พบผลลัพธ์ทั้งหมด 89 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5633/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาให้คู่ความ
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยและสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกา แก่โจทก์ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฎีกา ดังนี้ แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลย ลงชื่อทราบคำสั่ง แต่เมื่อแบบพิมพ์ท้ายฎีกามีข้อความว่า 'ฯลฯ และ รอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอถือว่าทราบแล้ว' และศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ในวันที่จำเลยยื่นฎีกานั้นเอง จึงต้องถือว่าจำเลยทราบคำสั่งแล้วการที่จำเลยมิได้นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นการทิ้งฟ้องฎีกา ศาลฎีกาย่อมจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5633/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องฎีกาเนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาให้คู่ความ
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยและสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกา แก่โจทก์ภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฎีกา ดังนี้ แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลย ลงชื่อทราบคำสั่ง แต่เมื่อแบบพิมพ์ท้ายฎีกามีข้อความว่า 'ฯลฯ และ รอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอถือว่าทราบแล้ว' และศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ในวันที่จำเลยยื่นฎีกานั้นเอง จึงต้องถือว่าจำเลยทราบคำสั่งแล้วการที่จำเลยมิได้นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นการทิ้งฟ้องฎีกา ศาลฎีกาย่อมจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2758/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งเคลือบคลุม, การรับบัญชีพยาน, และการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยให้การและฟ้องแย้งเคลือบคลุมโดยมิได้แสดงเหตุแห่งการปฏิเสธ ไม่มีเหตุผลประกอบข้ออ้างของโจทก์ว่าฟ้องแย้งเคลือบคลุมอย่างไร การที่ศาลชั้นต้นไม่กำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าฟ้องแย้งเคลือบคลุมหรือไม่ จึงชอบแล้ว
ในวันที่จำเลยยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลยังมิได้สั่งในวันนั้นต่อมาภายหลังทนายจำเลยยื่นคำร้องขอลงชื่อในบัญชีพยานศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตและสั่งรับบัญชีพยานจำเลยในวันเดียวกันด้วย ถือได้ว่าเมื่อศาลมีคำสั่งรับบัญชีพยานของจำเลยทนายจำเลยได้ลงชื่อในบัญชีพยานโดยถูกต้องแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับเงิน 500,000 บาทจากจำเลยเป็นการตอบแทนการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยโจทก์จะออกจากที่ดินของจำเลยภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และได้ทำบันทึกเพิ่มเติมสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า โจทก์จะออกจากห้องเช่าภายใน 7 วัน นับแต่ผู้เช่าอื่นรายสุดท้ายซึ่งจำเลยได้ดำเนินการบังคับคดีได้ขนย้ายออกไปจากที่ดินเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยย่อมมีสิทธิบังคับคดีกับโจทก์ โจทก์จะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยมิได้และเมื่อโจทก์ผิดสัญญาโจทก์ก็ต้องคืนเงิน 500,000 บาทให้จำเลยตามฟ้องแย้ง.
ในวันที่จำเลยยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลยังมิได้สั่งในวันนั้นต่อมาภายหลังทนายจำเลยยื่นคำร้องขอลงชื่อในบัญชีพยานศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตและสั่งรับบัญชีพยานจำเลยในวันเดียวกันด้วย ถือได้ว่าเมื่อศาลมีคำสั่งรับบัญชีพยานของจำเลยทนายจำเลยได้ลงชื่อในบัญชีพยานโดยถูกต้องแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับเงิน 500,000 บาทจากจำเลยเป็นการตอบแทนการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยโจทก์จะออกจากที่ดินของจำเลยภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และได้ทำบันทึกเพิ่มเติมสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า โจทก์จะออกจากห้องเช่าภายใน 7 วัน นับแต่ผู้เช่าอื่นรายสุดท้ายซึ่งจำเลยได้ดำเนินการบังคับคดีได้ขนย้ายออกไปจากที่ดินเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยย่อมมีสิทธิบังคับคดีกับโจทก์ โจทก์จะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยมิได้และเมื่อโจทก์ผิดสัญญาโจทก์ก็ต้องคืนเงิน 500,000 บาทให้จำเลยตามฟ้องแย้ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2758/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเคลือบคลุม, การลงชื่อในบัญชีพยาน, และการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยให้การและฟ้องแย้งเคลือบคลุมโดยมิได้แสดงเหตุแห่งการปฏิเสธ ไม่มีเหตุผลประกอบข้ออ้างของโจทก์ว่าฟ้องแย้งเคลือบคลุมอย่างไร การที่ศาลชั้นต้นไม่กำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าฟ้องแย้งเคลือบคลุมหรือไม่ จึงชอบแล้ว
ในวันที่จำเลยยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลยังมิได้สั่งในวันนั้นต่อมาภายหลังทนายจำเลยยื่นคำร้องขอลงชื่อในบัญชีพยานศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตและสั่งรับบัญชีพยานจำเลยในวันเดียวกันด้วย ถือได้ว่าเมื่อศาลมีคำสั่งรับบัญชีพยานของจำเลยทนายจำเลยได้ลงชื่อในบัญชีพยานโดยถูกต้องแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับเงิน 500,000 บาทจากจำเลยเป็นการตอบแทนการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยโจทก์จะออกจากที่ดินของจำเลยภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และได้ทำบันทึกเพิ่มเติมสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า โจทก์จะออกจากห้องเช่าภายใน 7 วัน นับแต่ผู้เช่าอื่นรายสุดท้ายซึ่งจำเลยได้ดำเนินการบังคับคดีได้ขนย้ายออกไปจากที่ดินเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยย่อมมีสิทธิบังคับคดีกับโจทก์ โจทก์จะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยมิได้และเมื่อโจทก์ผิดสัญญาโจทก์ก็ต้องคืนเงิน 500,000 บาทให้จำเลยตามฟ้องแย้ง.
ในวันที่จำเลยยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลยังมิได้สั่งในวันนั้นต่อมาภายหลังทนายจำเลยยื่นคำร้องขอลงชื่อในบัญชีพยานศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตและสั่งรับบัญชีพยานจำเลยในวันเดียวกันด้วย ถือได้ว่าเมื่อศาลมีคำสั่งรับบัญชีพยานของจำเลยทนายจำเลยได้ลงชื่อในบัญชีพยานโดยถูกต้องแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับเงิน 500,000 บาทจากจำเลยเป็นการตอบแทนการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยโจทก์จะออกจากที่ดินของจำเลยภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และได้ทำบันทึกเพิ่มเติมสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า โจทก์จะออกจากห้องเช่าภายใน 7 วัน นับแต่ผู้เช่าอื่นรายสุดท้ายซึ่งจำเลยได้ดำเนินการบังคับคดีได้ขนย้ายออกไปจากที่ดินเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยย่อมมีสิทธิบังคับคดีกับโจทก์ โจทก์จะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยมิได้และเมื่อโจทก์ผิดสัญญาโจทก์ก็ต้องคืนเงิน 500,000 บาทให้จำเลยตามฟ้องแย้ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำให้การต้องใช้แบบพิมพ์ตามที่ราชการกำหนด และการยื่นคำให้การในเรือนจำไม่ใช่การยื่นต่อศาล
คำให้การของจำเลยจะต้องใช้กระดาษแบบพิมพ์คำให้การตามที่ทางราชการจัดไว้ จะใช้กระดาษแบบพิมพ์อย่างอื่นอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67 ไม่ได้
การยื่นคำให้การในคดีแพ่งต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้ไม่ได้ จำเลยซึ่งต้องขังอยู่ในเรือนจำยื่นคำให้การในคดีแพ่งต่อผู้บัญชาการเรือนจำหรือพัศดีภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 177 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ยื่นคำให้การต่อศาลภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายแล้ว
การยื่นคำให้การในคดีแพ่งต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้ไม่ได้ จำเลยซึ่งต้องขังอยู่ในเรือนจำยื่นคำให้การในคดีแพ่งต่อผู้บัญชาการเรือนจำหรือพัศดีภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 177 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ยื่นคำให้การต่อศาลภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำให้การต้องใช้แบบพิมพ์ที่กำหนด และการยื่นผ่านเรือนจำไม่ถือเป็นการยื่นต่อศาล
คำให้การของจำเลยจะต้องใช้กระดาษแบบพิมพ์คำให้การตามที่ทางราชการจัดไว้ จะใช้กระดาษแบบพิมพ์อย่างอื่นอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 67 ไม่ได้.
