พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6068/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปยังทนายโจทก์ที่ย้ายภูมิลำเนา
ทนายโจทก์ได้ย้ายไปจากภูมิลำเนาเดิมแล้วก่อนวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนั้นการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ทนายโจทก์ตามภูมิลำเนาเดิมของทนายโจทก์โดยวิธีปิดหมาย จึงเป็นการไม่ชอบย่อมถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบ ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะมีคำสั่งให้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3219/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นฎีกาหลังศาลอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ และการปิดหมายนัดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2533ไม่ปรากฏว่ามีคู่ความฝ่ายใดฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีจึงยังไม่ได้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลใด ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2535 ซึ่งโจทก์ได้ยื่นฎีกาวันที่ 15 มิถุนายน2535 คำสั่งของศาลชั้นต้นในวันที่ 26 พฤษภาคม 2535 จึงเป็นคำสั่งภายหลังที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษา และเป็นคำสั่งตามคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟัง ซึ่งศาลชั้นต้นได้ทำการไต่สวนเสร็จแล้ว จึงไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาที่คู่ความจะต้องโต้แย้งไว้เพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปแต่อย่างใด
ขณะส่งหมายนัดให้ทนายโจทก์โดยวิธีปิดหมายนัด สำนักงานทนายความของทนายโจทก์ย้ายไปแล้ว การปิดหมายดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ขณะส่งหมายนัดให้ทนายโจทก์โดยวิธีปิดหมายนัด สำนักงานทนายความของทนายโจทก์ย้ายไปแล้ว การปิดหมายดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3219/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหลังย้ายสำนักงานทนาย และผลต่อการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่2ตุลาคม2533ไม่ปรากฎว่ามีคู่ความฝ่ายใดฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีจึงยังไม่ได้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลใดต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังใหม่ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ในวันที่26พฤษภาคม2535ซึ่งโจทก์ได้ยื่นฎีกาวันที่15มิถุนายน2535คำสั่งของศาลชั้นต้นในวันที่26พฤษภาคม2535จึงเป็นคำสั่งภายหลังที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาและเป็นคำสั่งตามคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังซึ่งศาลชั้นต้นได้ทำการไต่สวนเสร็จแล้วจึงไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาที่คู่ความจะต้องโต้แย้งไว้เพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปแต่อย่างใด ขณะส่งหมายนัดให้ทนายโจทก์โดยวิธีปิดหมายนัดสำนักงานทนายความของทนายโจทก์ย้ายไปแล้วการปิดหมายดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ภูมิลำเนาทนายความ แม้มีการย้ายสำนักงานแล้ว ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย
พนักงานเดินหมายบันทึกการส่งหมายว่าไม่พบทนายจำเลย พบแต่คนในบ้านสอบถามได้ความว่าทนายจำเลยไปธุระที่กรุงเทพมหานครไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อใด จำเลยมิได้นำสืบหักล้างว่าบันทึกการส่งหมายดังกล่าวไม่ถูกต้อง ตามบันทึกดังกล่าวแสดงว่าทนายจำเลยยังอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 48 การที่ทนายจำเลยยังอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 48 ก็ดี การที่ทนายจำเลยไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่บ้านซึ่งเป็นสำนักงานแห่งใหม่ก็ดี ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทนายจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 48 ด้วย ฉะนั้น การปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ถือว่าจำเลยทราบวันนัดแล้ว การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นจึงชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ภูมิลำเนาทนายจำเลยชอบด้วยกฎหมายเมื่อจำเลยมิได้โต้แย้ง
พนักงานเดินหมายบันทึกการส่งหมายว่าไม่พบทนายจำเลยพบแต่คนในบ้านสอบถามได้ความว่าทนายจำเลยไปธุระที่กรุงเทพมหานคร ไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อใด จำเลยมิได้นำสืบหักล้างว่าบันทึกการส่งหมายดังกล่าวไม่ถูกต้อง ตามบันทึกดังกล่าวแสดงว่าทนายจำเลยยังอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 48การที่ทนายจำเลยยังอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 48 ก็ดี การที่ทนายจำเลยไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่บ้านซึ่งเป็นสำนักงานแห่งใหม่ก็ดี ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ทนาย-จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 48 ด้วย ฉะนั้น การปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 79 ถือว่าจำเลยทราบวันนัดแล้วการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นจึงชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3246/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่เมื่อส่งหมายไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นว่าชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 140(3) บัญญัติว่าการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้อ่านข้อความทั้งหมดในศาลโดยเปิดเผยตามเวลาที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายนี้ต่อหน้าคู่ความทั้งสองฝ่ายหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง บทกฎหมายดังกล่าวบัญญัติเพียงว่าให้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งต่อหน้าคู่ความทั้งสองฝ่ายหรือฝ่ายหนึ่งโดยมิได้บังคับว่าต้องอ่านต่อหน้าคู่ความทุกฝ่ายเสมอไป