พบผลลัพธ์ทั้งหมด 79 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1584/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกอายุความในคดีมรดก: ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นการต่อสู้เรื่องอายุความตามมาตรา 1754 และ 1710
จำเลยให้การว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ เพราะคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับมรดกจำเลยเป็นทายาทตามพินัยกรรม โจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี เป็นคำให้การที่จำเลยประสงค์ยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยให้การอีกข้อหนึ่งว่า โจทก์ขาดอำนาจฟ้องเพราะมิได้ฟ้องคดีภายในกำหนด 60 วัน ตามคำสั่งของนายอำเภอก็ยังไม่พอแปลได้ว่า จำเลยได้ยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1710 เป็นข้อต่อสู้คดีไม่มีประเด็นว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1710
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1467/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักหนี้กับการสละอายุความ - การยกอายุความเมื่อมีข้อโต้แย้งเรื่องหนี้
โจทก์ฟ้องเรียกเบี้ยปรับฐานผิดสัญญา โดยขอหักหนี้ที่จะต้องชำระราคาของที่ซื้อจากจำเลยถือได้ว่าโจทก์สละอายุความที่จำเลยจะเรียกให้ชำระราคา โจทก์ยกอายุความขึ้นต่อสู้ตามที่จำเลยฟ้องแย้งไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรนอกกฎหมายมีสิทธิรับมรดก และอายุความมรดกที่ถูกละเสียจากการยินยอมแบ่งทรัพย์
โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายของ บ.พฤติการณ์ที่ บ.ได้อุปการะเลี้ยงดูกับให้การศึกษาเล่าเรียนแก่โจทก์ ถือได้ว่า บ.ได้รับรองและแสดงออกว่าโจทก์เป็นบุตรของ บ. โจทก์จึงเป็นทายาทโดยธรรม มีสิทธิรับมรดกแทนที่ บ.
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกโดยกล่าวว่าโจทก์เป็นบุตรของ บ. มีสิทธิรับมรดกแทนที่ บ. ศาลกะประเด็นไว้ว่าโจทก์เป็นบุตรของ บ.หรือไม่ เมื่อพิจารณาได้ความว่าโจทก์เป็นบุตรของ บ. ที่ บ. รับรองแล้ว ศาลมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าโจทก์มีสิทธิรับมรดกแทนที่ บ.ได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
แม้โจทก์จะฟ้องคดีมรดกเกินกำหนดอายุความ 1 ปี แต่โจทก์นำสืบให้เห็นได้ว่า ก่อนโจทก์จะฟ้องจำเลย จำเลยยังคงยอมให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดกรายนี้ เป็นแต่เกี่ยงว่ายังไม่พร้อมที่จะเอาชื่อโจทก์ใส่ในโฉนดที่ดินรายพิพาทเท่านั้น ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ไม่จำเป็นต้องทำบันทึกเป็นหลักฐานเพียงแต่โจทก์นำสืบให้เห็นพฤติการณ์ว่าจำเลยตกลงยินยอมให้โจทก์ได้รับ ส่วนแบ่งมรดกรายนี้ ก็เพียงพอให้ถือว่าจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ (อ้างฎีกาที่ 244/2511)
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกโดยกล่าวว่าโจทก์เป็นบุตรของ บ. มีสิทธิรับมรดกแทนที่ บ. ศาลกะประเด็นไว้ว่าโจทก์เป็นบุตรของ บ.หรือไม่ เมื่อพิจารณาได้ความว่าโจทก์เป็นบุตรของ บ. ที่ บ. รับรองแล้ว ศาลมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าโจทก์มีสิทธิรับมรดกแทนที่ บ.ได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
แม้โจทก์จะฟ้องคดีมรดกเกินกำหนดอายุความ 1 ปี แต่โจทก์นำสืบให้เห็นได้ว่า ก่อนโจทก์จะฟ้องจำเลย จำเลยยังคงยอมให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดกรายนี้ เป็นแต่เกี่ยงว่ายังไม่พร้อมที่จะเอาชื่อโจทก์ใส่ในโฉนดที่ดินรายพิพาทเท่านั้น ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ไม่จำเป็นต้องทำบันทึกเป็นหลักฐานเพียงแต่โจทก์นำสืบให้เห็นพฤติการณ์ว่าจำเลยตกลงยินยอมให้โจทก์ได้รับ ส่วนแบ่งมรดกรายนี้ ก็เพียงพอให้ถือว่าจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ (อ้างฎีกาที่ 244/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรนอกกฎหมายมีสิทธิรับมรดก และอายุความมรดกที่ถูกละเว้นจากการยินยอมแบ่งมรดก
โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายของ บ. พฤติการณ์ที่ บ. ได้อุปการะเลี้ยงดู กับให้การศึกษาเล่าเรียนแก่โจทก์ถือได้ว่า บ. ได้รับรองและแสดงออกว่าโจทก์เป็นบุตรของ บ. โจทก์จึงเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกแทนที่ บ.