การยื่นคำให้การในคดีแพ่งต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้ไม่ได้ จำเลยซึ่งต้องขังอยู่ในเรือนจำยื่นคำให้การในคดีแพ่งต่อผู้บัญชาการเรือนจำหรือพัศดีภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 177 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ยื่นคำให้การต่อศาลภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายแล้ว.
การยื่นคำให้การในคดีแพ่งต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้ไม่ได้ จำเลยซึ่งต้องขังอยู่ในเรือนจำยื่นคำให้การในคดีแพ่งต่อผู้บัญชาการเรือนจำหรือพัศดีภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 177 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ก็ยังถือไม่ได้ว่าได้ยื่นคำให้การต่อศาลภายในกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องเพิ่มจำเลยใหม่และการผูกพันตามการปฏิบัติจริงในการซื้อขาย
การแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา179 จะต้องเป็นการแก้ไขข้อหา ข้ออ้างที่มีต่อจำเลยคือตัวบุคคลที่จะต้อง ระบุไว้แน่ชัดตามมาตรา 55,67 โดยการเพิ่มหรือลดทุนทรัพย์ หรือราคาทรัพย์สินที่พิพาทในฟ้องเดิมหรือสละข้อหาในฟ้องเดิม ประกอบด้วยมาตราบางข้อ หรือเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ ดังนั้น การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มชื่อ ซ. เข้ามาเป็นจำเลยในภายหลังจึงเท่ากับเป็นการฟ้องบุคคลอื่นเป็นจำเลยเพิ่มเข้ามาในคดีอีกคนหนึ่ง จึงมิใช่เป็นเรื่องขอแก้ไขคำฟ้องตามนัยแห่งบทกฎหมายดังกล่าว
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาว่าโจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามมาตรา 142(5) แม้โจทก์จำเลยจะมีข้อตกลงกันว่า ในการสั่งซื้อสินค้าและลงชื่อรับสินค้าจะกระทำได้เฉพาะจำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส. พนักงานของจำเลยเคยลงชื่อเป็นผู้รับสินค้าแทนจำเลยและจำเลยก็ได้ชำระราคาสินค้านั้น จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีสมัครใจซื้อขายโดยมิได้คำนึงถึงตัวบุคคล ผู้มีอำนาจสั่งซื้อหรือรับสินค้าตามข้อตกลงทั้งสองฝ่ายย่อมจะต้อง ผูกพันตามที่ได้ปฏิบัติต่อกัน
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาว่าโจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามมาตรา 142(5) แม้โจทก์จำเลยจะมีข้อตกลงกันว่า ในการสั่งซื้อสินค้าและลงชื่อรับสินค้าจะกระทำได้เฉพาะจำเลยที่ 2 ก็ตาม แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส. พนักงานของจำเลยเคยลงชื่อเป็นผู้รับสินค้าแทนจำเลยและจำเลยก็ได้ชำระราคาสินค้านั้น จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีสมัครใจซื้อขายโดยมิได้คำนึงถึงตัวบุคคล ผู้มีอำนาจสั่งซื้อหรือรับสินค้าตามข้อตกลงทั้งสองฝ่ายย่อมจะต้อง ผูกพันตามที่ได้ปฏิบัติต่อกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำฟ้องเพิ่มจำเลยและการผูกพันตามการซื้อขายที่ปรากฏต่อหน้าคู่กรณี
การแก้ไขคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา179 จะต้องเป็นการแก้ไขข้อหา ข้ออ้างที่มีต่อจำเลยคือตัวบุคคลที่จะต้อง ระบุไว้แน่ชัดตามมาตรา 55, 67 โดยการเพิ่มหรือลดทุนทรัพย์ หรือราคาทรัพย์สินที่พิพาทในฟ้องเดิมหรือสละข้อหาในฟ้องเดิม ประกอบด้วยมาตราบางข้อ หรือเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ ดังนั้น การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มชื่อ ซ. เข้ามาเป็นจำเลยในภายหลังจึงเท่ากับเป็นการฟ้องบุคคลอื่นเป็นจำเลยเพิ่มเข้ามาในคดีอีกคนหนึ่ง จึงมิใช่เป็นเรื่องขอแก้ไขคำฟ้องตามนัยแห่งบทกฎหมายดังกล่าว
