พบผลลัพธ์ทั้งหมด 89 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีและการบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ โดยการฟ้องต้องระบุฐานะชัดเจน
คำฟ้องบรรยายว่าขอยื่นฟ้องนางคลี่มารดาผู้แทนโดยชอบธรรมด.ญ.ยุพิน กับพวก จำเลยนั้น เมื่อไม่แสดงให้ชัดแจ้งว่าฟ้องในฐานะอย่างอื่น ก็ต้องว่าฟ้องนางคลี่เป็นส่วนตัว ที่กล่าวว่าเป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมก็เพียงระบุว่านางคลี่คนไหนเท่านั้น
การแปลคำฟ้องที่จะให้เป็นผลร้ายแก่ผู้เยาว์ โดยโจทก์ไม่แสดงให้แน่ชัดหาได้ไม่
สัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลย ผู้มารดาในฐานะส่วนตัวทำกันไว้หาผูกพันทรัพย์สินของเด็กไม่
การแปลคำฟ้องที่จะให้เป็นผลร้ายแก่ผู้เยาว์ โดยโจทก์ไม่แสดงให้แน่ชัดหาได้ไม่
สัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์และจำเลย ผู้มารดาในฐานะส่วนตัวทำกันไว้หาผูกพันทรัพย์สินของเด็กไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเซ็นฟ้องอุทธรณ์โดยทนายความที่ใบอนุญาตหมดอายุ ไม่ทำให้ฟ้องเสีย
ฟ้องอุทธรณ์ที่โจทก์เซ็นชื่อเองแต่ในช่องผู้เรียงนั้นทนายความเป็นผู้เซ็น แม้จะเป็นเวลาภายหลังที่ทนายผู้นั้นไม่ได้ต่อทะเบียนใบอนุญาตทนายความแล้วก็ดี ก็หาทำให้ฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ฉะบับนั้นเสียไปไม่ (ในข้อนี้จำเลยเป็นผู้ฎีกา)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอุทธรณ์โดยทนายความที่ใบอนุญาตหมดอายุ ไม่ทำให้ฟ้องเสีย
ฟ้องอุทธรณ์ที่โจทก์เซ็นชื่อเอง แต่ในช่องผู้เรียงนั้นทนายความเป็นผู้เซ็น แม้จะเป็นเวลาภายหลังที่ทนายผู้นั้นไม่ได้ต่อทะเบียนใบอนุญาตทนายความแล้วก็ดี ก็หาทำให้ฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ฉบับนั้นเสียไปไม่(ในข้อนี้จำเลยเป็นผู้ฎีกา)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ซ้ำ: การยื่นอุทธรณ์ฉบับเดิมหลังศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ ไม่เป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
ฝ่ายที่แพ้คดี อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นครั้งหนึ่งแล้ว ศาลอุทธรณ์กลับพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ฝ่ายนั้นแพ้คดีอีกฝ่ายนั้นยื่นคำแถลงการณ์ขออุทธรณ์คดีขอให้ถือฟ้องอุทธรณ์ฉบับเดิมเป็นฟ้องอุทธรณ์ในชั้นนี้ดังนี้ ย่อมไม่เป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472-1473/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ต้องระบุประเด็นชัดเจนต่อเนื่องจากอุทธรณ์เดิม ศาลต้องพิจารณาตามประเด็นที่อุทธรณ์
ฟ้องอุทธรณ์หรือฟ้องฎีกาจะต้องตั้งประเด็นตามมาตรา 225 และต้องแสดงเหตุผลประกอบตามมาตรา 172 ป.ม.วิ.แพ่ง
ศาลชั้นต้นสืบพะยานของ ป.สองปากแล้วสั่งงดสืบพะยานของ ป. และพิพากษาให้ ป.แพ้คดี ป.ยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานไม่ชอบ และว่าพะยานหลักฐานของ ป.เท่าที่สืบมาแล้วควรฟังได้ เพราะเหตุใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เรื่องงดสืบพะยาน แล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานต่อไปและพิพากษาใหม่ศาลชั้นต้นสืบพะยานแล้วพิพากษาให้ ป.แพ้คดีตามเดิม ป.ยื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 บรรยาย การดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นและกล่าวว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและข้อกฎหมายดังที่ ป.ได้ยกเป็นองค์อุทธรณ์ ในคำฟ้องอุทธรณ์เดิมแล้วขอศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ฉะบับเดิมของ ป.มาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วย ดังนี้เห็นได้ว่า คำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของ ป.ต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิม ไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น แต่ต้องอ้างถึงคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน จึงเป็นอุทธรณ์ที่ใช้ได้ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นสืบพะยานของ ป.สองปากแล้วสั่งงดสืบพะยานของ ป. และพิพากษาให้ ป.แพ้คดี ป.ยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพะยานไม่ชอบ และว่าพะยานหลักฐานของ ป.เท่าที่สืบมาแล้วควรฟังได้ เพราะเหตุใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เรื่องงดสืบพะยาน แล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานต่อไปและพิพากษาใหม่ศาลชั้นต้นสืบพะยานแล้วพิพากษาให้ ป.แพ้คดีตามเดิม ป.ยื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 บรรยาย การดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นและกล่าวว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและข้อกฎหมายดังที่ ป.ได้ยกเป็นองค์อุทธรณ์ ในคำฟ้องอุทธรณ์เดิมแล้วขอศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ฉะบับเดิมของ ป.มาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วย ดังนี้เห็นได้ว่า คำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของ ป.ต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิม ไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น แต่ต้องอ้างถึงคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน จึงเป็นอุทธรณ์ที่ใช้ได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472-1473/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ต้องชัดเจนและต่อเนื่อง โดยอ้างอิงประเด็นเดิมได้ หากไม่ได้อ้างอิงถ้อยคำอื่นในสำนวน