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกโดยกล่าวว่าโจทก์เป็นบุตรของ บ.มีสิทธิรับมรดกแทนที่ บ. ศาลกะประเด็นไว้ว่า โจทก์เป็นบุตรของ บ. หรือไม่ เมื่อพิจารณาได้ความว่า โจทก์เป็นบุตรของ บ. ที่ บ. รับรองแล้ว ศาลมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าโจทก์มีสิทธิรับมรดกแทนที่ บ.ได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
แม้โจทก์จะฟ้องคดีมรดกเกินกำหนดอายุความ 1 ปี แต่โจทก์นำสืบให้เห็นได้ว่า ก่อนโจทก์จะฟ้องจำเลยจำเลยยังคงยอมให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดกรายนี้ เป็นแต่เกี่ยงว่ายังไม่พร้อมที่จะเอาชื่อโจทก์ใส่ในโฉนดที่ดินรายพิพาทเท่านั้น ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ไม่จำเป็นต้องทำบันทึกเป็นหลักฐานเพียงแต่โจทก์สืบให้เห็นพฤติการณ์ว่าจำเลยตกลงยินยอมให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดกรายนี้ ก็เพียงพอให้ถือว่าจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ(อ้างฎีกาที่ 244/2511)
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกโดยกล่าวว่าโจทก์เป็นบุตรของ บ.มีสิทธิรับมรดกแทนที่ บ. ศาลกะประเด็นไว้ว่า โจทก์เป็นบุตรของ บ. หรือไม่ เมื่อพิจารณาได้ความว่า โจทก์เป็นบุตรของ บ. ที่ บ. รับรองแล้ว ศาลมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าโจทก์มีสิทธิรับมรดกแทนที่ บ.ได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
แม้โจทก์จะฟ้องคดีมรดกเกินกำหนดอายุความ 1 ปี แต่โจทก์นำสืบให้เห็นได้ว่า ก่อนโจทก์จะฟ้องจำเลยจำเลยยังคงยอมให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดกรายนี้ เป็นแต่เกี่ยงว่ายังไม่พร้อมที่จะเอาชื่อโจทก์ใส่ในโฉนดที่ดินรายพิพาทเท่านั้น ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ไม่จำเป็นต้องทำบันทึกเป็นหลักฐานเพียงแต่โจทก์สืบให้เห็นพฤติการณ์ว่าจำเลยตกลงยินยอมให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดกรายนี้ ก็เพียงพอให้ถือว่าจำเลยได้ละเสียแล้วซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ(อ้างฎีกาที่ 244/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพความรับผิดหลังอายุความ: การผ่อนผันชำระหนี้ถือเป็นการรับสภาพหนี้ใหม่ ทำให้ฟ้องบังคับได้
ตามสัญญาซื้อขาย ผู้ขายตกลงส่งสินค้าให้ผู้ซื้อภายในกำหนด 4 เดือนนับแต่วันทำสัญญา ผู้ซื้อจะต้องชำระหนี้ให้แก่ผู้ขายเป็นงวดๆ งวดสุดท้ายจะต้องชำระภายใน 3 เดือน นับแต่ผู้ขายส่งมอบของ เมื่อผู้ขายได้ส่งมอบของแก่จำเลยแล้ว หนี้ที่เกี่ยวกับเรียกเอาค่าที่ส่งมอบของเช่นนี้ผู้ขายจะต้องฟ้องเรียกร้องเสียภายในกำหนดสองปี มิฉะนั้นเป็นอันขาดอายุความ
เมื่อสิทธิเรียกร้องของผู้ขายขาดอายุความแล้ว ผู้ซื้อซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่ได้บอกปัดการชำระหนี้ และได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ กลับมีหนังสือถึงผู้ขายขอชำระหนี้ต่อไปทั้งได้ชำระหนี้ให้อีกบ้าง ผู้ขายก็ได้ตอบสนองรับไป เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการรับสภาพความรับผิดตามสัญญา ผู้ซื้อย่อมผูกพันตามสัญญาการรับสภาพความรับผิดนั้น (อ้างฎีกาที่ 1838/2506) และเมื่อผู้ซื้อผิดนัดอีกผู้ขายย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องบังคับให้ผู้ซื้อชำระหนี้ได้
