2521 ศาลพิพากษาให้โจทก์รับผิด คดีถึงที่สุด จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่บุคคลภายนอกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2525 เกินกว่า 2 ปี นับแต่วินาศภัยเกิดขึ้นแต่ไม่เต็มจำนวนหนี้ทั้งหมดตามคำพิพากษานั้น เช่นนี้เท่ากับจำเลยยอมรับปฏิบัติตามความผูกพันที่มีอยู่ในสัญญาประกันวินาศภัยที่โจทก์ได้ทำไว้กับจำเลย จึงเป็นการชำระหนี้ในขณะที่สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันวินาศภัยที่เกี่ยวกับวินาศภัยครั้งนี้ขาดอายุความแล้ว ถือได้ว่าจำเลยละเลยซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันวินาศภัยส่วนที่ยังขาดอยู่ จำเลยจะยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความในจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนที่ยังขาดอยู่อีกนั้นหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2863/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้เกินอายุความในสัญญาประกันวินาศภัย จำเลยไม่อาจยกอายุความได้
โจทก์เอาประกันวินาศภัยรถยนต์ไว้กับจำเลย ต่อมาโจทก์ถูกบุคคลภายนอกฟ้องให้รับผิดในมูลละเมิดอันเกิดจากการที่ลูกจ้างของโจทก์ขับรถยนต์โดยประมาท เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2521 ศาลพิพากษาให้โจทก์รับผิด คดีถึงที่สุด จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่บุคคลภายนอกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2525 เกินกว่า 2 ปี นับแต่วินาศภัยเกิดขึ้นแต่ไม่เต็มจำนวนหนี้ทั้งหมดตามคำพิพากษานั้น เช่นนี้เท่ากับจำเลยยอมรับปฏิบัติตามความผูกพันที่มีอยู่ในสัญญาประกันวินาศภัยที่โจทก์ได้ทำไว้กับจำเลย จึงเป็นการชำระหนี้ในขณะที่สิทธิเรียกร้องตามสัญญาประกันวินาศภัยที่เกี่ยวกับวินาศภัยครั้งนี้ขาดอายุความแล้ว ถือได้ว่าจำเลยละเลยซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192 เมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้ให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันวินาศภัยส่วนที่ยังขาดอยู่ จำเลยจะยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความในจำนวนเงินค่าสินไหมทดแทนที่ยังขาดอยู่อีกนั้นหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2220/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนสภาพหนี้และอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 กรณีสัญญารับสภาพความรับผิด
จำเลยที่ 1 เบียดบังยักยอกเงินโจทก์ไปแล้วจำเลยที่ 2 ทำหนังสือสัญญารับสภาพความรับผิดยอมผูกพันตนร่วมกับจำเลยที่ 1 ชดใช้เงินแก่โจทก์ เป็นการเปลี่ยนสภาพแห่งหนี้ซึ่งเป็นสาระสำคัญของหนี้เดิมการที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ชดใช้เงินตามหนังสือสัญญาดังกล่าว ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2220/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนสภาพหนี้และการกำหนดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
จำเลยที่ 1 เบียดบังยักยอกเงินโจทก์ไปแล้วจำเลยที่ 2 ทำหนังสือสัญญารับสภาพความรับผิดยอมผูกพันตนร่วมกับจำเลยที่ 1 ชดใช้เงินแก่โจทก์ เป็นการเปลี่ยนสภาพแห่งหนี้ซึ่งเป็นสาระสำคัญของหนี้เดิมการที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้ชดใช้เงินตามหนังสือสัญญาดังกล่าว ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความภาษีอากร: การเจรจาเพื่อระงับคดีไม่ถือเป็นการยอมรับหนี้ หากเงื่อนไขไม่สำเร็จ
การที่จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ในระหว่างที่จำเลยกำลังถูกดำเนินคดีอาญา "...บริษัท ฯ มีความประสงค์จะขอทำความตกลงเพื่อให้กรม ฯ ระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยยอมชำระภาษีอากรที่ขาด..." และยังมีข้อความที่จำเลยขอลดหย่อนเบี้ยปรับและเงินเพิ่มอยู่ด้วยนั้น มีความหมายว่า จำเลยจะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดโดยขอลดหย่อนเบี้ยปรับและเงินเพิ่มก็เพื่อที่จะขอให้โจทก์ระงับคดีในชั้นศุลกากร โดยมีเงื่อนไขเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนว่าหากโจทก์ยอมระงับคดีในชั้นศุลกากรแล้ว จำเลยก็จะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดให้โจทก์ ฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ยังยืนยันให้ดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป เงื่อนไขบังคับก่อนจึงยังไม่สำเร็จความยินยอมชำระภาษีอากรที่ขาดจึงยังไม่เกิดขึ้น จำเลยจึงยังมิได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 192.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความภาษีอากร: การเจรจาระงับคดีและการละเสียซึ่งสิทธิเรียกร้อง
เมื่อพ้นกำหนด 10 ปี นับจากวันที่จำเลยนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว แต่อยู่ในระหว่างที่จำเลยถูกดำเนินคดีอาญาข้อหาสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงอากร บริษัทจำเลยมีหนังสือถึงกรมศุลกากรโจทก์ ความว่า '...บริษัท ฯ มีความประสงค์จะขอทำความตกลงเพื่อให้กรม ฯ ระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยยอมชำระภาษีอากรที่ขาด ...' ข้อความดังกล่าวมีความหมายเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนว่าหากโจทก์ยอมระงับคดีในชั้นศุลกากรแล้วจำเลยก็จะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดให้โจทก์ เมื่อโจทก์ยืนยันให้ดำเนินคดีกับจำเลย เงื่อนไขบังคับก่อนจึงยังไม่สำเร็จ ความยินยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดยังไม่เกิดขึ้น จำเลยจึงยังมิได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 192 คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3095/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับหนี้ค่าสินค้าขณะฟ้อง ทำให้ละเสียอายุความเรียกค่าปรับ
ขณะยื่นคำฟ้องซึ่งเป็นเวลาที่อายุความครบบริบูรณ์แล้วโจทก์ได้ยอมรับในคำฟ้องว่าโจทก์ต้องชำระราคาสิ่งของที่ซื้อให้แก่จำเลยตามสัญญาและยอมหักค่าสิ่งของดังกล่าวเป็นค่าปรับส่วนหนึ่งคำรับของโจทก์ตามฟ้องดังกล่าวจึงถือว่าโจทก์ได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามป.พ.พ.มาตรา192.