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาว่าโจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามมาตรา 142(5)
แม้โจทก์จำเลยจะมีข้อตกลงกันว่า ในการสั่งซื้อสินค้าและลงชื่อรับสินค้าจะกระทำได้เฉพาะจำเลยที่ 2 ก็ตามแต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส. พนักงานของจำเลยเคยลงชื่อเป็นผู้รับสินค้าแทนจำเลยและจำเลยก็ได้ชำระราคาสินค้านั้น จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีสมัครใจซื้อขายโดยมิได้คำนึงถึงตัวบุคคล ผู้มีอำนาจสั่งซื้อหรือรับสินค้าตามข้อตกลงทั้งสองฝ่ายย่อมจะต้อง ผูกพันตามที่ได้ปฏิบัติต่อกัน
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาว่าโจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเหตุนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามมาตรา 142(5)
แม้โจทก์จำเลยจะมีข้อตกลงกันว่า ในการสั่งซื้อสินค้าและลงชื่อรับสินค้าจะกระทำได้เฉพาะจำเลยที่ 2 ก็ตามแต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส. พนักงานของจำเลยเคยลงชื่อเป็นผู้รับสินค้าแทนจำเลยและจำเลยก็ได้ชำระราคาสินค้านั้น จึงเป็นเรื่องที่คู่กรณีสมัครใจซื้อขายโดยมิได้คำนึงถึงตัวบุคคล ผู้มีอำนาจสั่งซื้อหรือรับสินค้าตามข้อตกลงทั้งสองฝ่ายย่อมจะต้อง ผูกพันตามที่ได้ปฏิบัติต่อกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 774/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียก/หมายนัดโดยมีชื่อจำเลยผิดพลาดเล็กน้อย ไม่ทำให้ฟ้องเสีย และการขาดนัดยื่นคำให้การ/ไม่มาศาลถือเป็นการจงใจ
แม้ในคำฟ้องและหมายเรียกจะระบุว่าจำเลยชื่อนางสุดจารีย์ โลกะวิทย์ โดยจำเลยชื่อนางสุจารี โลกะวิทย์ ก็ไม่ทำให้คำฟ้องของโจทก์เสียไป เพราะเป็นเพียงการสะกดการันต์ผิดพลาดเล็กน้อยและที่บ้านจำเลยไม่มีบุคคลอื่นที่มีชื่อว่านางสุดจารีย์อันจะทำให้เข้าใจผิดไปได้ และปรากฏด้วยว่าการที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การเป็นเพราะจำเลยหาเหตุที่ฟ้องของโจทก์สะกดการันต์ชื่อจำเลยไม่ถูกต้อง การที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้จึงถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การโดยจงใจ เมื่อปรากฏต่อมาว่าเจ้าพนักงานศาลได้ปิดหมายนัดกำหนดวันสืบพยานไว้ที่บ้านจำเลย จึงต้องถือว่าได้มีการส่งหมายกำหนดวันสืบพยานให้จำเลยทราบโดยชอบแล้วเช่นเดียวกัน การที่จำเลยไม่มาศาลจึงถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ ย่อมไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 774/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียก/หมายนัดที่ถูกต้อง แม้ชื่อจำเลยในฟ้องผิดพลาดเล็กน้อย ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ/พิจารณาโดยจงใจ
แม้ในคำฟ้องและหมายเรียกจะระบุว่าจำเลยชื่อนางสุดจารีย์ โลกะวิทย์ โดยจำเลยชื่อนางสุจารีโลกะวิทย์ ก็ไม่ทำให้คำฟ้องของโจทก์เสียไป เพราะเป็นเพียงการสะกดการันต์ผิดพลาดเล็กน้อย และที่บ้านจำเลยไม่มีบุคคลอื่นที่มีชื่อว่านางสุดจารีย์อันจะทำให้เข้าใจผิดไปได้ และปรากฏด้วยว่าการที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การเป็นเพราะจำเลยหาเหตุที่ฟ้องของโจทก์สะกดการันต์ชื่อจำเลยไม่ถูกต้องการที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้จึงถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การโดยจงใจ เมื่อปรากฏต่อมาว่าเจ้าพนักงานศาลได้ปิดหมายนัดกำหนดวันสืบพยานไว้ที่บ้านจำเลย จึงต้องถือว่าได้มีการส่งหมายกำหนดวันสืบพยานให้จำเลยทราบโดยชอบแล้วเช่นเดียวกัน การที่จำเลยไม่ มาศาลจึงถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ ย่อมไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้