คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 227

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 170 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดยื่นคำให้การ: สิทธิฎีกาข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่ศาลล่างสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การนั้นเท่ากับสั่งไม่รับคำให้การจำเลย คดีจึงปรับเข้าอยู่ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(3) ประกอบด้วยมาตรา 18 วรรคสาม ซึ่งเป็นข้อยกเว้น ให้จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้
จำเลยยื่นคำให้การพ้นกำหนดไป 2 วัน และยื่นคำร้องว่า การที่มิได้ยื่นคำให้การในกำหนดมิได้เป็นไปโดยจงใจ ดังนี้ ถือว่ามิได้มีพฤติการณ์พิเศษแต่อย่างใด เป็นความผิดของจำเลยเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดยื่นคำให้การและการมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การเท่ากับสั่งไม่รับคำให้การจำเลย คดีจึงปรับเข้าอยู่ใน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 228(3) ประกอบด้วยมาตรา 18 วรรค 3 ซึ่งเป็นข้อยกเว้นให้จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลที่ถือว่าเป็นการไม่รับคำให้การ ทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาได้ แม้คำสั่งนั้นจะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การเท่ากับสั่งไม่รับคำให้การจำเลยคดีจึงปรับเข้าอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(3) ประกอบด้วยมาตรา 18 วรรค 3 ซึ่งเป็นข้อยกเว้นให้จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเปลี่ยนชื่อในโฉนดไม่ใช่การเรียกคืนกรรมสิทธิ์ จึงไม่ต้องตีราคาที่ดินเพื่อเสียค่าขึ้นศาล
โจทก์ฟ้องอ้างว่ากรรมสิทธิในที่ดินเป็นของโจทก์ ขอให้เปลี่ยนชื่อในโฉนดโดยถอนชื่อจำเลย ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นตัวแทนออก ใส่ชื่อโจทก์แทน ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการเรียกกรรมสิทธิคืน คำฟ้องจึงยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์คำนวณเป็นราคาเงินได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขอเปลี่ยนแปลงชื่อในโฉนดไม่ใช่การเรียกคืนกรรมสิทธิ์ จึงไม่เป็นการฟ้องเพื่อปลดเปลื้องทุกข์
โจทก์ฟ้องอ้างว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นของโจทก์ ขอให้เปลี่ยนชื่อในโฉนดโดยถอนชื่อจำเลย ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นตัวแทนออกใส่ชื่อโจทก์แทน ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการเรียกกรรมสิทธิ์คืน คำฟ้องจึงยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์คำนวณเป็นราคาเงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนสัญญาให้ที่ดินและการเรียกคืนกรรมสิทธิ ถือเป็นการเรียกทรัพย์คืน
โจทก์ ฟ้องอ้างว่าโจทก์ได้ให้ที่ดินแก่จำเลยไปแล้ว โจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาให้ ดังนี้ ความประสงค์ก็คือเอากรรมสิทธิ ซึ่งโจทก์ว่าได้โอนไปให้ แล้วกลับคืนมานั่นเอง ดังจะเห็นได้จากคำขอที่ให้ถอนชื่อจำเลยออกเสียจากโฉนด คงชื่อไว้แต่โจทก์ผู้เดียวนั้น เป็นเรื่องเรียกทรัพย์คืน และเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์ อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนสัญญาโอนที่ดินและการเรียกคืนกรรมสิทธิ์: คดีมีทุนทรัพย์
โจทก์ ฟ้องอ้างว่าโจทก์ได้ให้ที่ดินแก่จำเลยไปแล้วโจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนสัญญาให้ ดังนี้ ความประสงค์ก็คือเอากรรมสิทธิ์ ซึ่งโจทก์ว่าได้โอนไปให้ แล้วกลับคืนมานั่นเอง ดังจะเห็นได้จากคำขอที่ให้ถอนชื่อจำเลยออกเสียจากโฉนด คงชื่อไว้แต่โจทก์ผู้เดียวนั้น เป็นเรื่องเรียกทรัพย์คืนและเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 268/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสูงในการยกคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 และสิทธิในการฎีกา
ศาลชั้นต้นทำคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นตามมาตรา 24 ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ยังไม่สมควรที่ศาลจะมีคำสั่งชี้ขาด เพราะข้อเท็จจริงยังไม่ได้ความพอที่จะมีคำสั่งเช่นนั้น จึงพิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ดังนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวแล้ว หาใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ไม่คู่ความย่อมฎีกาได้
แม้ศาลชั้นต้นสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้วเมื่อศาลสูงเห็นว่า รูปคดียังไม่สมควรชี้ขาดเบื้องต้นก็ให้ยกคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นของศาลชั้นต้นเสียได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 268/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นตามมาตรา 24: ศาลสูงมีอำนาจยกเลิกคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นของศาลชั้นต้นได้หากยังไม่สมควรชี้ขาด
ศาลชั้นต้นทำคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้นตามมาตรา 24 ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ยังไม่สมควรที่ศาลจะมีคำสั่งชี้ขาด เพราะข้อเท็จจริงยังไม่ได้ความพอที่จะมีคำสั่งเช่นนั้น จึงพิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ดังนี้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวแล้ว หาใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ไม่ คู่ความย่อมฎีกาได้
แม้ศาลชั้นต้นสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้ว เมื่อศาลสูงเห็นว่า รูปคดียังไม่สมควรชี้ขาดเบื้องต้น ก็ให้ยกคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นของศาลชั้นต้นเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องระบุปัญหาข้อกฎหมายชัดเจน และต้องอุทธรณ์ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด มิฉะนั้นขาดสิทธิ
ปัญหาข้อกฎหมายที่ยกขึ้นฎีกานั้น ต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกา มิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
เมื่อศาลได้มีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้ว หากคำสั่งนั้นทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง คู่ความย่อมอุทธรณ์ได้ทันที แต่ถ้าไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง ก็อุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือนนับแต่มีคำสั่ง ถ้าจะอุทธรณ์เมื่อศาลพิพากษาคดีแล้ว ก็จะต้องโต้แย้งให้ศาลจดรายงานไว้ มิฉะนั้นคู่ความฝ่ายนั้นย่อมหมดสิทธิในการอุทธรณ์,ฎีกา.
of 17