การที่ศาลชั้นต้นงดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความทุกฝ่ายฟังเพราะไม่มีคู่ความมาศาล โดยปรากฏตามรายงานการเดินหมายว่ามีการปิดหมายให้จำเลยทั้งห้าไว้แล้ว จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาตามกฎหมายแล้ว ข้อเท็จจริงปรากฏภายหลังว่า การส่งหมายโดยวิธีปิดหมายดังกล่าวไม่ชอบเพราะเป็นการปิดหมาย ณ ภูมิลำเนาของทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งได้ย้ายไปก่อนปิดหมายแล้ว ก็ไม่ทำให้การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียไป ที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้เฉพาะทนายจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟังใหม่ จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ไม่จำต้องอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังอีกเพราะถือว่าได้อ่านตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2666/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ผ่านทนาย และผลของการไม่มาศาล: ถือว่าจำเลยทราบคำสั่ง
ศาลชั้นต้นส่งหมายนัด ฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้แก่ทนายจำเลยที่ 1 โดยชอบแล้ว ครั้นถึงวันนัด ทนายจำเลยที่1 ไม่มา ศาลชั้นต้นได้อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้ทนายโจทก์ซึ่งมาศาลฟังและบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ให้ถือว่าจำเลยที่ 1 ได้ฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้วตั้งแต่วันนั้น ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ได้ทราบคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้วตั้งแต่วันอ่านนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2427-2429/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล กรณีจำเลยไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์ตามกำหนด
แบบพิมพ์ท้ายอุทธรณ์ของจำเลยมีข้อความว่า 'ฯลฯ และรอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว' เมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ในวันที่จำเลยยื่นอุทธรณ์นั้นเอง จึงต้องถือว่าจำเลยได้ทราบคำสั่งในวันนั้นแล้ว
การที่จำเลยมิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนด 7 วันตามคำสั่งของศาลชั้นต้นย่อมถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.พ.มาตรา 174(2).
การที่จำเลยมิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนด 7 วันตามคำสั่งของศาลชั้นต้นย่อมถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.พ.มาตรา 174(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2362/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทราบคำสั่งชำระค่าขึ้นศาล และผลของการทิ้งฎีกาจากเหตุไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล
ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาของผู้ร้องในวันที่ผู้ร้องยื่นฎีกานั้นเอง ให้ผู้ร้องนำเงินค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์มาชำระให้ครบถ้วนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่สั่งนั้นและในท้ายฎีกามีข้อความว่า ผู้ร้องรอฟังคำสั่งศาลอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้วดังนี้ ต้องถือว่าผู้ร้องได้ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นในวันที่ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาของผู้ร้องเมื่อผู้ร้องไม่นำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระภายใน 7 วันตามคำสั่ง ต้องถือว่าผู้ร้องทิ้งฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบกับมาตรา 153 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483
การยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลานำค่าขึ้นศาลมาชำระเมื่อสิ้นระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้แล้ว และไม่ใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัยนั้น ไม่มีเหตุที่ศาลจะอนุญาต.
การยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลานำค่าขึ้นศาลมาชำระเมื่อสิ้นระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้แล้ว และไม่ใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัยนั้น ไม่มีเหตุที่ศาลจะอนุญาต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2362/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทราบคำสั่งศาล: ผลของการไม่ชำระค่าขึ้นศาลตามกำหนด และการทิ้งฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาของผู้ร้องในวันที่ผู้ร้องยื่นฎีกานั้นเอง ให้ผู้ร้องนำเงินค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์มาชำระให้ครบถ้วนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่สั่งนั้นและในท้ายฎีกามีข้อความว่า ผู้ร้องรอฟังคำสั่งศาลอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้วดังนี้ ต้องถือว่าผู้ร้องได้ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นในวันที่ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาของผู้ร้องเมื่อผู้ร้องไม่นำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระภายใน 7 วันตามคำสั่ง ต้องถือว่าผู้ร้องทิ้งฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบกับมาตรา 153 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483
การยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลานำค่าขึ้นศาลมาชำระเมื่อสิ้นระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้แล้ว และไม่ใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัยนั้น ไม่มีเหตุที่ศาลจะอนุญาต.
การยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลานำค่าขึ้นศาลมาชำระเมื่อสิ้นระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้แล้ว และไม่ใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัยนั้น ไม่มีเหตุที่ศาลจะอนุญาต.