ฟ้องอุทธรณ์หรือฟ้องฎีกาจะต้องตั้งประเด็นตามมาตรา 225 และต้องแสดงเหตุผลประกอบตามมาตรา 172ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลชั้นต้นสืบพยานของ ป.สองปากแล้วสั่งงดสืบพยานของป.และพิพากษาให้ป.แพ้คดี ป.ยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานไม่ชอบ และว่าพยานหลักฐานของ ป.เท่าที่สืบมาแล้วควรฟังได้ เพราะเหตุใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เรื่องงดสืบพยาน แล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปและพิพากษาใหม่ ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาให้ ป.แพ้คดีตามเดิม ป.ยื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 บรรยายการดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นและกล่าวว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและข้อกฎหมายดังที่ ป. ได้ยกเป็นองค์อุทธรณ์ ในคำฟ้องอุทธรณ์เดิมแล้ว ขอศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ฉบับเดิมของ ป.มาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วยดังนี้เห็นได้ว่า คำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของ ป.ต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิม ไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น จึงเป็นอุทธรณ์ที่ใช้ได้ตามกฎหมาย แต่อ้างถึงคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน
ศาลชั้นต้นสืบพยานของ ป.สองปากแล้วสั่งงดสืบพยานของป.และพิพากษาให้ป.แพ้คดี ป.ยื่นอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานไม่ชอบ และว่าพยานหลักฐานของ ป.เท่าที่สืบมาแล้วควรฟังได้ เพราะเหตุใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เรื่องงดสืบพยาน แล้วพิพากษาให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปและพิพากษาใหม่ ศาลชั้นต้นสืบพยานแล้วพิพากษาให้ ป.แพ้คดีตามเดิม ป.ยื่นอุทธรณ์เป็นครั้งที่ 2 บรรยายการดำเนินคดีมาตั้งแต่ต้นและกล่าวว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นคลาดเคลื่อนต่อเหตุผลและข้อกฎหมายดังที่ ป. ได้ยกเป็นองค์อุทธรณ์ ในคำฟ้องอุทธรณ์เดิมแล้ว ขอศาลอุทธรณ์ได้ถือเอาคำฟ้องอุทธรณ์ฉบับเดิมของ ป.มาเป็นองค์อุทธรณ์ในชั้นนี้ทุกประการด้วยดังนี้เห็นได้ว่า คำฟ้องอุทธรณ์ใหม่ของ ป.ต่อเนื่องมาจากคำฟ้องอุทธรณ์เดิม ไม่ได้อ้างถึงถ้อยคำอื่นในสำนวนเช่นคำแถลงการณ์เป็นต้น จึงเป็นอุทธรณ์ที่ใช้ได้ตามกฎหมาย แต่อ้างถึงคำฟ้องอุทธรณ์ด้วยกันและต่อเนื่องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวเมื่อเทศบาลเป็นผู้กระทำผิด โจทก์ต้องระบุฐานะให้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องเทศบาลเมืองสงขลาให้รับผิด แต่มิได้ระบุเอาเทศบาลเมืองสงขลาเป็นจำเลยรับผิด แม้จะบรรยายไว้ในฟ้องว่า จำเลยมีตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรี ก็ถือว่าฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัว ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยในฐานะส่วนตัวเมื่อเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ การฟ้องต้องระบุฐานะให้ชัดเจน
โจทก์ฟ้องเทศบาลเมืองสงขลาให้รับผิด แต่มิได้ระบุเอาเทศบาลเมืองสงขลาเป็นจำเลย แต่ได้ระบุให้จำเลยรับผิดแม้จะบรรยายไว้ในฟ้องว่า จำเลยมีตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรี ก็ถือว่าฟ้องจำเลยเป็นส่วนตัวต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 68/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของหุ้นส่วนผู้จัดการ: การฟ้องหนี้ห้างหุ้นส่วนโดยมิระบุตัวแทน
หนี้ของห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น ถ้าผู้จัดการหุ้นส่วนมาฟ้องไนนามของตนเองโดยไม่ระบุว่าฟ้องแทนห้างหุ้นส่วนหรือไนนามของห้างหุ้นส่วนสาลต้องตัดสินยกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 68/2487
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหนี้ห้างหุ้นส่วนสามัญโดยไม่ระบุตัวแทน
หนี้ของห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น ถ้าผู้จัดการหุ้นส่วนมาฟ้องในนามของตนเองโดยไม่ระบุว่าฟ้องแทนห้างหุ้นส่วนหรือในนามของห้างหุ้นส่วนศาลต้องตัดสินยกฟ้อง