เมื่อสิทธิเรียกร้องของผู้ขายขาดอายุความแล้ว ผู้ซื้อซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่ได้บอกปัดการชำระหนี้ และได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ กลับมีหนังสือถึงผู้ขายขอชำระหนี้ต่อไปทั้งได้ชำระหนี้ให้อีกบ้าง ผู้ขายก็ได้ตอบสนองรับไป เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการรับสภาพความรับผิดตามสัญญา ผู้ซื้อย่อมผูกพันตามสัญญาการรับสภาพความรับผิดนั้น (อ้างฎีกาที่ 1838/2506) และเมื่อผู้ซื้อผิดนัดอีกผู้ขายย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องบังคับให้ผู้ซื้อชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับสภาพหนี้หลังอายุความ: การผ่อนผันชำระหนี้ถือเป็นการรับสภาพความรับผิดตามสัญญา ทำให้ฟ้องบังคับได้อีก
ตามสัญญาซื้อขาย ผู้ขายตกลงส่งสินค้าให้ผู้ซื้อภายในกำหนด4 เดือนนับแต่วันทำสัญญา ผู้ซื้อจะต้องชำระหนี้ให้แก่ผู้ขายเป็นงวดๆ งวดสุดท้ายจะต้องชำระภายใน 3 เดือนนับแต่ผู้ขายส่งมอบของ เมื่อผู้ขายได้ส่งมอบของแก่จำเลยแล้ว หนี้ที่เกี่ยวกับเรียกเอาค่าที่ส่งมอบของเช่นนี้ผู้ขายจะต้องฟ้องเรียกร้องเสียภายในกำหนดสองปี มิฉะนั้นเป็นอันขาดอายุความ
เมื่อสิทธิเรียกร้องของผู้ขายขาดอายุความแล้ว ผู้ซื้อซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่ได้บอกปัดการชำระหนี้ และได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ กลับมีหนังสือถึงผู้ขายขอชำระหนี้ต่อไป ทั้งได้ชำระหนี้ให้อีกบ้าง ผู้ขายก็ได้ตอบสนองรับไป เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการรับสภาพความรับผิดตามสัญญา ผู้ซื้อย่อมผูกพันตามสัญญาการรับสภาพความรับผิดนั้น (อ้างฎีกาที่ 1838/2506) และเมื่อผู้ซื้อผิดนัดอีกผู้ขายย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องบังคับให้ผู้ซื้อชำระหนี้ได้
เมื่อสิทธิเรียกร้องของผู้ขายขาดอายุความแล้ว ผู้ซื้อซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่ได้บอกปัดการชำระหนี้ และได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ กลับมีหนังสือถึงผู้ขายขอชำระหนี้ต่อไป ทั้งได้ชำระหนี้ให้อีกบ้าง ผู้ขายก็ได้ตอบสนองรับไป เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการรับสภาพความรับผิดตามสัญญา ผู้ซื้อย่อมผูกพันตามสัญญาการรับสภาพความรับผิดนั้น (อ้างฎีกาที่ 1838/2506) และเมื่อผู้ซื้อผิดนัดอีกผู้ขายย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องบังคับให้ผู้ซื้อชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้หลังอายุความ การละประโยชน์แห่งอายุความ และผลของการรับสภาพหนี้
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังว่าหนี้จำเลยขาดอายุความแล้วและหลังจากนั้นจำเลยได้ทำหนังสือฝ่ายเดียว ยอมชำระหนี้ทั้งหมดให้โจทก์ ซึ่งกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172 และไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 188 ก็ตาม แต่การที่จำเลยทำหนังสือไว้ให้โจทก์เช่นนั้น ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ละประโยชน์แห่งอายุความแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192 จำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์หาได้ไม่
การรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 นั้น ต้องเป็นเรื่องรับสภาพกันภายในกำหนดอายุความ
การรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 นั้น ต้องเป็นเรื่องรับสภาพกันภายในกำหนดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้หลังอายุความ การละประโยชน์แห่งอายุความ และผลของการทำหนังสือยอมชำระหนี้
แม้ข้อเท็จจริงจะฟังว่าหนี้จำเลยขาดอายุความแล้ว และหลังจากนั้นจำเลยได้ทำหนังสือฝ่ายเดียว ยอมชำระหนี้ทั้งหมดให้โจทก์ ซึ่งกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172 และไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 188 ก็ตาม แต่การที่จำเลยทำหนังสือไว้ให้โจทก์เช่นนั้น ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ละประโยชน์แห่งอายุความแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192. จำเลยจะยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์หาได้ไม่
การรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172นั้น ต้องเป็นเรื่องรับสภาพกันภายในกำหนดอายุความ
การรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172นั้น ต้องเป็นเรื่องรับสภาพกันภายในกำหนดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละประโยชน์แห่งอายุความรับมรดกจากการยอมรับเจรจาแบ่งทรัพย์หลังเจ้ามรดกเสียชีวิต
การที่จำเลยยอมรับจะแบ่งทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกซึ่งตกอยู่กับจำเลยให้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทและสืบสิทธิของทายาทของเจ้ามรดก เป็นเวลาหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่ความตายไปกว่า 20 ปี แล้วนั้น ถือว่าจำเลยละประโยชน์แห่งอายุความในเมื่ออายุความครบบริบูรณ์แล้ว จำเลยจะยกอายุความขึ้นสู้ไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 1607/2505)
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์พิพาทโดยอ้างว่าเจ้ามรดกยกให้ก่อนตาย ทางพิจารณาฟังได้ว่าทรัพย์พิพาทยังไม่ได้ยกให้แก่ใคร เป็นมรดกที่โจทก์จำเลยจะได้รับร่วมกับทายาทอื่น ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (2)
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์พิพาทโดยอ้างว่าเจ้ามรดกยกให้ก่อนตาย ทางพิจารณาฟังได้ว่าทรัพย์พิพาทยังไม่ได้ยกให้แก่ใคร เป็นมรดกที่โจทก์จำเลยจะได้รับร่วมกับทายาทอื่น ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเลยอายุความมรดก: การยอมรับแบ่งมรดกหลัง 20 ปี ถือละเลยอายุความ
การที่จำเลยยอมรับจะแบ่งทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกซึ่งตกอยู่กับจำเลยให้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทและสืบสิทธิของทายาทของเจ้ามรดก เป็นเวลาหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่ความตายไปกว่า 20 ปีแล้วนั้น ถือว่าจำเลยละประโยชน์แห่งอายุความในเมื่ออายุความครบบริบูรณ์แล้ว จำเลยจะยกอายุความขึ้นสู้ไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 1607/2505)
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์พิพาทโดยอ้างว่าเจ้ามรดกยกให้ก่อนตาย ทางพิจารณาฟังได้ว่าทรัพย์พิพาทยังไม่ได้ยกให้แก่ใคร เป็นมรดกที่โจทก์จำเลยจะได้รับร่วมกับทายาทอื่น ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(2)
โจทก์ฟ้องขอแบ่งทรัพย์พิพาทโดยอ้างว่าเจ้ามรดกยกให้ก่อนตาย ทางพิจารณาฟังได้ว่าทรัพย์พิพาทยังไม่ได้ยกให้แก่ใคร เป็นมรดกที่โจทก์จำเลยจะได้รับร่วมกับทายาทอื่น ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(2)